คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 8
ผมทำอพาร์ทเม้นท์มาเกือบ 20 ปี
อยากบอกว่า คุณเก็บค่าเช่าต้นเดือนใช่ไหม
ถ้าใช่ อย่าใช้คำว่า ค่าเช่าล่วงหน้า เด็ดขาด
ให้ใช้คำว่า ค่าเช่าทุกต้นเดือน แทน
เพราะคนพักบางคน เวลาย้ายออก
จะเข้าใจว่ามีค่าเช่าล่วงหน้าเหลือนอกจากเงินประกัน
แล้วมาทะเลาะกันตอนรับเงินประกันคืนทุกที
คนเช่าเข้ากลางเดือน
ผมก็เก็บเงินประกัน + ค่าเช่าเต็มเดือน ก่อน
พอต้นเดือนใหม่ ก็ทำบิลค่าเช่าเศษวันของเดือนที่เข้าพักแทน
จากนั้นทุกเดือนก็จะเข้ารอบบิลปกติ
อยากบอกว่า คุณเก็บค่าเช่าต้นเดือนใช่ไหม
ถ้าใช่ อย่าใช้คำว่า ค่าเช่าล่วงหน้า เด็ดขาด
ให้ใช้คำว่า ค่าเช่าทุกต้นเดือน แทน
เพราะคนพักบางคน เวลาย้ายออก
จะเข้าใจว่ามีค่าเช่าล่วงหน้าเหลือนอกจากเงินประกัน
แล้วมาทะเลาะกันตอนรับเงินประกันคืนทุกที
คนเช่าเข้ากลางเดือน
ผมก็เก็บเงินประกัน + ค่าเช่าเต็มเดือน ก่อน
พอต้นเดือนใหม่ ก็ทำบิลค่าเช่าเศษวันของเดือนที่เข้าพักแทน
จากนั้นทุกเดือนก็จะเข้ารอบบิลปกติ
▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
ขอความคิดเห็นเพื่อนๆคะ ธุรกิจห้องเช่ารายเดือนคะ ผู้เช่าเริ่มเข้าพักกลางเดือนคิดอย่างไรคะ
แต่ผู้เช่าได้เริ่มเช่าตั้งแต่วันที่ 18 มิถุนายน บางห้องเริ่มวันที่ 19 มิถุนายนคะ
ดิฉันได้เก็บค่ามัดจำ 4000 บาท ค่าเช่า 3500 บาท ค่าset top box 100 บาทต่อเดือน ยังไม่เก็บค่าน้ำค่าไฟฟ้า ค่าไฟฟ้าจ่ายตามมิเตอร์คะ
การที่ดิฉันจะรอวันครบรอเดือนสำหรับเดือนถัดไป แล้วค่อยเก็บค่าเช่าเพิ่มอีก หรือเลือกที่จะเฉลี่ยค่าห้องให้เป็น18-30 มิถุนายน
และคำณวนค่าไฟตั้งแต่18-30มิถุนายน. เรียกเก็บวันที่ 1 กรกฎาคม เพื่อเป็นการสะดวกและง่ายต่อการจำ มากกว่าที่จำต้องคอยจำทีละห้องว้าแต่ละห้องเริ่มเข้าพักวันไหน
และต้องการจดค่าไฟทีเดียวสินเดือนเพื่อต้องการเดินรอเดียวละไม่งงเอง
ปัญหาคือ
1.ลูกบ้านจะคิดว่าเราเก็บซำ้ซ้อนไหม และดูถี่เกินไปไหม. เพราะดูเหมือนพึ่งจ่ายไปเมื่อกลางเดือน
2.ลูกบ้านเป็นแรงงานจะจ่ายไห้วไหม หรือเค้าจะเข้าใจไหมว่า 3500 คือการเก็บล่วงหน้า1เดือน ซึ่งหมายความว่าเป็นค่าเช่าในกลางเดือนนี้ที่พึ่งเริ่มเข้าพักและจ่ายอีกทีกลางเดือนหน้า ซึ่งในส่วนนี้ดิฉันถือว่าเป็นล่วงหน้าหนึ่งเดือนส่วน 4000 คือเงินประกัน
คำถามที่สองคะ
มีลูกบ้านต้องการจ่ายแต่ค่ามัดจำเพื่อจองหน้าไว้ก่อนเป็นเงินมัดจำ 4000 บาทแต่ยังไม่พร้อมที่จะเข้าอยู่จะพร้อมอีกทีคือต้นเดือนหน้าเนื่องจาก
ต้องการได้เงินค่ามัดจำคืนจากที่เก่า ทั้งนี้ทั้งนั้นดิฉันไม่รับเงินจองคะ. และคิดว่าคนที่จ่ายแต่ค่ามัดจำและยังไม่เข้าอยู่ทำให้ผู้เช่ารายอื่นและผู้ให้เช่าเสียโอกาศ
ในการปล่อยห้องให้กับผู้ที่ต้องการห้องนั้นเหมือนกันและพร้อมเข้าอยู่เลย โดยจ่ายค่ามัดจำและค่าล่วงหน้าเป็นเงินก้อน ณ วันทำสัญญา
แต่จากคำถามที่สองก็เกิดการทำให้ลูกบ้านมาตัดพ้อต่อว่าว่า เคี้ยวเกินเหตุ เนื่องจากดิฉันถือว่าอีกสิบกว่าวันที่เหลือห้องก็จะว่างเฉยๆคะ
จะดีกว่าที่ให้ห้องและให้สิทธิ์กับผู้ที่พร้อมละวางเงินก้อนเลย ส่วนคนที่คิดว่าจะพร้อมต้นเดือนหน้าค่อยมาเช่า
ก็ให้จ่ายเมื่อพร้อมและเลือกห้องที่เหลืออยู่ซึ่งอาจจะไม่ใช่ห้องที่ตนตั้งใจไว้แต่แรกเนื่องจากมีคนอื่นอยูแล้ว
ดิฉันรบกวนขอคิดเห็น ของเพื่อนๆด้วยคะว่า มีแนวทางและความคิดเห็นอย่างไร
ดิฉันควรแก้ไขความคิดส่วนไหนหรือเปล่าคะ
ไม่อยากทำให้ลูกบ้านอึดอัดคะ และเสมอภาคคะ
อีกอย่างอันนี้ถือเป็นธุรกิจตัวแรกที่แม่เริ่มให้สิทธิ์ดิฉันดูแลคะ
คือไม่อยากทำให้แม่รู้สึกว่าเป็นเพราะลักษณะนิสัยลูกสาวที่ไม่มีความยืดหยุ่นทำให้
ลูกบ้านมีการบอกต่อกันไม่ให้มาเช่าห้องที่เปล่าเช่าอยู่คะ
ขอบคุณทุกความคิดเห็นล่วงหน้าคะ ดิฉันจะได้นำไปพัฒนาตัวเองคะ