spoil/แปล - GoT ขายวิญญาณให้ Hollywood แล้วหรือ?

http://www.dailydot.com/opinion/game-of-thrones-sold-soul-hollywood/
http://gameofthronesfansite.com/threads/1145

เป็นบทความที่ผมว่าน่าสนใจเลยแปลมาให้อ่านกันครับ
เตือนว่า SPOIL หนัก สำหรับใครที่ยังอ่านเล่ม 3 ไม่จบ หรือยังไม่ได้ดูซีซัน 4



ซีซัน 4 ของซีรีส์ดังจาก HBO ปิดฉากไปอย่างสำเร็จล้นหลาม แต่ความสำเร็จนี้กลายเป็นชนวนถกเถียงกันว่ามันมีความหมายอย่างไรต่อนวนิยายต้นแบบ A Song of Ice and Fire

แม้ตอนจบซีซันจะมีผลให้กลุ่มผู้ชมที่ไม่เคยอ่านหนังสืออยู่ในห้วงชื่นชม (ซึ่งกลุ่มผู้อ่านบนเนต เรียกล้อว่า พวก"ไร้มลทิน") แต่สำหรับนักอ่านผู้อยู่คู่กับโลกเวสเทอรอสมานานนั้น พวกเขามีแต่ความโกรธา เสียงตอบรับมีให้เห็นอย่างชัดเจนบน Twitter ซึ่งคำว่า "Lady Stoneheart" กำลังขึ้นเทรนอย่างรวดเร็ว

แฟนนักอ่านล้วนคาดหวังให้ซีซันทิ้งท้ายด้วยการแย้มเลดี้สโตนฮาร์ทให้ผู้ชมได้เห็น ซึ่งน่าจะตอกย้ำความทรงจำของผู้ที่ไม่ได้อ่านถึงเหตุการณ์วิวาห์สีชาดและสร้างความตื่นเต้นอย่างไม่อาจวัดได้สำหรับปีหน้า มันดูเป็นเสี้ยววินาที "เยสเข้" ที่สมบูรณ์ไร้ที่ติเสียเหลือเกิน เพราะในหนังสือเล่ม 3 เองก็ปิดท้ายด้วยการเผยตัวเลดี้สโตนฮาร์ทเช่นกัน

อาร์ยาล่องเรือไปบราวอส... ถามจริงใครตื่นเต้นบ้าง

(ตัวอย่าง twitter ลองดูจากเวบต้นแบบ)

ทว่าความโกรธเกรี้ยวเรื่องเลดี้สโตนฮาร์ทนั้นกำลังปิดบังปัญญาที่ใหญ่กว่าเอาไว้ - การเปลี่ยนสัญชาติ Game of Thrones เป็นชาว Hollywood

ถ้าคุณเคยชม(อ่าน)บทสัมภาษณ์ GRRM ผู้แต่ง A Song of Ice and Fire คุณจะรู้ว่าอาชีพหลักของเขาคือการเขียนบทให้โทรทัศน์และ Hollywood โดยสิ่งที่เขาเกลียดที่สุดคือการที่เนื้อเรื่องของเขาถูกเอาไปปรับเปลี่ยนตามอำเภอใจ

“เครือข่าย และสตูดิโอ - 2 อย่างนี้คือดาร์ธเวเดอร์ที่วันดีคืนดีก็จะส่ง force ลงมายำบทและยำรายการของคุณ บังคับทำโน่นทำนี่... มันน่าเซ็งโคตรๆ” นวนิยายของเขานับว่าปลอดภัยจากเงื้อมมือของ Hollywood ดี หากตัวละครดังอย่างทีเรียน แลนนิสเตอร์ ทำอะไรที่ขัดกับศีลธรรม เขาไม่จำเป็นต้องแก้ไข มันไม่มีผลต่อเรตติ้ง

ทว่า ซีรีส์ Game of Thrones ตกเป็นเหยื่อของแรงกดดันเหล่านี้อย่างเลี่ยงไม่ได้ ขอยกตัวอย่างซีนจากตอนล่าสุด เมื่อทีเรียนสังหารเชอดีตคนรักของเขา
- ในหนังสือ ทีเรียนลงมือสังการเชโดยการรัดคอเมื่อเห็นหล่อนอยู่บนเตียงของบิดา
- ในซีรีส์ เชคว้ามีดขึ้นมาจู่โจมทีเรียนโดยไม่ให้โอกาสเขาได้พูดอะไร
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวล้างเลือดจากมือทีเรียนอย่างสิ้นเชิง และทำให้ทีเรียนเปลี่ยนจากสีเทาเข้มในหนังสือ กลายเป็นสีขาวบริสุทธ์ในซีรีส์

อีกตัวอย่างหนึ่งคือในหนังสือเล่ม 2 เมื่อทีเรียนเป็นราชหัตถ์ เซอร์ซีลักพาตัวโสเภณีที่นางเชื่อว่าเป็นคนรักของทีเรียนไป แม้ว่าเซอร์ซีจะจับผิดคน แต่ทีเรียนก็ปกป้องด้วยการลักพาตัวทอมมิน - ผู้เป็นหลานแท้ๆ ของเขาเอง - แล้วขู่เซอร์ซีว่าสิ่งที่นางทำกับโสเภณี เขาจะทำกับทอมมินด้วย ไม่เว้นแม้แต่การข่มขืน

มันเป็นเนื้อหาที่รุนแรงจนแทบอ้าปากค้างและทำให้มันยากมากที่ผู้ชมจะเชียร์ทีเรียนสุดใจ เนื้อหาดังกล่าวปรากฏในซีรีส์เพียงกึ่งหนึ่งเท่านั้น -- เซอร์ซีมีการจับโสเภณีผิดตัวจริง แต่ทีเรียนไม่ได้ทำอะไรเลย ทันใดนั้นเขาก็กลายเป็นพระเอกละครเศร้าผูู้ถูกรังแกจนผู้ชมยิ่งเห็นใจเขาขึ้นไปอีก ...ก็นั่นแหละ ผู้ผลิตซีรีส์จะปล่อยให้ทีเรียนผู้เป็นขวัญใจผู้ชมต้องคะแนนตกฮวบฮาบด้วยการให้เขาสำแดงอิทธิฤทธิ์ด้านมืดแบบในหนังสือได้ยังไง? จะให้นักแสดงที่ช่วยเพิ่มเรตติ้งและชนะรางวัลเอมมีทำแบบนั้นได้ยังไง?

สิ่งเหล่านี้แหละคืออิทธิพลของ Hollywood ที่กำลังฆ่านวนิยาย A Song of Ice and Fire ซึ่งเขียนขึ้นมาให้เต็มไปด้วยความขัดแย้ง

“เวลาคุณอ่านหนังสือ หรือชมรายการโทรทัศน์ หากมีตัวเอกและตัวร้ายซึ่งฝ่ายหนึ่งขาวฝ่ายหนึ่งดำ ทุกคนก็จะมีปฏิกริยาเหมือนกันหมด - โอ้ เราชอบพระเอก เราเกลียดตัวร้าย แบบนั้นน่ะมันท่อนไม้”

มาร์ตินยังกล่าวเพิ่มเติมถึงความเทาของตัวละครอีกว่า

“การต่อสู้ระหว่างความดีความชั่วไม่มีอะไรผิดหรอก มันเป็นสากล ไม่ใช่แค่สำหรับแฟนตาซีแต่รวมถึงเรื่องแต่งทุกเรื่อง ทว่าผมมีแนวคิดมาเสมอว่าความดีความชั่วเหล่านั้นมันต่อสู้กันอยู่ในหัวใจของมนุษย์แต่ละคน เราทุกคนสามารถเป็นคนดี และเราทุกคนก็สามารถเป็นคนเลวเช่นกัน คนคนเดียวกันนั้นอาจทำดีวันนึงแล้วทำเลวอีกวันนึงก็ได้ หากคุณอ่านเรื่องราวของวีรบุรุษในสงครามผู้ช่วยชีวีตทหารไว้ทั้งหน่วย เขามีความกล้าหาญอย่างยิ่ง แล้วเขาก็กลับบ้านไปตบตีลูกเมีย... คุณจะรับเรื่องนี้ยังไง?”

รายละเอียดปลีกย่อยเหล่านี้ไม่มีผลต่อ Game of Thrones เลย มันกลายเป็นรายการที่คนดีจำเป็นต้องรักษาความดีอย่างเสมอต้นเสมอปลายเพื่อไม่ให้สะกิดต่อมไม่พอใจของผู้ชมทางบ้าน รายการที่อาร์ยากับหมาล่าเนื้อกลายเป็นสองพ่อลูกผจญภัยเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดในโลกที่แหลกสลายและไร้ความสุขจากสงคราม  รายการที่แรมซี สโนว์ สามารถต่อสู้โดยไม่ต้องสวมเพราะ หรือกระทั่งเสื้อ เพราะการโชว์หุ่นล่ำผู้ชายมีความสำคัญ รายการที่จอน สโนว์ สามารถจ้องตา โอบกอด และจูบลาคนรักของเขาได้กลางสมรภูมิที่มียักษ์กำลังอาละวาดและลูกศรบินว่อนทั้งซ้ายขวา เพราะนั่น คือวิถีแห่ง Hollywood ดินแดนซึ่งความสมจริงเบือนหน้าหนี

David Benioff และ Dan Weiss ผู้จัดทำซีรีส์ Game of Thrones ไม่ได้กำลังเล่าเรื่องราวเดียวกันกับนวนิยาย A Song of Ice and Fire อีกต่อไปแล้ว แต่กำลังเล่าเรื่องที่ระดับต่ำชั้นกว่า, กลายพันธุ์, เห็นแก่เงิน และเต็มไปด้วยแนวคิดที่น่ารักเกียจ ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ GRRB เขียนนวนิยายของเขาขึ้นมาในทีแรก

ปล. บทสัมภาษณ์ที่พูดถึงในบทความ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่