ก้างปลาชิ้นนี้ไม่ได้เป็นก้างปลาทองคำ หรือเพชรซาอุแต่อย่างใด
แต่มันคือการต้องแลกมาด้วย ความเจ็บปวดและทรมาน (แหม่ๆ ประหนึ่งละครฟ้าจรดทราย)
คืองี้ เจ้าก้างปลาที่ว่านี่ เกิดขึ้นระหว่างที่ผมกินข้าว (คนเดียว) ที่บ้านในตอนกลางวัน ซึ่งวันนี้คุณป้าที่บ้านทำให้กิน
เมนูเป็นปลากระพงลวกผัดขึ้นช่าย ซึ่งกินเป็นปกติ เป็นปลาชิ้นที่แล่ออกหมดแล้ว ไอ้ผมก็คิดว่าน่าจะไม่มีก้างแล้วละ
ก็กินไปเรื่อยๆ จนใกล้อิ่ม
ด้วยความที่ผมเป็นคนกินข้าวเร็ว ไม่ค่อยเคี้ยวให้ละเอียด สุดท้ายที่กินไปนั้น รู้สึกเจ็บอย่างมากทันที่ที่บริเวณลำคอ เหมือนมีวัตถุทรงยาวขนาดใหญ่อยู่ในนั้น
เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก ขณะนั้นรู้สึกหายใจไม่ค่อยออก จึงไปคายข้าวออกก่อน และพยายามล้วงก้างปลาออก แต่มันอยู่ลึกมาก กอปรกับล้วงแล้วมีเลือดสีแดงฉานออกมาด้วย
ตอนนั้นผมคิดว่าเหตุการณ์ไม่น่าดีแล้ว ถ้าปั้นข้าวกินตามโบราณว่าน่าจะตายก่อน เพราะข้าวอุดหลอดลม
จากนั้นผมจึงรีบออกจากบ้านไปหาหมอที่โรงพยาบาลโดยด่วน
พอถึงโรงพยาบาล ต้องรอหมออีก 20 นาที ตอนนั้นรู้สึกเลยว่าเจ็บมาก กลืนน้ำลายไม่ค่อยได้ เพราะจะมีวัตถุแหลมทิ่มอยู่ตลอดเวลา
พอถึงคิวพบหมอ หมอให้แล่บลิ้นเพื่อดูตำแหน่งที่ก้างทิ่ม แต่หมอบอกไม่เห็น จึงให้ไปเอ็กซเรย์
ระหว่างเอ็กซเรย์และรอผลตรวจคือทรมานแบบไม่ไหวล้าว แต่ทำไงได้ก็ต้องรอ
เข้าไปพบหมอพร้อมกับผลเอ็กซเรย์ หมอบอกว่าต้องแอดมิดด่วน และคีบออกมาโดยการส่องกล้อง
ผมก็ไม่คิดว่ามันจะร้ายแรงถึงขั้นต้องส่องกล้องและนอนแอดมิด เลยขอคุณหมอกลับบ้านไปปิดไฟและปิดทีวีก่อน กลัวไฟไหม้ 5555
ผมต้องเอาก้างปลาออกด้วยการดมยาสลบและส่องกล้อง เนื่องจากก้างปลาติดอยู่บริเวณ Upper Esophagus หรือหลอดอาหารส่วนต้น ใช้เวลาคีบออกประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งผลออกมาก้างปลามีขนาดประมาณ 3 ซม. และหนา อีกทั้งมีคาวมคม ซึ่งหมอบอกว่า ความคมนั้นอันตราย เลยอาจทำให้หลอดอาหารทะลุได้ จึงให้พักรักษาตัวอีก 1 คืนเพื่อรอตรวจหลอดอาหาอีกครั้ง
ซึ่งผลตรวจยังโชคดีที่ไม่ทะลุ เพราะถ้าทะลุอาจทำให้ไหลรวมกับน้ำลายและคอบวมได้ ซึ่งนั่นอาจร้ายแรงกว่าเดิม
ผมนอนโรงพยาบาลทั้งหมด 2 คืน เสียค่าใช้จ่ายไปทั้งสิ้น 51,631 บาท
แต่โชคดีที่บริษัทคัฟเวอร์ให้ทั้งหมด เลยออกจากโรงพยาบาลแบบไม่เสียค่าใช้จ่าย
สุดท้าย ผมอยากเตือนทุกคนว่า ควรมีสติทุกการกระทำ ไม่ว่าจะเร่งรีบขนาดไหนก็ตาม มิฉะนั้นอาจต้องเจ็บตัวและเสียค่าใช้จ่าย ทั้งๆ ที่ไม่ควรเสียเลยก็ได้
ก้างปลามูลค่าครึ่งแสน
แต่มันคือการต้องแลกมาด้วย ความเจ็บปวดและทรมาน (แหม่ๆ ประหนึ่งละครฟ้าจรดทราย)
คืองี้ เจ้าก้างปลาที่ว่านี่ เกิดขึ้นระหว่างที่ผมกินข้าว (คนเดียว) ที่บ้านในตอนกลางวัน ซึ่งวันนี้คุณป้าที่บ้านทำให้กิน
เมนูเป็นปลากระพงลวกผัดขึ้นช่าย ซึ่งกินเป็นปกติ เป็นปลาชิ้นที่แล่ออกหมดแล้ว ไอ้ผมก็คิดว่าน่าจะไม่มีก้างแล้วละ
ก็กินไปเรื่อยๆ จนใกล้อิ่ม
ด้วยความที่ผมเป็นคนกินข้าวเร็ว ไม่ค่อยเคี้ยวให้ละเอียด สุดท้ายที่กินไปนั้น รู้สึกเจ็บอย่างมากทันที่ที่บริเวณลำคอ เหมือนมีวัตถุทรงยาวขนาดใหญ่อยู่ในนั้น
เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก ขณะนั้นรู้สึกหายใจไม่ค่อยออก จึงไปคายข้าวออกก่อน และพยายามล้วงก้างปลาออก แต่มันอยู่ลึกมาก กอปรกับล้วงแล้วมีเลือดสีแดงฉานออกมาด้วย
ตอนนั้นผมคิดว่าเหตุการณ์ไม่น่าดีแล้ว ถ้าปั้นข้าวกินตามโบราณว่าน่าจะตายก่อน เพราะข้าวอุดหลอดลม
จากนั้นผมจึงรีบออกจากบ้านไปหาหมอที่โรงพยาบาลโดยด่วน
พอถึงโรงพยาบาล ต้องรอหมออีก 20 นาที ตอนนั้นรู้สึกเลยว่าเจ็บมาก กลืนน้ำลายไม่ค่อยได้ เพราะจะมีวัตถุแหลมทิ่มอยู่ตลอดเวลา
พอถึงคิวพบหมอ หมอให้แล่บลิ้นเพื่อดูตำแหน่งที่ก้างทิ่ม แต่หมอบอกไม่เห็น จึงให้ไปเอ็กซเรย์
ระหว่างเอ็กซเรย์และรอผลตรวจคือทรมานแบบไม่ไหวล้าว แต่ทำไงได้ก็ต้องรอ
เข้าไปพบหมอพร้อมกับผลเอ็กซเรย์ หมอบอกว่าต้องแอดมิดด่วน และคีบออกมาโดยการส่องกล้อง
ผมก็ไม่คิดว่ามันจะร้ายแรงถึงขั้นต้องส่องกล้องและนอนแอดมิด เลยขอคุณหมอกลับบ้านไปปิดไฟและปิดทีวีก่อน กลัวไฟไหม้ 5555
ผมต้องเอาก้างปลาออกด้วยการดมยาสลบและส่องกล้อง เนื่องจากก้างปลาติดอยู่บริเวณ Upper Esophagus หรือหลอดอาหารส่วนต้น ใช้เวลาคีบออกประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งผลออกมาก้างปลามีขนาดประมาณ 3 ซม. และหนา อีกทั้งมีคาวมคม ซึ่งหมอบอกว่า ความคมนั้นอันตราย เลยอาจทำให้หลอดอาหารทะลุได้ จึงให้พักรักษาตัวอีก 1 คืนเพื่อรอตรวจหลอดอาหาอีกครั้ง
ซึ่งผลตรวจยังโชคดีที่ไม่ทะลุ เพราะถ้าทะลุอาจทำให้ไหลรวมกับน้ำลายและคอบวมได้ ซึ่งนั่นอาจร้ายแรงกว่าเดิม
ผมนอนโรงพยาบาลทั้งหมด 2 คืน เสียค่าใช้จ่ายไปทั้งสิ้น 51,631 บาท
แต่โชคดีที่บริษัทคัฟเวอร์ให้ทั้งหมด เลยออกจากโรงพยาบาลแบบไม่เสียค่าใช้จ่าย
สุดท้าย ผมอยากเตือนทุกคนว่า ควรมีสติทุกการกระทำ ไม่ว่าจะเร่งรีบขนาดไหนก็ตาม มิฉะนั้นอาจต้องเจ็บตัวและเสียค่าใช้จ่าย ทั้งๆ ที่ไม่ควรเสียเลยก็ได้