ท่องเว็บไปเจบทความของคุณ "ยศ สำราญสุข" ซึ่งเขียนไว้เมื่อ ๖ ปีที่แล้ว ( 19/10/2008 ) โดยบังเอิญครับ
ขออนุญาตยกเอามาให้อ่านกันเล่น ๆ
ไม่รู้ว่าวันนี้ คุณยศยังคิดอย่างนี้อยู่หรือเปล่า ?
บทความฉบับเต็ม...อ่านได้ที่นี่ครับ
http://www.siamintelligence.com/literature-nobel-prize-and-thai-writer/
.........................................................................................................
ก่อนที่จะถามว่านักเขียนของไทยมีความหวังหรือยัง
ก่อนอื่นจะต้องตอบคำถามกันเสียก่อนว่า นักเขียนไทยของเรามีคุณสมบัติเหล่านี้หรือยัง
เรารู้หรือยังว่าวรรณกรรมไทยมีรูปร่างหน้าตาชัดเจนแบบใด? หรือว่าเป็นของไทยตรงไหน?
เรามีรากวรรณกรรมมาจากไหนและมีพัฒนาการอย่างไร?
เมื่อเราหรือคนต่างประเทศอ่าน เราหรือพวกเขาจะได้รับรสกลิ่นของวรรณกรรมของเราเองอย่างชัดเจนหรือเปล่า?
เมื่อนักเขียนไทยหยิบแนวคิดของตัวเองออกมานำเสนอ
มันสามารถปรับใช้หรือสร้างอิทธิพลทางวรรณกรรมให้กับวรรณกรรมอื่นได้หรือไม่ ?
วรรณกรรมเราจะถูกสร้างให้เป็นกระแสหลักในสายธารวรรณกรรมโลกขึ้นมาให้โดดเด่นอย่างเป็นในอนาคต?
โลกเขามีรูปธรรมวรรณกรรมของเราแล้วหรือยัง?
ตัวนักเขียนเองมีพัฒนาทางความคิด ในผลงาน และความคิดเห็นต่างๆ ในหนังสือ
การให้สัมภาษณ์ หรือการได้รับการวิจารณ์ทั้งจากภายในและภายนอกประเทศมากน้อยเพียงใด?
สำคัญมากๆ เราต้องถามว่าเรามี
นายหน้าทางวรรณกรรม ที่แข็งแรงแล้วหรือยัง
เรามีนักแปลวรรณกรรมไทยเป็นภาษาต่างประเทศ หรือวิจารณ์ นักวรรณคดีไทย
ที่ยืนอยู่ในระดับนานาชาติ ที่รอสนับสนุนวรรณกรรมไทยแล้วหรือยัง?
หรือว่านักวิจารณ์และนักแปลของเรามีแล้ว แต่ผลงานของเรายังขาดคุณสมบัติ ?
ขอยกกรณี เกาซิงเจี้ยง (Gao Xingjian) เขาคว้ารางวัลโนเบล
เพราะมาเบล หลี (Mabel Lee) นักแปลของเขา เธอเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวรรณกรรมจีนให้กับบัณฑิตยสภาสวีเด็น
จัดว่าอิทธิพลกับคณะกรรมการพอสมควร
หรือกรณี ปาโบล เนรุด้า คว้าโนเบลเพราะใช้เทคนิคทางการทูตกับอาร์เธอร์ ลุนวิคซ์ (Arthur Lunkvist)
นักแปลผู้ผลงานของเนรุด้าออกเป็นภาษาสวีดีซ พิมพ์หนังสือแปลขายดีจนต้องคว้ารางวัลโนเบล
ลุนวิคซ์เป็นคณะกรรมการที่มีอิทธิพลต่อคณะกรรมการคนอื่นที่เหยียดวรรณกรรมไทย
กรณีวิจารณ์ ฟ้าบ่กั้นของลาว คำหอม อย่างเสียหาย
หรือนาร์ดีน กอร์ดิเมอร์ (Nadine Gordimer) คว้ารางวัลโนเบล
เพราะ Per Wästberg หนึ่งในคณะกรรมการรางวัลโนเบลเดินทางมาพบกับเธอ
ศึกษาชีวิตการต่อสู้และค้นคว้าอิทธิพลของเธอด้วยตัวเองในแอฟริกาใต้
ก่อนจะไปต่อสู้กับคณะกรรมการคนอื่นๆ เพื่อโน้มน้าวให้เธอเป็นผู้ชนะรางวัลโนเบล
สุดท้าย หากจะว่ากันตรงๆ นักเขียนไทยยังไร้ทิศทาง
เรายังชอบที่จะชกแบบปราศจากหลักการเพื่อให้หมัดโดนคู่ชกล้มหงายหรือแพ้คะแนนเพื่อหวังเหรียญทอง
ซึ่งเป็นดังนั้น ก็คงจะอีกนาน
แต่หากว่าเราเริ่มต้นเอาจริงเอาจังตั้งแต่วันนี้
อย่างช้า อีก 30 ข้างหน้าจะต้องมีนักเขียนรางวัลโนเบลสาขาวรรณคดีชาวไทยอย่างแน่นอน
หากว่าตัวอย่างของนักเขียนเหล่านี้
- หากแดนอรัญ แสงทอง เลิกคิดถึงเรื่องการเขียนเชิงกรรมฐาน
แล้วหันมาสนใจความเลวของศิลปินจอมปลอม
- หากธีรยุทธ ดาวจันทึก กลับมาขยันเขียนเรื่องราวของชาวชะบนจนหมด
- หากชาติ กอบจิตติ ลงมือเขียนนวนิยายขนาดยาวเท่าสายตาเรื่องการเห็นด้วยตา
- หากวินทร์ เลียววาริณ เลิกเขียนวรรณกรรมประกอบรูปภาพ
- หากประชาคม ลุนาชัย เลิกหลงตัวละครของตนว่าเป็นนักเขียนใหญ่มีอุดมคติ
โดยหันมาสนใจลูกเรือตังเกที่โง่งมและมีความหวัง และเลิกพ่นปรัชญาเน่าๆ ออกมาจากปากของตัวละคร
- หากวัฒน์ วรรลยางกูร ตื่นขึ้นมาจากกิจการทำน้ำเมา
- หากภาณุ ตรัยเวช ศึกษาวรรณกรรมรางวัลโนเบลอย่างหนัก
- หาก ฮ.นิกฮูกี้ ตั้งสติให้มั่นแล้วรื้องานยาวที่น่าสนใจแต่ถูกวิจารณ์จนพินาศเรื่อง โลกที่พบใหม่ ทบทวนมันเป็นพันๆรอบ
- หากไพวรินทร์ ขาวงาม เลิกใช้คำว่า ฝัน ในบทกวีของเขา
- หากงามพรรณ เวชชาชีวะ เขียนเรื่องราวความ TorLae ของเด็กหญิงกำพร้าเล่มหนามหึมา
- หากวัชระ สัจจะสารสิน นึกขึ้นได้ถึงอะไรบางอย่าง
- หากศรีดาวเรือง ได้รับการยกย่องมากกว่านี้
- หากจิระนันท์ พิตรปรีชา กลับมาเขียนบทกวีที่หายไป
- หากเสกสรร ประเสริฐกุล เขียนนวนิยาย สงครามประชาชน ออกมา
- หากบทกวีของแรคำ ประโดยคำ ได้รับการแปลเป็นภาษาต่างประเทศ
- หากปราบดา หยุ่น เลิกหลงใหลญี่ปุ่น อเมริกัน โพสต์โมเดอร์น และการสนทนากับวินทร์ เลียววาริณ
เราอาจจะมีนักเขียนวรรณกรรมตัวอย่าง
ที่ปูทางสู่เส้นทางการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโนเบลอย่างเป็นทางการ
เหมือนปราโมทยา อนันตา ตูร์ (Pramoedya Anan Toer)
ที่มีชื่อแขวนรอรับรางวัลจนตาย
ส่วนนักเขียนรางวัลโนเบลชาวไทยตัวจริง จะเกิดขึ้นหลังจากบรรดาตัวอย่างนักเขียนที่กล่าวถึง
นักอ่านและนักวิจารณ์กล่าวกันว่ากันว่ารางวัลโนเบลสาขาวรรณคดี
โหดร้ายและทารุณนักเขียนที่ปรารถนารางวัล
แต่จะใจดีกับนักเขียนที่หันหน้าไปในทางของตัวเองอย่างมุ่งมั่น แต่มันจะเป็นเช่นนั้นหรือ?
......................................................
จขกท. แก้คำผิด และจัดย่อหน้า เครื่องหมาย ให้อ่านง่ายขึ้น
บางถ้อยคำของคุณยศก็แรงไปหน่อย ? จขกท. ไม่ได้เห็นด้วยนะครับ
ที่เอามาให้อ่านนี่ แต่ละท่านก็คงจะคิดต่างๆ กันไป
บางประเด็นน่าคิด เช่น เรื่องการแปล (แต่ก็เห็นคุณมาร์แซล บารังส์ เอาจริงเอาจังอยู่)
ที่อยากถามคือ
- คิดเห็นกันอย่างไรเมื่ออ่านแล้วครับ
- บางคนเคยบถาม จำเป็นไหมที่ไทยต้องได้โนเบล ?
รางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม...มาถึงมือนักเขียนไทยหรือยัง?
ขออนุญาตยกเอามาให้อ่านกันเล่น ๆ
ไม่รู้ว่าวันนี้ คุณยศยังคิดอย่างนี้อยู่หรือเปล่า ?
บทความฉบับเต็ม...อ่านได้ที่นี่ครับ
http://www.siamintelligence.com/literature-nobel-prize-and-thai-writer/
.........................................................................................................
ก่อนที่จะถามว่านักเขียนของไทยมีความหวังหรือยัง
ก่อนอื่นจะต้องตอบคำถามกันเสียก่อนว่า นักเขียนไทยของเรามีคุณสมบัติเหล่านี้หรือยัง
เรารู้หรือยังว่าวรรณกรรมไทยมีรูปร่างหน้าตาชัดเจนแบบใด? หรือว่าเป็นของไทยตรงไหน?
เรามีรากวรรณกรรมมาจากไหนและมีพัฒนาการอย่างไร?
เมื่อเราหรือคนต่างประเทศอ่าน เราหรือพวกเขาจะได้รับรสกลิ่นของวรรณกรรมของเราเองอย่างชัดเจนหรือเปล่า?
เมื่อนักเขียนไทยหยิบแนวคิดของตัวเองออกมานำเสนอ
มันสามารถปรับใช้หรือสร้างอิทธิพลทางวรรณกรรมให้กับวรรณกรรมอื่นได้หรือไม่ ?
วรรณกรรมเราจะถูกสร้างให้เป็นกระแสหลักในสายธารวรรณกรรมโลกขึ้นมาให้โดดเด่นอย่างเป็นในอนาคต?
โลกเขามีรูปธรรมวรรณกรรมของเราแล้วหรือยัง?
ตัวนักเขียนเองมีพัฒนาทางความคิด ในผลงาน และความคิดเห็นต่างๆ ในหนังสือ
การให้สัมภาษณ์ หรือการได้รับการวิจารณ์ทั้งจากภายในและภายนอกประเทศมากน้อยเพียงใด?
สำคัญมากๆ เราต้องถามว่าเรามี นายหน้าทางวรรณกรรม ที่แข็งแรงแล้วหรือยัง
เรามีนักแปลวรรณกรรมไทยเป็นภาษาต่างประเทศ หรือวิจารณ์ นักวรรณคดีไทย
ที่ยืนอยู่ในระดับนานาชาติ ที่รอสนับสนุนวรรณกรรมไทยแล้วหรือยัง?
หรือว่านักวิจารณ์และนักแปลของเรามีแล้ว แต่ผลงานของเรายังขาดคุณสมบัติ ?
ขอยกกรณี เกาซิงเจี้ยง (Gao Xingjian) เขาคว้ารางวัลโนเบล
เพราะมาเบล หลี (Mabel Lee) นักแปลของเขา เธอเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวรรณกรรมจีนให้กับบัณฑิตยสภาสวีเด็น
จัดว่าอิทธิพลกับคณะกรรมการพอสมควร
หรือกรณี ปาโบล เนรุด้า คว้าโนเบลเพราะใช้เทคนิคทางการทูตกับอาร์เธอร์ ลุนวิคซ์ (Arthur Lunkvist)
นักแปลผู้ผลงานของเนรุด้าออกเป็นภาษาสวีดีซ พิมพ์หนังสือแปลขายดีจนต้องคว้ารางวัลโนเบล
ลุนวิคซ์เป็นคณะกรรมการที่มีอิทธิพลต่อคณะกรรมการคนอื่นที่เหยียดวรรณกรรมไทย
กรณีวิจารณ์ ฟ้าบ่กั้นของลาว คำหอม อย่างเสียหาย
หรือนาร์ดีน กอร์ดิเมอร์ (Nadine Gordimer) คว้ารางวัลโนเบล
เพราะ Per Wästberg หนึ่งในคณะกรรมการรางวัลโนเบลเดินทางมาพบกับเธอ
ศึกษาชีวิตการต่อสู้และค้นคว้าอิทธิพลของเธอด้วยตัวเองในแอฟริกาใต้
ก่อนจะไปต่อสู้กับคณะกรรมการคนอื่นๆ เพื่อโน้มน้าวให้เธอเป็นผู้ชนะรางวัลโนเบล
สุดท้าย หากจะว่ากันตรงๆ นักเขียนไทยยังไร้ทิศทาง
เรายังชอบที่จะชกแบบปราศจากหลักการเพื่อให้หมัดโดนคู่ชกล้มหงายหรือแพ้คะแนนเพื่อหวังเหรียญทอง
ซึ่งเป็นดังนั้น ก็คงจะอีกนาน
แต่หากว่าเราเริ่มต้นเอาจริงเอาจังตั้งแต่วันนี้
อย่างช้า อีก 30 ข้างหน้าจะต้องมีนักเขียนรางวัลโนเบลสาขาวรรณคดีชาวไทยอย่างแน่นอน
หากว่าตัวอย่างของนักเขียนเหล่านี้
- หากแดนอรัญ แสงทอง เลิกคิดถึงเรื่องการเขียนเชิงกรรมฐาน
แล้วหันมาสนใจความเลวของศิลปินจอมปลอม
- หากธีรยุทธ ดาวจันทึก กลับมาขยันเขียนเรื่องราวของชาวชะบนจนหมด
- หากชาติ กอบจิตติ ลงมือเขียนนวนิยายขนาดยาวเท่าสายตาเรื่องการเห็นด้วยตา
- หากวินทร์ เลียววาริณ เลิกเขียนวรรณกรรมประกอบรูปภาพ
- หากประชาคม ลุนาชัย เลิกหลงตัวละครของตนว่าเป็นนักเขียนใหญ่มีอุดมคติ
โดยหันมาสนใจลูกเรือตังเกที่โง่งมและมีความหวัง และเลิกพ่นปรัชญาเน่าๆ ออกมาจากปากของตัวละคร
- หากวัฒน์ วรรลยางกูร ตื่นขึ้นมาจากกิจการทำน้ำเมา
- หากภาณุ ตรัยเวช ศึกษาวรรณกรรมรางวัลโนเบลอย่างหนัก
- หาก ฮ.นิกฮูกี้ ตั้งสติให้มั่นแล้วรื้องานยาวที่น่าสนใจแต่ถูกวิจารณ์จนพินาศเรื่อง โลกที่พบใหม่ ทบทวนมันเป็นพันๆรอบ
- หากไพวรินทร์ ขาวงาม เลิกใช้คำว่า ฝัน ในบทกวีของเขา
- หากงามพรรณ เวชชาชีวะ เขียนเรื่องราวความ TorLae ของเด็กหญิงกำพร้าเล่มหนามหึมา
- หากวัชระ สัจจะสารสิน นึกขึ้นได้ถึงอะไรบางอย่าง
- หากศรีดาวเรือง ได้รับการยกย่องมากกว่านี้
- หากจิระนันท์ พิตรปรีชา กลับมาเขียนบทกวีที่หายไป
- หากเสกสรร ประเสริฐกุล เขียนนวนิยาย สงครามประชาชน ออกมา
- หากบทกวีของแรคำ ประโดยคำ ได้รับการแปลเป็นภาษาต่างประเทศ
- หากปราบดา หยุ่น เลิกหลงใหลญี่ปุ่น อเมริกัน โพสต์โมเดอร์น และการสนทนากับวินทร์ เลียววาริณ
เราอาจจะมีนักเขียนวรรณกรรมตัวอย่าง
ที่ปูทางสู่เส้นทางการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโนเบลอย่างเป็นทางการ
เหมือนปราโมทยา อนันตา ตูร์ (Pramoedya Anan Toer)
ที่มีชื่อแขวนรอรับรางวัลจนตาย
ส่วนนักเขียนรางวัลโนเบลชาวไทยตัวจริง จะเกิดขึ้นหลังจากบรรดาตัวอย่างนักเขียนที่กล่าวถึง
นักอ่านและนักวิจารณ์กล่าวกันว่ากันว่ารางวัลโนเบลสาขาวรรณคดี
โหดร้ายและทารุณนักเขียนที่ปรารถนารางวัล
แต่จะใจดีกับนักเขียนที่หันหน้าไปในทางของตัวเองอย่างมุ่งมั่น แต่มันจะเป็นเช่นนั้นหรือ?
......................................................
จขกท. แก้คำผิด และจัดย่อหน้า เครื่องหมาย ให้อ่านง่ายขึ้น
บางถ้อยคำของคุณยศก็แรงไปหน่อย ? จขกท. ไม่ได้เห็นด้วยนะครับ
ที่เอามาให้อ่านนี่ แต่ละท่านก็คงจะคิดต่างๆ กันไป
บางประเด็นน่าคิด เช่น เรื่องการแปล (แต่ก็เห็นคุณมาร์แซล บารังส์ เอาจริงเอาจังอยู่)
ที่อยากถามคือ
- คิดเห็นกันอย่างไรเมื่ออ่านแล้วครับ
- บางคนเคยบถาม จำเป็นไหมที่ไทยต้องได้โนเบล ?