พอดีเดือนที่แล้วมีโอกาสได้ไปเที่ยวกวางโจวมาครับ ได้ไปงาน Canton Fair งานแสดงสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก, ได้นอนโรงแรม Shangri-la Guangzhou โรงแรมดี ๆ ประจำเมืองและก็ได้ไปเที่ยวสถานที่ต่าง ๆ ในเมือง + กินร้านอาหารอร่อยหลายร้าน ก็เลยจะมาขอเขียนแชร์บันทึกนักเดินทางกันเหมือนเช่นเคย คราวนี้จะต่างจากครั้งก่อน ๆ หน้าซักหน่อย ครั้งก่อน ๆ หน้าผมจะเขียนเป็นวัน ๆ ไปแต่คราวนี้จะขอเขียนแบ่งเป็น section แทน
สามารถติดตามอ่านรีวิวท่องเที่ยว พร้อมตระเวณชิมของอร่อยของผมได้ที่
http://www.bumres.com/th/articles/Gourmet-Travel/6
หรือฝากติดตามร้านอาหารแนะนำ ลายแทงร้านอร่อยที่แฟนเพจ
https://www.facebook.com/BumRes กันด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
section 1 จะเป็นบทนำ + รีวิวที่พักที่ผมไปมา
section 2 จะเป็นรีวิวสถานที่ท่องเที่ยวที่ผมไปมา
section 3 จะเป็นรีวิวร้านอาหารทั้งหมดที่ผมได้ไปกินมา
ก็ประมาณนี้ล่ะครับมาเริ่มกันเลยดีกว่า
วีซ่าจีน : คนไทยเวลาจะไปเที่ยวที่ไหนส่วนใหญ่ก็จะต้องขอวีซ่ากันแทบจะทั้งนั้นกับประเทศจีนนี่ก็เช่นกันครับคนไทยทั่วไปต้องขอวีซ่าหมดยกเว้นถ้ามีหนังสือเดินทางราชการนี่จะไม่ต้องขอเข้าประเทศไปได้เลย (อย่างของแม่ผมนี่เป็นต้น) วีซ่าของจีนนี่เราจะต้องไปทำกันที่แถว ๆ ต้นถนนรัชดาภิเษกตรงตึกเก่า ๆ ข้าง ๆ ซอยรัชดา 1 ซอยที่อยู่ติด(ก่อนถึง)กับสถานฑูตจีนนั่นเอง เราสามารถไปทำได้เฉพาะช่วงเช้าเท่านั้น ตอนผมไปก็ไปถึงประมาณ 10 โมง นั่งรอคิวประมาณ 2 ชั่วโมงแล้วก็ไปยื่นเอกสารแปบเดียวก็เสร็จล่ะครับ อีก 2-3 วันก็ได้ไปรับหนังสือเดินทางคืน เสียเงินไปประมาณ 1,000 บาทสำหรับ single entry ซึ่งวีซ่าจีนนั้นมีให้เลือกอีก 2 ประเภทคือไป 2 ครั้งกับไปหลายครั้งก็ถ้าใครไปบ่อย ๆ ก็ทำแบบหลังก็น่าจะถูกกว่านะครับ
การเดินทาง : ทริปนี้ผมนั่งสายการบินไทยไป ค่าตั๋วคนละประมาณ 10,000 บาท นั่งไป 3 ชั่วโมง ก็เรียกได้ว่าค่าตั๋วแพงกว่าไปฮ่องกงหน่อย ระยะเวลาบินเท่า ๆ กัน พอไปถึงสนามบินไบหยุน ก็ผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองที่เจอพนักงานค่อนข้างจะขึงขังจริงจังกว่าทุก ๆ ที่ที่ผมเคยไปมาเลย (เหมือนเป็นทหารเลยครับพนักงานตม.) รับกระเป๋าแล้วก็ไปขึ้นรถลีมูซีนเข้าเมืองต่อ ผมก็เลยไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วการเดินทางเข้าเมืองนั้นมีวิธีไหนอีกบ้าง แต่เท่าที่ดูมาคร่าว ๆ ก็เห็นมีรถไฟฟ้า, มีรถบัสไว้บริการเหมือนกับเมืองอื่น ๆ นะครับ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเรื่องการเดินทางเข้าเมือง แต่สนามบินนั้นอยู่ห่างจากตัวเมืองพอสมควรเลยครับ นั่งรถยนต์เข้าไปประมาณ 30-40 นาทีได้
รีวิวโรงแรม Shangri-la Guangzhou
โรงแรมที่ผมไปพักตลอดทริปนี้คือโรงแรม Shangri-la Guangzhou ครับ โรงแรมนี้เป็นโรงแรม 5 ดาวเชนดังที่หลาย ๆ คนคงจะรู้จักกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว สาขาส่วนใหญ่ของโรงแรมนี้จะอยู่ที่ประเทศจีนนี่แหละแต่ว่าทางโรงแรมเองก็มีสาขาอยู่ตามเมืองสำคัญ ๆ หลาย ๆ แห่งในโลกด้วยเช่นกัน รวมถึงที่กรุงเทพและเชียงใหม่บ้านเราด้วย สาขาที่เมืองกวางโจวนี้เพิ่งเปิดมาได้ไม่นานนัก เปิดเมื่อปี 2007 ที่ผ่านมา (เทียบกับบ้านเราที่เปิดมาร่วม 30 ปีแล้วที่นี่เหมือนเป็นโรงแรมใหม่กิ๊กเลยว่ามั้ยครับ) โรงแรมนี้ค่อนข้างจะต่างจากโรงแรม 5 ดาวแบรนด์ดัง ๆ แบรนด์อื่นในเมือง กวางโจว - Guangzhou ที่จะไปกระจุกตัวกันอยู่ในย่าน downtown ของเมือง ทำเลของโรงแรมนี้ตั้งอยู่ติดกันกับ Canton Fair Complex เลย คือเรียกได้ว่าถ้าใครมีจุดประสงค์ที่จะมางาน Canton Fair แล้วโรงแรมนี้น่าจะเป็นโรงแรมที่เหมาะสมที่สุดแล้วล่ะครับเพราะว่าเดินไปงานได้เลย (โรงแรม 5 ดาวอื่น ๆ นี่คือต้องนั่ง taxi มาประมาณ 15 - 20 นาทีแทบทั้งนั้นเลยครับ)
เริ่มกันที่ส่วนล็อบบี้ของโรงแรม และเคาน์เตอร์เช็คอิน ใหญ่โตอลังการ
ทางเดินไปห้องพัก
1. ห้องพัก
ห้องพักของโรงแรมนี้ก็จะมีให้เลือกมากมายสมกับเป็นโรงแรม 5 ดาวขนาดใหญ่ ผมก็มีโอกาสได้ไปดูห้องพักแบบอื่น ๆ ในโรงแรมอีกหลายห้องเลยก็มาไล่เรียงกันไปทีละห้องเลยแล้วกันครับ ห้องที่ผมได้พัก (Premier River View Room - 42 square meter) มีจำนวนเยอะที่สุด คือ 320 ห้อง ก็จะเป็นเตียงขนาด queen size 2 เตียง ห้องใหญ่โตกว่าโรงแรม 5 ดาวของที่ญี่ปุ่นหรือที่ฮ่องกงที่ผมเคยไปพักมา (ที่ไทยเคยไปนอนที่ W มาทีนึงครับจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าเล็กกว่าหน่อยพอลอง search ดูก็เล็กกว่าจริง ๆ 1 ตร.ม. ฮ่า ๆๆ) facility ของห้องก็ครบครัน ไล่ดูตามรูปไปเลยดูกว่าครับ
โต๊ะทำงาน, ทีวี, ตู้เย็นพร้อมสรรพ
โซฟาไว้นั่งพักพร้อมผลไม้สด ๆ มาเติมทุกวัน + วิวแบบ panorama
ห้องน้ำพื้นหินอ่อนพร้อมอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่
ห้องขนาดใหญ่ 42 ตร.ม. ใหญ่โต สวยงาม อยู่แล้วมีความสุขมาก
ห้อง Horizon Deluxe Suite (มี 2 ห้อง 174 ตร.ม.) ห้องนี้ก็จะเป็นห้องระดับบน ๆ ของโรงแรมแล้วล่ะครับในห้องก็จะประกอบด้วยห้องรับแขกขนาดใหญ่, ห้องนอน, ห้องน้ำที่ซอยย่อยเป็น 2 ห้อง และก็จะได้เห็นวิวแบบ panorama ของแม่น้ำ Pearl River ของเมืองแบบเต็ม ๆ ตาเนื่องจากว่าห้องจะอยู่ที่มุมตึกพอดิบพอดี
ห้อง Shangri-La Suite (Presidentail Suite มี 1 ห้องในโรงแรม 305 ตร.ม.) ห้องนี้ก็จะเป็นห้องที่ดีที่สุดในโรงแรมนี้แล้วล่ะครับ แขกที่มาพักห้องนี้ก็จะเป็นระดับ Super VIP ทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นผู้นำประเทศหรือว่าดาราดังระดับโลก ห้องนี้สวยงามอลังการสมกับเป็นห้องที่ดีที่สุดของโรงแรมจริง ๆ มีห้องรับประทานอาหารส่วนตัว, ห้องครัว, ห้องรับแขกขนาดใหญ่โตอลังการ , โต๊ะทำงานที่จัดส่วนไว้กึ่ง ๆ เป็นห้องทำงานและก็ห้องน้ำขนาดใหญ่พื้นหินอ่อนสุดคลาสสิค คือเกิดมาก็เพิ่งเคยเข้าห้องระดับ top สุดของโรงแรม 5 ดาวก็ครั้งนี้นี่แหละครับเคยเห็นแต่ราคาที่แพงเว่อร์ ๆ แล้วรู้สึกว่าทำไมถึงต้องตั้งกันแพงขนาดนั้น พอได้มาเดินดู ได้สัมผัสแล้วก็รู้สึกว่ามันไม่ได้แพงแต่อย่างใดเลย สมน้ำสมเนื้อมากกว่า
2. ห้องอาหาร
ที่โรงแรม Shangri-la Guangzhou แห่งนี้ก็คล้าย ๆ กับสาขาที่กรุงเทพฯ ครับมีห้องอาหารให้เลือกเยอะ แขกสามารถกินนอนอยู่ในโรงแรมได้เลยไม่ต้องไปขวนขวายหาอาหารจากที่อื่น ก็มาไล่เรียงแต่ละห้องอาหารของที่นี่กันไปเลยดีกว่า
WOK TOO Cafe (356 ที่นั่ง, ประเภทอาหารนานาชาติ) ห้องอาหารนี้ก็จะเป็น all-day dining ของทางโรงแรมนี้เค้าล่ะครับ ช่วงเช้าก็จะบริการอาหารเช้าให้กับแขกของทางโรงแรมเป็นหลัก ส่วนตอนเที่ยงกับตอนเย็นก็จะเป็นอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติ เหมือน ๆ กับห้องอาหาร all-day dining ทุกที่ในโรงแรม 5 ดาวบ้านเรา ราคาอาหารสำหรับมื้อเช้า, กลางวัน และเย็น ของที่นี่คือ 188 , 318, 418 หยวนตามลำดับ (มี service charge ด้วย 15%) พอคูณออกมาเป็นเงินบาทแล้วราคาก็พอ ๆ กับที่ไทยเนอะ ประมาณ 2,400 บาท
รูปบรรยากาศห้องอาหารเนื่องจากแขกเยอะมากเลยไม่ได้ถ่ายมา ขออนุญาตยืมของโรงแรมมานะครับ
ผมมีโอกาสได้กินห้องอาหารที่นี่ในมื้อเช้ามื้อนึง ไลน์อาหารของเค้าเลิศหรูอลังการมากครับ แบ่งเป็นซุ้ม ๆ ได้ประมาณสักเกือบ 10 ซุ้มเลย ตั้งแต่ขนมปังสิบกว่าชนิด, อาหารจานเดียวแบบจีน ๆ พวกก๋วยเตี๋ยวกับข้าวต้มอะไรพวกนี้, อาหารเช้าสไตล์ตะวันตก (ไส้กรอก, แฮม, เบคอน), ซุ้มไข่ที่มีพ่อครัวประจำอยู่ 2 คนและสามารถทำไข่ได้ทุกรูปแบบ, ซุ้มพวกอาหารเช้าแบบ serial ที่มีให้เลือกเยอะมาก ๆ, ซุ้มน้ำผลไม้ที่แบบมีน้ำผลไม้คั้นกันสด ๆ ให้หยิบไปดื่มกันแบบเป็นขวดเลย คือโดยส่วนตัวผมเป็นพวกจะไม่ค่อยได้กินอาหารเช้าของโรงแรมสักเท่าไร (เพราะขี้เกียจตื่น และก็ไม่อยากกินอาหารเช้ามาก เก็บท้องไปกินอาหารอร่อย ๆ ตามร้านอาหารที่เล็งเอาไว้มากกว่า) แต่พอได้เดินดูไลน์อาหารของที่ WOK TOO Cafe แห่งนี้แล้วรู้สึกว่าถ้าไม่ได้มานี่คงจะพลาดอะไรดี ๆ ไปแบบไม่น่าพลาดเลยจริง ๆ
ตัวห้องอาหารจะมีที่นั่ง 2 zone คือ al fresco dining และก็ที่นั่งห้องแอร์ด้านใน ทุกเช้าที่ผมไปกิน แขกของทางโรงแรมที่มารับประทานอาหารเช้าที่นี่จะค่อนข้างเยอะมาก ๆ ส่วนอาหารที่ผมได้กินก็อร่อยดีครับ ใช้ของดีมาทำ และก็ทำมาคุณภาพดีสมกับระดับของโรงแรมจริง ๆ แต่ละเช้าที่ไปกินนี่กินเสร็จแล้วทำให้มีแรงเที่ยวทั้งวันเลยจริง ๆ เพราะว่ากินเยอะมาก ฮ่า ๆๆ
ห้องอาหารหลักของโรงแรมจะมีอีก 4 ห้องด้วยกัน คือ ห้องอาหารจีน ห้องอาหารญี่ปุ่น ห้องอาหารอิตาเลียน และมีห้องอาหารไทยของเราด้วยครับ
ซึ่งนอกจากห้องอาหารหลักของทางโรงแรมแล้วโรงแรม Shangri-la Guangzhou แห่งนี้ก็จะมี "Horizon Club Lounge" ไว้บริการกับแขกที่พักในห้องประเภทที่มีคำว่า Horizon นำหน้าด้วย (หรือว่าจะซื้อบริการใช้ lounge นี้ด้วยก็ได้เช่นกัน) ตัวเลานจ์แห่งนี้จะตั้งอยู่ที่ชั้น 31 ของโรงแรม และกินพื้นที่เกือบทั้งชั้น ผนังของเลานจ์จะเป็นกระจกทั้งหมดทำให้ได้วิว panorama ของแม่น้ำ Pearl River และเมือง Guangzhou แบบสุดลูกหูลูกตาสุด ๆ ที่เลานจ์แห่งนี้ก็จะมีบริการ iMac จอ 27 นิ้วให้ใช้กันฟรี ๆ 2 เครื่อง, มีหนังสือให้อ่าน, มี soft drink, beer และ snack ให้ดื่ม/กินกันทั้งวัน และก็มีที่นั่งให้เลือกหลากหลายรูปแบบทั้งโต๊ะแบบนั่งเอกขนกหรือว่าโต๊ะแบบเอาคอมมาตั้งทำงานได้ คือตัวผมเองก็ไม่เคยใช้บริการ lounge ของทางโรงแรมมาก่อนนะครับแต่พอมาใช้ของที่นี่แล้วติดใจมาก บรรยากาศมันดีกว่านั่งในห้องเยอะเลย และก็มีเครื่องดื่ม, ของกินเล่นบริการกันฟรี ๆ อีกด้วย
[CR][SR] เที่ยวเองง่าย ๆ ณ เมืองกวางโจว ไปงาน Canton Fair พักโรงแรมสุดหรู ตระเวณหาของกินรสเด็ด
สามารถติดตามอ่านรีวิวท่องเที่ยว พร้อมตระเวณชิมของอร่อยของผมได้ที่ http://www.bumres.com/th/articles/Gourmet-Travel/6
หรือฝากติดตามร้านอาหารแนะนำ ลายแทงร้านอร่อยที่แฟนเพจ https://www.facebook.com/BumRes กันด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
section 1 จะเป็นบทนำ + รีวิวที่พักที่ผมไปมา
section 2 จะเป็นรีวิวสถานที่ท่องเที่ยวที่ผมไปมา
section 3 จะเป็นรีวิวร้านอาหารทั้งหมดที่ผมได้ไปกินมา
ก็ประมาณนี้ล่ะครับมาเริ่มกันเลยดีกว่า
วีซ่าจีน : คนไทยเวลาจะไปเที่ยวที่ไหนส่วนใหญ่ก็จะต้องขอวีซ่ากันแทบจะทั้งนั้นกับประเทศจีนนี่ก็เช่นกันครับคนไทยทั่วไปต้องขอวีซ่าหมดยกเว้นถ้ามีหนังสือเดินทางราชการนี่จะไม่ต้องขอเข้าประเทศไปได้เลย (อย่างของแม่ผมนี่เป็นต้น) วีซ่าของจีนนี่เราจะต้องไปทำกันที่แถว ๆ ต้นถนนรัชดาภิเษกตรงตึกเก่า ๆ ข้าง ๆ ซอยรัชดา 1 ซอยที่อยู่ติด(ก่อนถึง)กับสถานฑูตจีนนั่นเอง เราสามารถไปทำได้เฉพาะช่วงเช้าเท่านั้น ตอนผมไปก็ไปถึงประมาณ 10 โมง นั่งรอคิวประมาณ 2 ชั่วโมงแล้วก็ไปยื่นเอกสารแปบเดียวก็เสร็จล่ะครับ อีก 2-3 วันก็ได้ไปรับหนังสือเดินทางคืน เสียเงินไปประมาณ 1,000 บาทสำหรับ single entry ซึ่งวีซ่าจีนนั้นมีให้เลือกอีก 2 ประเภทคือไป 2 ครั้งกับไปหลายครั้งก็ถ้าใครไปบ่อย ๆ ก็ทำแบบหลังก็น่าจะถูกกว่านะครับ
การเดินทาง : ทริปนี้ผมนั่งสายการบินไทยไป ค่าตั๋วคนละประมาณ 10,000 บาท นั่งไป 3 ชั่วโมง ก็เรียกได้ว่าค่าตั๋วแพงกว่าไปฮ่องกงหน่อย ระยะเวลาบินเท่า ๆ กัน พอไปถึงสนามบินไบหยุน ก็ผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองที่เจอพนักงานค่อนข้างจะขึงขังจริงจังกว่าทุก ๆ ที่ที่ผมเคยไปมาเลย (เหมือนเป็นทหารเลยครับพนักงานตม.) รับกระเป๋าแล้วก็ไปขึ้นรถลีมูซีนเข้าเมืองต่อ ผมก็เลยไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วการเดินทางเข้าเมืองนั้นมีวิธีไหนอีกบ้าง แต่เท่าที่ดูมาคร่าว ๆ ก็เห็นมีรถไฟฟ้า, มีรถบัสไว้บริการเหมือนกับเมืองอื่น ๆ นะครับ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเรื่องการเดินทางเข้าเมือง แต่สนามบินนั้นอยู่ห่างจากตัวเมืองพอสมควรเลยครับ นั่งรถยนต์เข้าไปประมาณ 30-40 นาทีได้
รีวิวโรงแรม Shangri-la Guangzhou
โรงแรมที่ผมไปพักตลอดทริปนี้คือโรงแรม Shangri-la Guangzhou ครับ โรงแรมนี้เป็นโรงแรม 5 ดาวเชนดังที่หลาย ๆ คนคงจะรู้จักกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว สาขาส่วนใหญ่ของโรงแรมนี้จะอยู่ที่ประเทศจีนนี่แหละแต่ว่าทางโรงแรมเองก็มีสาขาอยู่ตามเมืองสำคัญ ๆ หลาย ๆ แห่งในโลกด้วยเช่นกัน รวมถึงที่กรุงเทพและเชียงใหม่บ้านเราด้วย สาขาที่เมืองกวางโจวนี้เพิ่งเปิดมาได้ไม่นานนัก เปิดเมื่อปี 2007 ที่ผ่านมา (เทียบกับบ้านเราที่เปิดมาร่วม 30 ปีแล้วที่นี่เหมือนเป็นโรงแรมใหม่กิ๊กเลยว่ามั้ยครับ) โรงแรมนี้ค่อนข้างจะต่างจากโรงแรม 5 ดาวแบรนด์ดัง ๆ แบรนด์อื่นในเมือง กวางโจว - Guangzhou ที่จะไปกระจุกตัวกันอยู่ในย่าน downtown ของเมือง ทำเลของโรงแรมนี้ตั้งอยู่ติดกันกับ Canton Fair Complex เลย คือเรียกได้ว่าถ้าใครมีจุดประสงค์ที่จะมางาน Canton Fair แล้วโรงแรมนี้น่าจะเป็นโรงแรมที่เหมาะสมที่สุดแล้วล่ะครับเพราะว่าเดินไปงานได้เลย (โรงแรม 5 ดาวอื่น ๆ นี่คือต้องนั่ง taxi มาประมาณ 15 - 20 นาทีแทบทั้งนั้นเลยครับ)
เริ่มกันที่ส่วนล็อบบี้ของโรงแรม และเคาน์เตอร์เช็คอิน ใหญ่โตอลังการ
ทางเดินไปห้องพัก
1. ห้องพัก
ห้องพักของโรงแรมนี้ก็จะมีให้เลือกมากมายสมกับเป็นโรงแรม 5 ดาวขนาดใหญ่ ผมก็มีโอกาสได้ไปดูห้องพักแบบอื่น ๆ ในโรงแรมอีกหลายห้องเลยก็มาไล่เรียงกันไปทีละห้องเลยแล้วกันครับ ห้องที่ผมได้พัก (Premier River View Room - 42 square meter) มีจำนวนเยอะที่สุด คือ 320 ห้อง ก็จะเป็นเตียงขนาด queen size 2 เตียง ห้องใหญ่โตกว่าโรงแรม 5 ดาวของที่ญี่ปุ่นหรือที่ฮ่องกงที่ผมเคยไปพักมา (ที่ไทยเคยไปนอนที่ W มาทีนึงครับจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าเล็กกว่าหน่อยพอลอง search ดูก็เล็กกว่าจริง ๆ 1 ตร.ม. ฮ่า ๆๆ) facility ของห้องก็ครบครัน ไล่ดูตามรูปไปเลยดูกว่าครับ
โต๊ะทำงาน, ทีวี, ตู้เย็นพร้อมสรรพ
โซฟาไว้นั่งพักพร้อมผลไม้สด ๆ มาเติมทุกวัน + วิวแบบ panorama
ห้องน้ำพื้นหินอ่อนพร้อมอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่
ห้องขนาดใหญ่ 42 ตร.ม. ใหญ่โต สวยงาม อยู่แล้วมีความสุขมาก
ห้อง Horizon Deluxe Suite (มี 2 ห้อง 174 ตร.ม.) ห้องนี้ก็จะเป็นห้องระดับบน ๆ ของโรงแรมแล้วล่ะครับในห้องก็จะประกอบด้วยห้องรับแขกขนาดใหญ่, ห้องนอน, ห้องน้ำที่ซอยย่อยเป็น 2 ห้อง และก็จะได้เห็นวิวแบบ panorama ของแม่น้ำ Pearl River ของเมืองแบบเต็ม ๆ ตาเนื่องจากว่าห้องจะอยู่ที่มุมตึกพอดิบพอดี
ห้อง Shangri-La Suite (Presidentail Suite มี 1 ห้องในโรงแรม 305 ตร.ม.) ห้องนี้ก็จะเป็นห้องที่ดีที่สุดในโรงแรมนี้แล้วล่ะครับ แขกที่มาพักห้องนี้ก็จะเป็นระดับ Super VIP ทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นผู้นำประเทศหรือว่าดาราดังระดับโลก ห้องนี้สวยงามอลังการสมกับเป็นห้องที่ดีที่สุดของโรงแรมจริง ๆ มีห้องรับประทานอาหารส่วนตัว, ห้องครัว, ห้องรับแขกขนาดใหญ่โตอลังการ , โต๊ะทำงานที่จัดส่วนไว้กึ่ง ๆ เป็นห้องทำงานและก็ห้องน้ำขนาดใหญ่พื้นหินอ่อนสุดคลาสสิค คือเกิดมาก็เพิ่งเคยเข้าห้องระดับ top สุดของโรงแรม 5 ดาวก็ครั้งนี้นี่แหละครับเคยเห็นแต่ราคาที่แพงเว่อร์ ๆ แล้วรู้สึกว่าทำไมถึงต้องตั้งกันแพงขนาดนั้น พอได้มาเดินดู ได้สัมผัสแล้วก็รู้สึกว่ามันไม่ได้แพงแต่อย่างใดเลย สมน้ำสมเนื้อมากกว่า
2. ห้องอาหาร
ที่โรงแรม Shangri-la Guangzhou แห่งนี้ก็คล้าย ๆ กับสาขาที่กรุงเทพฯ ครับมีห้องอาหารให้เลือกเยอะ แขกสามารถกินนอนอยู่ในโรงแรมได้เลยไม่ต้องไปขวนขวายหาอาหารจากที่อื่น ก็มาไล่เรียงแต่ละห้องอาหารของที่นี่กันไปเลยดีกว่า
WOK TOO Cafe (356 ที่นั่ง, ประเภทอาหารนานาชาติ) ห้องอาหารนี้ก็จะเป็น all-day dining ของทางโรงแรมนี้เค้าล่ะครับ ช่วงเช้าก็จะบริการอาหารเช้าให้กับแขกของทางโรงแรมเป็นหลัก ส่วนตอนเที่ยงกับตอนเย็นก็จะเป็นอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติ เหมือน ๆ กับห้องอาหาร all-day dining ทุกที่ในโรงแรม 5 ดาวบ้านเรา ราคาอาหารสำหรับมื้อเช้า, กลางวัน และเย็น ของที่นี่คือ 188 , 318, 418 หยวนตามลำดับ (มี service charge ด้วย 15%) พอคูณออกมาเป็นเงินบาทแล้วราคาก็พอ ๆ กับที่ไทยเนอะ ประมาณ 2,400 บาท
รูปบรรยากาศห้องอาหารเนื่องจากแขกเยอะมากเลยไม่ได้ถ่ายมา ขออนุญาตยืมของโรงแรมมานะครับ
ผมมีโอกาสได้กินห้องอาหารที่นี่ในมื้อเช้ามื้อนึง ไลน์อาหารของเค้าเลิศหรูอลังการมากครับ แบ่งเป็นซุ้ม ๆ ได้ประมาณสักเกือบ 10 ซุ้มเลย ตั้งแต่ขนมปังสิบกว่าชนิด, อาหารจานเดียวแบบจีน ๆ พวกก๋วยเตี๋ยวกับข้าวต้มอะไรพวกนี้, อาหารเช้าสไตล์ตะวันตก (ไส้กรอก, แฮม, เบคอน), ซุ้มไข่ที่มีพ่อครัวประจำอยู่ 2 คนและสามารถทำไข่ได้ทุกรูปแบบ, ซุ้มพวกอาหารเช้าแบบ serial ที่มีให้เลือกเยอะมาก ๆ, ซุ้มน้ำผลไม้ที่แบบมีน้ำผลไม้คั้นกันสด ๆ ให้หยิบไปดื่มกันแบบเป็นขวดเลย คือโดยส่วนตัวผมเป็นพวกจะไม่ค่อยได้กินอาหารเช้าของโรงแรมสักเท่าไร (เพราะขี้เกียจตื่น และก็ไม่อยากกินอาหารเช้ามาก เก็บท้องไปกินอาหารอร่อย ๆ ตามร้านอาหารที่เล็งเอาไว้มากกว่า) แต่พอได้เดินดูไลน์อาหารของที่ WOK TOO Cafe แห่งนี้แล้วรู้สึกว่าถ้าไม่ได้มานี่คงจะพลาดอะไรดี ๆ ไปแบบไม่น่าพลาดเลยจริง ๆ
ตัวห้องอาหารจะมีที่นั่ง 2 zone คือ al fresco dining และก็ที่นั่งห้องแอร์ด้านใน ทุกเช้าที่ผมไปกิน แขกของทางโรงแรมที่มารับประทานอาหารเช้าที่นี่จะค่อนข้างเยอะมาก ๆ ส่วนอาหารที่ผมได้กินก็อร่อยดีครับ ใช้ของดีมาทำ และก็ทำมาคุณภาพดีสมกับระดับของโรงแรมจริง ๆ แต่ละเช้าที่ไปกินนี่กินเสร็จแล้วทำให้มีแรงเที่ยวทั้งวันเลยจริง ๆ เพราะว่ากินเยอะมาก ฮ่า ๆๆ
ห้องอาหารหลักของโรงแรมจะมีอีก 4 ห้องด้วยกัน คือ ห้องอาหารจีน ห้องอาหารญี่ปุ่น ห้องอาหารอิตาเลียน และมีห้องอาหารไทยของเราด้วยครับ
ซึ่งนอกจากห้องอาหารหลักของทางโรงแรมแล้วโรงแรม Shangri-la Guangzhou แห่งนี้ก็จะมี "Horizon Club Lounge" ไว้บริการกับแขกที่พักในห้องประเภทที่มีคำว่า Horizon นำหน้าด้วย (หรือว่าจะซื้อบริการใช้ lounge นี้ด้วยก็ได้เช่นกัน) ตัวเลานจ์แห่งนี้จะตั้งอยู่ที่ชั้น 31 ของโรงแรม และกินพื้นที่เกือบทั้งชั้น ผนังของเลานจ์จะเป็นกระจกทั้งหมดทำให้ได้วิว panorama ของแม่น้ำ Pearl River และเมือง Guangzhou แบบสุดลูกหูลูกตาสุด ๆ ที่เลานจ์แห่งนี้ก็จะมีบริการ iMac จอ 27 นิ้วให้ใช้กันฟรี ๆ 2 เครื่อง, มีหนังสือให้อ่าน, มี soft drink, beer และ snack ให้ดื่ม/กินกันทั้งวัน และก็มีที่นั่งให้เลือกหลากหลายรูปแบบทั้งโต๊ะแบบนั่งเอกขนกหรือว่าโต๊ะแบบเอาคอมมาตั้งทำงานได้ คือตัวผมเองก็ไม่เคยใช้บริการ lounge ของทางโรงแรมมาก่อนนะครับแต่พอมาใช้ของที่นี่แล้วติดใจมาก บรรยากาศมันดีกว่านั่งในห้องเยอะเลย และก็มีเครื่องดื่ม, ของกินเล่นบริการกันฟรี ๆ อีกด้วย
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว