หลายคนยังไม่รู้จักกับหุ้นกู้แปลงสภาพ (convertible bond) นะครับ
ผมขอสรุปคร่าวๆก็คือลักษณะของตราสารนี้จะเป็นกึ่งหนี้กึ่งทุนครับ (Hybrid instrument) โดยลักษณะทั่วไปจะเป็นหนี้ครับ แต่พอถึงระยะเวลาใดเวลาหนึ่งจะแปลงเป็นหุ้นได้ครับ โดยเอาเงินต้นของหุ้นกู้หารด้วยราคาแปลงสภาพ ก็จะเปลี่ยนสภาพจากหุ้นกู้กลายเป็นหุ้นสามัญ ส่วนประโยชน์จากการออกมีอะไรบ้างมาดูกันนะครับ
1. วงเงินในการออกหุ้นกู้แปลงสภาพคือไม่เกิน 10,000 ล้านบาท จำนวนหุ้นสามัญที่ออกมารองรับคือ 542.2 ล้านหุ้น ถ้าลองหารแบบโง่ๆคือ 18.44 บาท/หุ้น ถามว่าราคาต่ำกว่านี้ได้ไหม ตอบว่าไม่ได้ เพราะหุ้นมันจะแปลงได้สูงสุดไม่เกิน 542.2 ล้านหุ้น ถ้าแปลงไม่ถึงก็คือหุ้นแพงกว่านั้นอีกนะครับ (ตอนนี้ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสัดส่วนการแปลงเลยพูดอะไรไม่ได้มากครับ ทำได้สูงสุดคือการจับหารโง่ๆแบบนี้ไปก่อน)
2. อัตราดอกเบี้ยจ่ายจะลดลงจากปกติไปอีก โดยครั้งล่าสุดนั้น BGH ได้ออกหุ้นกู้ไปมีอัตราดอกเบี้ย 4.63% ระยะเวลา 10 ปี โดยหุ้นกู้แปลงสภาพครั้งนี้มีอายุไม่เกิน 5 ปี ถ้าดูจาก Gov't bond Yield Curve ตอนนี้ดอกอยู่ 3.14% ดังนั้นดอกเบี้ยจ่ายในการออกครั้งนี้อาจจะต่ำถึง 1-2% เลยก็ได้ (เดาเอาทั้งนั้นนะครับ) เพราะส่วนที่เหลือเป็นราคาแฝงของสิทธิแปลงสภาพครับ
3. ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมาคือ ต้นทุนทางการเงิน(ดอกเบี้ยจ่าย) สามารถนำมาเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อลดภาษีได้ครับ บริษัทได้ประโยชน์มากขึ้น ส่วนค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมาของหุ้นคือเงินปันผล ไม่สามารถนำมาลดภาษีได้ครับ ดังนั้นบริษัทก็ Happy ผู้ถือหุ้นก็ Happy ครับ
4. BGH ได้เงินมาล่วงหน้าก่อน ไม่เกิด dilution effect ในทันที การ dilution จะสอดคล้องกับกำไรที่เพิ่มขึ้น ทำให้อาจจะไม่เห็นผลของการ dilution เลยก็เป็นไปได้ครับ โดยต้นทุนทางการเงินในครั้งนี้ก็ต่ำด้วย แต่คนถือหุ้นกู้แปลงสภาพก็ happy เพราะได้ดอกเบี้ยแม้จะน้อย แต่ถ้าบริษัท perform ดีก็สามารถที่จะแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญและร่วมแบ่งกำไรของบริษัทได้เหมือนกับผู้ถือหุ้นทั่วไป
5. ดีกว่าเอาหุ้นไป PP ให้กับกิจการที่ซื้อมา เพราะหากเวลาไป takeover โรงพยาบาลแล้วมีการแลกหุ้นกันเกิดขึ้น ไม่รู้ว่าผู้ถือหุ้นโรงพยาบาลเดิมได้หุ้นไปแล้วจะทำอย่างไร เอามาสาดบนกระดาน ราคาก็เสียอีก หรือถ้าหุ้นตกแบบปีที่แล้ว ผู้ถือหุ้นที่ได้หุ้นไปก็วิตกจริตอีกว่าตัวเองขาดทุน ทั้งๆที่เป็นแค่การเคลื่อนไหวของราคา แต่ก็ยังไม่เคยชินที่มีการเคลื่อนไหวทุกวัน ขาย 500 ล้านบาท วันนี้เหลือแค่ 400 ล้านบาทเพราะตลาดตกอะไรอย่างนี้เป็นต้น ดังนั้นตัดปัญหาเรื่องสาดหุ้นน่าจะได้ คนที่แปลงหุ้นกู้แปลงสภาพส่วนใหญ่ผมเดาว่าต้องการจะถือหุ้น ไม่งั้นไม่น่าจะยอมซื้อหุ้นกู้เพื่อถือรอการแปลงสภาพหรอกครับ
ปล. ผมโครตชอบดีลนี้เลยครับ บอกตรงๆว่าเป็นดีลที่ฉลาดมากๆ
ได้ทั้งประสิทธิภาพและประสิทธิผล ส่วนใครจะ take action ยังไงก็ตามใจเลย
ปล2. ดีลนี้จะคล้ายๆกับของ CPF ที่ออก Exchangeable bond เลยนะครับ เพียงแต่ของ CPF นั้นเอาหุ้น CPALL ไปแลก แต่ของ BGH ใช้หุ้นตัวเองเลยเป็น Convertible Bond
นาย มั่วหุ้น ณ ยอดดอย เขียนเสร็จ 2.00 น. published : 8.00 น.
อ้างอิงจาก
https://www.facebook.com/guessingstock/posts/681727998529343?fref=nf 
*** BGH กับการออกหุ้นกู้แปลงสภาพดีอย่างไร ***
ผมขอสรุปคร่าวๆก็คือลักษณะของตราสารนี้จะเป็นกึ่งหนี้กึ่งทุนครับ (Hybrid instrument) โดยลักษณะทั่วไปจะเป็นหนี้ครับ แต่พอถึงระยะเวลาใดเวลาหนึ่งจะแปลงเป็นหุ้นได้ครับ โดยเอาเงินต้นของหุ้นกู้หารด้วยราคาแปลงสภาพ ก็จะเปลี่ยนสภาพจากหุ้นกู้กลายเป็นหุ้นสามัญ ส่วนประโยชน์จากการออกมีอะไรบ้างมาดูกันนะครับ
1. วงเงินในการออกหุ้นกู้แปลงสภาพคือไม่เกิน 10,000 ล้านบาท จำนวนหุ้นสามัญที่ออกมารองรับคือ 542.2 ล้านหุ้น ถ้าลองหารแบบโง่ๆคือ 18.44 บาท/หุ้น ถามว่าราคาต่ำกว่านี้ได้ไหม ตอบว่าไม่ได้ เพราะหุ้นมันจะแปลงได้สูงสุดไม่เกิน 542.2 ล้านหุ้น ถ้าแปลงไม่ถึงก็คือหุ้นแพงกว่านั้นอีกนะครับ (ตอนนี้ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสัดส่วนการแปลงเลยพูดอะไรไม่ได้มากครับ ทำได้สูงสุดคือการจับหารโง่ๆแบบนี้ไปก่อน)
2. อัตราดอกเบี้ยจ่ายจะลดลงจากปกติไปอีก โดยครั้งล่าสุดนั้น BGH ได้ออกหุ้นกู้ไปมีอัตราดอกเบี้ย 4.63% ระยะเวลา 10 ปี โดยหุ้นกู้แปลงสภาพครั้งนี้มีอายุไม่เกิน 5 ปี ถ้าดูจาก Gov't bond Yield Curve ตอนนี้ดอกอยู่ 3.14% ดังนั้นดอกเบี้ยจ่ายในการออกครั้งนี้อาจจะต่ำถึง 1-2% เลยก็ได้ (เดาเอาทั้งนั้นนะครับ) เพราะส่วนที่เหลือเป็นราคาแฝงของสิทธิแปลงสภาพครับ
3. ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมาคือ ต้นทุนทางการเงิน(ดอกเบี้ยจ่าย) สามารถนำมาเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อลดภาษีได้ครับ บริษัทได้ประโยชน์มากขึ้น ส่วนค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมาของหุ้นคือเงินปันผล ไม่สามารถนำมาลดภาษีได้ครับ ดังนั้นบริษัทก็ Happy ผู้ถือหุ้นก็ Happy ครับ
4. BGH ได้เงินมาล่วงหน้าก่อน ไม่เกิด dilution effect ในทันที การ dilution จะสอดคล้องกับกำไรที่เพิ่มขึ้น ทำให้อาจจะไม่เห็นผลของการ dilution เลยก็เป็นไปได้ครับ โดยต้นทุนทางการเงินในครั้งนี้ก็ต่ำด้วย แต่คนถือหุ้นกู้แปลงสภาพก็ happy เพราะได้ดอกเบี้ยแม้จะน้อย แต่ถ้าบริษัท perform ดีก็สามารถที่จะแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญและร่วมแบ่งกำไรของบริษัทได้เหมือนกับผู้ถือหุ้นทั่วไป
5. ดีกว่าเอาหุ้นไป PP ให้กับกิจการที่ซื้อมา เพราะหากเวลาไป takeover โรงพยาบาลแล้วมีการแลกหุ้นกันเกิดขึ้น ไม่รู้ว่าผู้ถือหุ้นโรงพยาบาลเดิมได้หุ้นไปแล้วจะทำอย่างไร เอามาสาดบนกระดาน ราคาก็เสียอีก หรือถ้าหุ้นตกแบบปีที่แล้ว ผู้ถือหุ้นที่ได้หุ้นไปก็วิตกจริตอีกว่าตัวเองขาดทุน ทั้งๆที่เป็นแค่การเคลื่อนไหวของราคา แต่ก็ยังไม่เคยชินที่มีการเคลื่อนไหวทุกวัน ขาย 500 ล้านบาท วันนี้เหลือแค่ 400 ล้านบาทเพราะตลาดตกอะไรอย่างนี้เป็นต้น ดังนั้นตัดปัญหาเรื่องสาดหุ้นน่าจะได้ คนที่แปลงหุ้นกู้แปลงสภาพส่วนใหญ่ผมเดาว่าต้องการจะถือหุ้น ไม่งั้นไม่น่าจะยอมซื้อหุ้นกู้เพื่อถือรอการแปลงสภาพหรอกครับ
ปล. ผมโครตชอบดีลนี้เลยครับ บอกตรงๆว่าเป็นดีลที่ฉลาดมากๆ
ได้ทั้งประสิทธิภาพและประสิทธิผล ส่วนใครจะ take action ยังไงก็ตามใจเลย
ปล2. ดีลนี้จะคล้ายๆกับของ CPF ที่ออก Exchangeable bond เลยนะครับ เพียงแต่ของ CPF นั้นเอาหุ้น CPALL ไปแลก แต่ของ BGH ใช้หุ้นตัวเองเลยเป็น Convertible Bond
นาย มั่วหุ้น ณ ยอดดอย เขียนเสร็จ 2.00 น. published : 8.00 น.
อ้างอิงจาก
https://www.facebook.com/guessingstock/posts/681727998529343?fref=nf