ช่วงนี้เห็นข่าวเกี่ยวกับแท๊กซี่บ่อย ทั้งเรื่องแท๊กซี่ลิมูซีน Uber แท๊กซี่ที่เพิ่งมาเปิดตัวที่เมืองไทย ทั้งข่าวการจัดระบบแท๊กซี่ไทยใหม่ อีกทั้งข่าวที่แท๊กซี่เรียกร้องให้มีการขึ้นราคาเริ่มมิเตอร์จาก 35 เป็น 50 บาท เลยนึกถึงเรื่องนึงที่เกิดขึ้นกับตัวเองและลูกเมื่อต้นปีได้ อยากแชร์ให้คนอื่นฟัง
เรื่องมีอยู่ว่า วันนึงลูกชายอายุประมาณหนึ่งขวบเกิดอาการเหมือนแพ้อะไรซักอย่าง มีผื่นแดง บวมขึ้นตามตัว มันขึ้นเร็วมากจนน่าตกใจเราเลยโทรหาพี่สาวซึ่งเป็นพยาบาล พี่สาวก็บอกว่าให้รีบพาลูกไปรพ ที่ใกล้ที่สุด เพราะหากอาการบวมนั้นมันขึ้นในลำคอลูกอาจทำให้ลูกหายใจไม่ออกได้ เราก็ตกใจเพราะมันลามเร็วมาก ทั้งก้น ขา ท้อง คอ หน้า และปาก เราก็เลยหอบลูกซึ่งตอนนั้นใส่กางเกงผ้าอ้อมอยู่ตัวเดียว วิ่งออกมาจากห้องโดยทันที แล้วก็มองหาแท๊กซี่ เราอาศัยอยู่แถวรัชดาซอย 7 ซึ่งบอกเลยว่ามีแท๊กซี่เยอะมากๆ แต่จากประสบการณ์คือเค้าเลือกลูกค้า ปกติเราเรียกไป ไม่สายใต้ ก็อนุสาวรีย์ หรือไม่ก็รามคำแหง ซึ่งต้องเรียกอย่างน้อย 3 คันขึ้นไปถึงจะได้ไป วันนั้นก็ไม่ต่างอะไร แต่มันเจ็บใจตรงที่ว่า ฝนก็กำลังตั้งเค้า ผื่นและรอยบวมแดงบนตัวลูกก็กำลังลามไปทั้งตัว เราเรียกแท๊กซี่คันแรกบอกไปรพ พระมงกุฏ ตอนนั้นคิดว่าจะไปหาพี่สาวที่ทำงานอยู่ แต่แท๊กซี่ไม่ไป เราเลยคิดได้ คันต่อไปเราก็เลยบอกว่าพี่คะลูกหนูไม่สบาย ไปรพ ไหนก็ได้ ใกล้ที่สุด ซี่งใกล้ที่สุดคือ พระราม 9 เห้ย มันไม่ตอบเลยว่าไปหรือไม่ไป มันขับรถออกไปเลย เราปิดประตูแทบไม่ทัน หลังจากนั้นอีก 2 คันก็เหมือนเดิม เราเข้าใจนะว่าจากที่เราอยู่ไปรพ พระราม 9 มันจะมีแยกซึ่งรถติด แต่มันก็แยกเดียว แล้วตอนนั้นฝนก็เริ่มตก ลองคิดดูว่าเราอุ้มลูกที่ใส่กางเกงผ้าอ้อมผืนเดียว มองเห็นได้ชัดว่าตัวลูกบวมแดง ส่วนแม่มันก็เริ่มร้องไห้ ตัวก็เปียก มีผ้าห่มคลุมลูกกันฝนอยู่ สภาพมันทุเรศขนาดไหน เราวิ่งจนไปถึงถนนใหญ่แถวๆ หน้าบิ๊กซีรัชดา โชคดีที่เรียกคันแรกแล้วคุณลุงเค้ายอมไป พอแกหันมาเห็นสภาพลูก แกเปิดไฟฉุกเฉินตลอดทาง แล้วก็รีบขับโดยใช้ทางลัดผ่านเซ็นทรัลพลาซ๋าพระราม 9 เสียดายไม่ได้จดทะเบียนไว้ ได้แต่ขอบคุณ แล้วก็รีบวิ่งพาลูกเข้าไปในรพ วันนี้นึกถึงเรื่องนี้ทีไรก็ยังเจ็บจุกในคอไม่หาย เราพี่งย้ายกลับมาอยู่เมืองไทยเพราะสามีได้งานที่นี่ วันนั้นสามีก็อยู่ที่ทำงานเราเลยต้องพาลูกไป รพ คนเดียว ไม่เคยคิดว่าคนไทยบางคนจะใจดำได้ถึงขนาดนี้ ไม่รู้ว่าเหตุผลคืออะไรที่เค้าไม่ยอมไป แต่หากลูกเราไปถึงมือหมอไม่ทันแล้วต้องเป็นอะไรไป เราไม่รู้จะอยู่ยังไง บ่นๆๆ
แท๊กซี่ไทยใจดำ
เรื่องมีอยู่ว่า วันนึงลูกชายอายุประมาณหนึ่งขวบเกิดอาการเหมือนแพ้อะไรซักอย่าง มีผื่นแดง บวมขึ้นตามตัว มันขึ้นเร็วมากจนน่าตกใจเราเลยโทรหาพี่สาวซึ่งเป็นพยาบาล พี่สาวก็บอกว่าให้รีบพาลูกไปรพ ที่ใกล้ที่สุด เพราะหากอาการบวมนั้นมันขึ้นในลำคอลูกอาจทำให้ลูกหายใจไม่ออกได้ เราก็ตกใจเพราะมันลามเร็วมาก ทั้งก้น ขา ท้อง คอ หน้า และปาก เราก็เลยหอบลูกซึ่งตอนนั้นใส่กางเกงผ้าอ้อมอยู่ตัวเดียว วิ่งออกมาจากห้องโดยทันที แล้วก็มองหาแท๊กซี่ เราอาศัยอยู่แถวรัชดาซอย 7 ซึ่งบอกเลยว่ามีแท๊กซี่เยอะมากๆ แต่จากประสบการณ์คือเค้าเลือกลูกค้า ปกติเราเรียกไป ไม่สายใต้ ก็อนุสาวรีย์ หรือไม่ก็รามคำแหง ซึ่งต้องเรียกอย่างน้อย 3 คันขึ้นไปถึงจะได้ไป วันนั้นก็ไม่ต่างอะไร แต่มันเจ็บใจตรงที่ว่า ฝนก็กำลังตั้งเค้า ผื่นและรอยบวมแดงบนตัวลูกก็กำลังลามไปทั้งตัว เราเรียกแท๊กซี่คันแรกบอกไปรพ พระมงกุฏ ตอนนั้นคิดว่าจะไปหาพี่สาวที่ทำงานอยู่ แต่แท๊กซี่ไม่ไป เราเลยคิดได้ คันต่อไปเราก็เลยบอกว่าพี่คะลูกหนูไม่สบาย ไปรพ ไหนก็ได้ ใกล้ที่สุด ซี่งใกล้ที่สุดคือ พระราม 9 เห้ย มันไม่ตอบเลยว่าไปหรือไม่ไป มันขับรถออกไปเลย เราปิดประตูแทบไม่ทัน หลังจากนั้นอีก 2 คันก็เหมือนเดิม เราเข้าใจนะว่าจากที่เราอยู่ไปรพ พระราม 9 มันจะมีแยกซึ่งรถติด แต่มันก็แยกเดียว แล้วตอนนั้นฝนก็เริ่มตก ลองคิดดูว่าเราอุ้มลูกที่ใส่กางเกงผ้าอ้อมผืนเดียว มองเห็นได้ชัดว่าตัวลูกบวมแดง ส่วนแม่มันก็เริ่มร้องไห้ ตัวก็เปียก มีผ้าห่มคลุมลูกกันฝนอยู่ สภาพมันทุเรศขนาดไหน เราวิ่งจนไปถึงถนนใหญ่แถวๆ หน้าบิ๊กซีรัชดา โชคดีที่เรียกคันแรกแล้วคุณลุงเค้ายอมไป พอแกหันมาเห็นสภาพลูก แกเปิดไฟฉุกเฉินตลอดทาง แล้วก็รีบขับโดยใช้ทางลัดผ่านเซ็นทรัลพลาซ๋าพระราม 9 เสียดายไม่ได้จดทะเบียนไว้ ได้แต่ขอบคุณ แล้วก็รีบวิ่งพาลูกเข้าไปในรพ วันนี้นึกถึงเรื่องนี้ทีไรก็ยังเจ็บจุกในคอไม่หาย เราพี่งย้ายกลับมาอยู่เมืองไทยเพราะสามีได้งานที่นี่ วันนั้นสามีก็อยู่ที่ทำงานเราเลยต้องพาลูกไป รพ คนเดียว ไม่เคยคิดว่าคนไทยบางคนจะใจดำได้ถึงขนาดนี้ ไม่รู้ว่าเหตุผลคืออะไรที่เค้าไม่ยอมไป แต่หากลูกเราไปถึงมือหมอไม่ทันแล้วต้องเป็นอะไรไป เราไม่รู้จะอยู่ยังไง บ่นๆๆ