เชียงคาน...เป็นชื่อที่ได้ยินมาบ่อยครั้งจากปากของพ่อ
เราสัญญากันไว้ว่าเมื่อฉันเรียนจบ ฉันจะพาพ่อไปที่เชียงคาน...ที่ที่พ่อเคยไปใช้ชีวิตที่นั่นในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
แต่ ณ ตอนนี้ ฉันไม่สามารถมองเห็นพ่อได้อีก ไม่ได้ยินเสียง ไม่มีแม้แต่คำร่ำลา พ่อได้จากฉันไปในที่ไกลแสนไกล
วันนี้ฉันจึงต้องเดินทางมาที่นี่เพียงลำพัง ที่ที่ไม่มีแม่...ที่ที่ไม่มีพ่อ ฉันหวังว่าพ่อกับแม่คงได้เจอกัน และฉันได้มาที่นี่แล้ว เชียงคาน...ในวันวานของพ่อ
เก็บกระเป๋า...สะพายกล้อง ซื้อตั๋วเดินทาง
ฉันกำลังเดินทางไปที่ที่หนึ่ง ที่ที่ใครหลายคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า "เหงา"
เพียงแค่ได้ยินชื่อ ใจฉันก็เต้นแรงแบบไม่มีเหตุผล
...........เชียงคาน...............
เมืองแห่งสายน้ำ ความสงบ มนต์เสน่ห์ และความเหงา
ฉันตกหลุมรักที่นี่ //><// ทันทีที่เห็น
ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าคิดอะไรอยู่ รู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ที่นี่แล้ว
ที่ที่ไม่รู้จักใครเลย...เชียงคาน
ในช่วง Low Season แบบนี้ มันทำให้ฉันได้เห็นเชียงคานในแบบเชียงคานจริงๆ
ผู้คนที่ทักทายอย่างเป็นมิตร เมืองที่สงบและมีแต่รอยยิ้ม
ไม่รู้เหมือนกันว่าจะจำกัดความมันว่าอย่างไรดี แต่รู้สึกอบอุ่น...
โฮมสเตย์ "บ้านชานเคียง ที่เชียงคาน" ให้ความรู้สึกเหมือนมาพักบ้านพี่ชาย
ตกเย็นก็จะมานั่งพูดคุยสนทนากัน บรรยากาศที่มืดครึ้มบวกกับดนตรีแนวคลาสสิคที่พี่เจ้าของร้านเปิด ชวนให้เหงาจับใจ
หน้าหนาวคงเหงากว่านี้....
ห้องชานล่าง น่ารักมากๆค่ะ
บันทึกคนนอนไม่หลับฉบับที่ 1
ฝนตกลงมาแล้ว...
พี่เจ้าของบ้านและเพื่อนโฮมสเตย์ ทั้ง "ชานบน" และ "ชานกลาง" หลับกันแล้ว
ฉันเพียงคนเดียวที่ยังนอนไม่หลับ ได้ยินเสียงฝนกระทบหลังคาบ้าน
เดินออกไปที่เปลสวนหย่อม นั่งดูปลาตอนเที่ยงคืน
ใครคนหนึ่ง...นั่งอยู่เก้าอี้ข้างหลังฉัน ใครคนนั้น...นั่งอยู่ก่อนหน้าฉัน
ต่างคนต่างเงียบ มีเพียงรอยยิ้ม...
"ฝนตก อากาศดีนะคะ"
"ครับ อากาศดี แต่มันเหงามาก"
เราคุยกันสองสามประโยค ไม่รู้จักชื่อ ไม่รู้ที่มา รู้เพียงว่า...เขามาที่นี่บ่อยครั้ง และไม่อยากให้เชียงคานเปลี่ยนไป...
เราร่ำลากัน ...
ฉันเปิดประตู "ชานล่าง" เขาขึ้นไปที่ดาดฟ้า "ชานบน" ได้ยินแต่เสียงแว่วมาว่า..."ฝันดี"...
เช้านี้...ที่ภูทอก วันที่มีหมอกมาเยือน
06.49 น.
มีคนเคยบอกไว้ว่า...ควรขึ้นภูดูหมอกในฤดูฝน จะให้อารมณ์ที่วิเศษไม่เหมือนใคร
ฉันไม่เชื่อเท่าไหร่นัก...
เมื่อคืนฝนตก ไม่รู้เลยว่าเช้านี้ที่ภูทอกจะเป็นอย่างไร แต่ตอนนี้...ฉันรู้แล้วว่ามันวิเศษจริงๆ
หกโมงแล้วแต่ยังไม่เห็นดวงอาทิตย์ทักทายยามเช้า มีเพียงสายหมอกจางๆกับไอหมอกเย็นๆให้พอชุ่มชื่นหัวใจ...รู้สึกไม่ผิดหวัง
แต่ไม่ถึง 10 นาที ภูทั้งยอดก็ขาวโพลนภายในพริบตา หมอกหนาและสวยงามมาก นี่แหละ สวรรค์!!!
ฉันไม่รู้ว่านั่งอยู่นานแค่ไหน รู้ตัวอีกทีก็เผลอยิ้มแบบไม่มีเหตุผลซะแล้ว >.<
หิวล่ะ ไปค้นตู้เย็นก่อน เดี๋ยวมาต่อนะคะ ^^
[CR] ความเหงา...พาฉันมาที่นี่ เชียงคาน ในวันวานของฉัน (หลงรักเลย) ^^
เราสัญญากันไว้ว่าเมื่อฉันเรียนจบ ฉันจะพาพ่อไปที่เชียงคาน...ที่ที่พ่อเคยไปใช้ชีวิตที่นั่นในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
แต่ ณ ตอนนี้ ฉันไม่สามารถมองเห็นพ่อได้อีก ไม่ได้ยินเสียง ไม่มีแม้แต่คำร่ำลา พ่อได้จากฉันไปในที่ไกลแสนไกล
วันนี้ฉันจึงต้องเดินทางมาที่นี่เพียงลำพัง ที่ที่ไม่มีแม่...ที่ที่ไม่มีพ่อ ฉันหวังว่าพ่อกับแม่คงได้เจอกัน และฉันได้มาที่นี่แล้ว เชียงคาน...ในวันวานของพ่อ
เก็บกระเป๋า...สะพายกล้อง ซื้อตั๋วเดินทาง
ฉันกำลังเดินทางไปที่ที่หนึ่ง ที่ที่ใครหลายคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า "เหงา"
เพียงแค่ได้ยินชื่อ ใจฉันก็เต้นแรงแบบไม่มีเหตุผล
...........เชียงคาน...............
เมืองแห่งสายน้ำ ความสงบ มนต์เสน่ห์ และความเหงา
ฉันตกหลุมรักที่นี่ //><// ทันทีที่เห็น
ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าคิดอะไรอยู่ รู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ที่นี่แล้ว
ที่ที่ไม่รู้จักใครเลย...เชียงคาน
ในช่วง Low Season แบบนี้ มันทำให้ฉันได้เห็นเชียงคานในแบบเชียงคานจริงๆ
ผู้คนที่ทักทายอย่างเป็นมิตร เมืองที่สงบและมีแต่รอยยิ้ม
ไม่รู้เหมือนกันว่าจะจำกัดความมันว่าอย่างไรดี แต่รู้สึกอบอุ่น...
โฮมสเตย์ "บ้านชานเคียง ที่เชียงคาน" ให้ความรู้สึกเหมือนมาพักบ้านพี่ชาย
ตกเย็นก็จะมานั่งพูดคุยสนทนากัน บรรยากาศที่มืดครึ้มบวกกับดนตรีแนวคลาสสิคที่พี่เจ้าของร้านเปิด ชวนให้เหงาจับใจ
หน้าหนาวคงเหงากว่านี้....
ห้องชานล่าง น่ารักมากๆค่ะ
บันทึกคนนอนไม่หลับฉบับที่ 1
ฝนตกลงมาแล้ว...
พี่เจ้าของบ้านและเพื่อนโฮมสเตย์ ทั้ง "ชานบน" และ "ชานกลาง" หลับกันแล้ว
ฉันเพียงคนเดียวที่ยังนอนไม่หลับ ได้ยินเสียงฝนกระทบหลังคาบ้าน
เดินออกไปที่เปลสวนหย่อม นั่งดูปลาตอนเที่ยงคืน
ใครคนหนึ่ง...นั่งอยู่เก้าอี้ข้างหลังฉัน ใครคนนั้น...นั่งอยู่ก่อนหน้าฉัน
ต่างคนต่างเงียบ มีเพียงรอยยิ้ม...
"ฝนตก อากาศดีนะคะ"
"ครับ อากาศดี แต่มันเหงามาก"
เราคุยกันสองสามประโยค ไม่รู้จักชื่อ ไม่รู้ที่มา รู้เพียงว่า...เขามาที่นี่บ่อยครั้ง และไม่อยากให้เชียงคานเปลี่ยนไป...
เราร่ำลากัน ...
ฉันเปิดประตู "ชานล่าง" เขาขึ้นไปที่ดาดฟ้า "ชานบน" ได้ยินแต่เสียงแว่วมาว่า..."ฝันดี"...
เช้านี้...ที่ภูทอก วันที่มีหมอกมาเยือน
06.49 น.
มีคนเคยบอกไว้ว่า...ควรขึ้นภูดูหมอกในฤดูฝน จะให้อารมณ์ที่วิเศษไม่เหมือนใคร
ฉันไม่เชื่อเท่าไหร่นัก...
เมื่อคืนฝนตก ไม่รู้เลยว่าเช้านี้ที่ภูทอกจะเป็นอย่างไร แต่ตอนนี้...ฉันรู้แล้วว่ามันวิเศษจริงๆ
หกโมงแล้วแต่ยังไม่เห็นดวงอาทิตย์ทักทายยามเช้า มีเพียงสายหมอกจางๆกับไอหมอกเย็นๆให้พอชุ่มชื่นหัวใจ...รู้สึกไม่ผิดหวัง
แต่ไม่ถึง 10 นาที ภูทั้งยอดก็ขาวโพลนภายในพริบตา หมอกหนาและสวยงามมาก นี่แหละ สวรรค์!!!
ฉันไม่รู้ว่านั่งอยู่นานแค่ไหน รู้ตัวอีกทีก็เผลอยิ้มแบบไม่มีเหตุผลซะแล้ว >.<
หิวล่ะ ไปค้นตู้เย็นก่อน เดี๋ยวมาต่อนะคะ ^^
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น