ทำไมรัสเซียจึงมีอาณาเขตใหญ่โตโดยไม่มีใครแย่ง ?

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
แรงจูงใจและความเข้าใจพื้นที่ต่างกันครับ

-สำหรับจีนซึ่งเป็นอาณาจักรที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก(จนถึงศตวรรษที่19) และไม่ได้มีนโยบายล่าดินแดน
ลำพังทรัพยากรในดินแดนตัวเองก็มีเหลือเฟือ แค่การบริหารดินแดนของตัวเองก็ยุ่งพออยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องขยายดินแดน
ไปที่หนาวเย็นและห่างไกลปกครองยากแบบไซบีเรีย

-ส่วนชาติตะวันตกนั้น แค่รัสเซียยังไม่ค่อยรู้จักเลย ไม่ต้องมองไปไกลถึงไซบีเรียหรอก
ก่อนศตวรรษที่18 รัสเซียมีภาพลักษณ์เป็นดินแดนที่ลึกลับสำหรับคนยุโรปครับ นอกจากจะตั้งอยู่ทางตะวันออกสุดของทวีป
ห่างไกลจากชาวบ้านชาวช่องเขาแล้ว วัฒนธรรมแบบดั้งเดิมของรัสเซียเองก็ถูกมองว่าป่าเถื่อน
กว่าคนยุโรปจะเริ่มรู้จักรัสเซียดีขึ้น ก็เป็นช่วงที่พระเจ้าปีเตอร์มหาราชได้เริ่มปฏิรูปประเทศรับวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามานั่นแหละ
ซึ่งตอนนั้นดินแดนตะวันออกไกลก็ถูกรัสเซียจับจองไปเกือบหมดแล้ว


-เนื่องจากตกอยู่ใต้อิทธิพลของมองโกลมานาน จึงได้รับอิทธิพลด้านวัฒนธรรมมาด้วย
ในมุมมองของชาวยุโรปส่วนใหญ่มองว่าเจริญกว่าพวกคนเถื่อนขึ้นมาหน่อยนึง





ในขณะที่ชาติอื่นอยู่ห่างไกล และไม่รู้จะมายึดครองทำไม
แต่สำหรับรัสเซีย...แรงจูงใจในการพิชิตตะวันออกมาจากจากการค้าเอกชนครับ

ก่อนอื่น อย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่าดินแดนทางตะวันออกของรัสเซียเป็นแค่ที่รกร้างหนาวเย็นไร้ผู้คนนะครับ
ที่จริงแล้วดินแดนแถบนี้ก็มีชนเผ่าเร่นร่อนอาศัยอยู่ประปราย รวมถึงมีอาณาจักรเล็กๆของชนเผ่าเร่ร่อนอยู่ด้วย
และดินแดนแถบนี้ก็มีสัตว์ป่าและสัตว์น้ำอยู่มาก เป็นแหล่งสำหรับล่าขนสัตว์และการประมงที่อุดมสมบูรณ์มากเลยทีเดียว


-เครือข่ายแม่น้ำในไซบีเรีย


จุดเริ่มต้นในการขยายดินแดนของรัสเซียสู่ทิศตะวันออก ต้องเท้าความไปถึงยุคต้นศตวรรษที่ 16 ครับ
แต่เดิมรัสเซียยังเป็นแค่นครรัฐเล็กๆกระจายกันอยู่ในเขต Golden Ring (เขตหัวเมืองเริ่มแรกในช่วงก่อร่างสร้างอาณาจักร)
โดยมีศัตรูสำคัญ คือ ชนเผ่าตาตาร์ ลูกหลานของมองโกลสายโกลเดนฮอร์ด คอยคุกคามอยู่จากทางตะวันออก
หัวเมืองรัสเซียเหล่านี้มีช่วงเวลาขึ้นๆลงๆดั่งวัฐจักรหงส์แดง บางช่วงอ่อนแอก็ตกอยู่ใต้อำนาจของพวกตาตาร์ ต้องคอยส่งบรรณาการไปให้
บางช่วงเข้มแข็งก็ตั้งตัวเป็นอิสระได้ แต่ก็มักจะไม่นาน

สถานการ์ณที่ต้องตกเป็นเบี้ยล่างบ้างอิสระบ้างมาถึงจุดสิ้นสุด เมื่อแกรนด์ปรินซ์อิวานที่4แห่งมอสโคว(อิวานผู้โหดเหี้ยม) ได้เริ่มต้นการปฏิรูป
สร้างกองทหาร Streltsy ซึ่งเป็นหน่วยอาวุธหนักติดปืนไฟขึ้นมา จนสามารถรวบรวมหัวเมืองต่างๆเป็นปึกแผ่น ยกทัพไปถล่มอาณาจักรคาซาน
และอาณาจักรอาสทราคานของพวกตาตาร์ลงได้อย่างราบคาบ ทำให้ภัยคุกคามหมดไป ทิศตะวันออกก็เปิดกว้างสำหรับการบุกเบิก




- กองทหาร Streltsy หัวหอกในการขยายอำนาจของพระเจ้าอิวานผู้โหดเหี้ยม
  มีเครื่องหมายการค้าคือปืนไฟกับขวานศึกอันบักเขื่อง



อย่างที่ได้บอกไปว่าดินแดนตะวันออกนั้นมีสัตว์ป่าและสัตว์น้ำมาก
พ่อค้ารัสเซียเองก็หมายตาทรัพยากรเหล่านี้ ทันทีที่พวกตาตาร์ถูกปราบลง เหล่าพ่อค้าก็ได้ไปขออนุญาตการบุกเบิกดินแดนจากราชสำนัก
พ่อค้าจะลงมือบุกเบิกและเข้าไปตั้งนิคมการค้าตามรายทาง เพื่อรวบรวมขนสัตว์และทำประมง โดยอาศัยกองทหารรับจ้างช่วยบุกเบิก
ปกป้องนิคมใหม่ และได้รับการคุ้มครองจากราชสำนักเป็นครั้งคราว ในขณะที่ราชสำนักก็ได้ภาษีการค้า และได้เคลมดินแดนที่พ่อค้าบุกเบิก
เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักร...สมประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย




-นิคมการค้าของพ่อค้ารัสเซียขยายตัวไปตามเครือข่ายแม่น้ำ ใช้การล่องเรือเป็นหลักเพื่อเดินทางและขนส่งสินค้า


นิคมการค้าของพ่อค้ารัสเซียนั้นขยายตัวเร็วมากครับ
ด้วยผลประโยชน์จากการค้าขนสัตว์ที่มีมูลค่ามหาศาล ทำให้พ่อค้ารัสเซียยิ่งเดินทางออกไปตั้งนิคมการค้าไกลขึ้นเรื่อยๆ
แม้ว่าทางตะวันออกของรัสเซียจะมีชนเผ่าเร่ร่อนและอาณาจักรเล็กๆขวางทางอยู่ แต่ก็อ่อนแอ ไม่คณามือเหล่าทหารรับจ้าง
ก่อนสิ้นศตวรรษที่16 อาณาจักรข่านแห่งไซบีเรียก็ถูกกองทัพพ่อค้าและทหารรับจ้างพิชิตลงได้ ซึ่งการพิชิตดินแดนครั้งนี้
ทำให้มีการค้นพบเครือข่ายเส้นทางน้ำ ที่ใช้ล่องเรือตามแม่น้ำไปทางตะวันออกไกลได้ นิคมการค้าก็ยิ่งขยับขยายไปมากขึ้น



-พิชิตข่านแห่งไซบีเรีย



ในที่สุดในช่วงกลางศตวรรษที่ 17 เขตแดนของรัสเซียก็ไปจรดชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก
เท่ากับว่านับตั้งแต่เริ่มทำการบุกเบิก รัสเซียใช้เวลาเพียง100กว่าปีเท่านั้นเอง ในการขยายดินแดนมาจนสุดขอบทวีป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่