เกริ่นก่อนว่าก่อนหน้านี้ได้มีโอกาสไปเที่ยวเกาหลี เห็นสาวๆที่นั่นหน้าขาวแบบเงาวาวๆ เทรนการแต่งหน้าเราเลยเปลี่ยนไปจากที่นิยมแป้งเนื้อแมทเริ่มหันมามองแป้งแบบ Cushion แป้ง BB Cushion จะเป็นเนื้อน้ำ BB บรรจุอยู่ในรูปแบบฟองน้ำที่อมน้ำไว้จนฉุ่ม เวลาใช้ก็แค่เอาพัฟกดลงไปในฟองน้ำ BB จะติดขึ้นมาเราก็กดๆลงไปกับผิวหน้า *(ขอย้ำว่ากดๆ ตบๆ นะคะ ห้ามถูโดยเด็ดขาดเคยลองแล้ว งานคราบมาเต็ม เกลี่ยกันไม่ไหวเลยทีเดียว) ก็ตบๆไปจนทั่วหน้า แค่นี้ก็งามเด้งแล้วค่ะ ที่เกาหลีไม่ว่าจะเป็นครีมหรือรองพื้นพนักงานขายทดลองทาให้เราเสร็จก็จะตบหน้าเราทุกคนค่ะ
หลังจากทา BB Cushion ครั้งแรกเกิดอาการนอย เพราะปรกติเราทาแป้งเนื้อแมท แต่คราวนี้หน้าเรามันเงาเหมือนคนไม่ได้ทาแป้งเลยแอบกังวลนิดหน่อยเพราะที่เกาหลีเน้นว่าตบแป้ง BB Cushion แล้วไม่จำเป็นต้องทาแป้งทับ แต่พอออกไปข้างนอกเพื่อนๆทักว่าไม่แต่งหน้าแบบนี้ดูเด็กขึ้นตั้งเยอะ ปลื้มเลย (แต่งตั้งนาน!)
และเมื่อวันก่อนมีโอกาสได้ลอง Laneige BB Cushion SPF 50 PA+++ (ตอนเกาหลีเราใช้ของ Hera) ตัวนี้ทาง Laneige ส่งรุ่นตลับขาวมาให้ เราก็เลยหาข้อมูลเพิ่มและตรงไปที่ shop ปรากฎว่าจริงๆตัวนี้ทำออกมา 2 รุ่น คือรุ่นที่ทาง Laneige ส่งมาให้เรา ตลับสีขาวสำหรับคนผิวธรรมดาถึงผิวแห้ง และตลับสีฟ้าเป็นสูตร Laneige BB Cushion Pore Control SPF 50 PA+++ เหมาะกับผิว จขกท. คือมันและรูขุมขนกว้าง สำหรับเราใช้เป็นเบอร์ 21 (สีนี้มันเกิดมาเพื่อฉัน) คือคนที่เคยขาวแต่ผ่านการตากแดดมานาน 30 กว่าปี จนกลายเป็นคนผิวสองสี ขอข้ามมาที่เรื่องสีนิดนึงนะคะ เราว่า BB Cushion ที่ออกมาตอนนี้เกือบทุกยี่ห้อไม่ว่าจะเป็น Laneige Hera IOPE หรือ Sulwhasoo สีจะยังไม่เหมาะกับคนที่ผิวคล้ำมากๆ (แต่อนาคตอาจจะทำออกมาเพื่อตีตลาดมากขึ้น) มาว่ากันต่อนะคะ
มาดูของกันนะคะ พอเปิดกล่องออกมาจะเจอตลับจริงวางคู่กับรีฟิลให้ 1 ชิ้น พอเปิดตลับออกมาจะเจอพัฟ (ตัวพัฟนี้ด้านฟองน้ำจะเป็นสีน้ำเงิน (เท่าที่เจอเป็นสีน้ำเงินเกือบทุกยี่ห้อ) พัฟรุ่นนี้ดีมากเลย ชอบมาก) คือฟองน้ำมันจะไม่อมเนื้อ BB กดมาได้เท่าไหร่ก็ใช้งานจริงเท่านั้น พอตบๆหน้าแล้วจะติดผิวเลย พอเปิดฝาที่วางพัฟขึ้นจะเจอกระดาษซีลปิดไว้ เพื่อบอกว่าของใหม่นะจ๊ะ เราก็ดึงกระดาษมันออกมาเลย แท่น แทน แท๊น.........เจอละคะ ฟองน้ำเก็บ BB ลองดมซะหน่อย กลิ่นหอมอ่อนๆใช้ได้ พอทดลองแตะเนื้อน้ำเงาวาวดีค่ะ แต่สูตรตลับฟ้า Pore Control ความเงาจะสู้สูตรธรรมดาไม่ได้นะคะ จะดูแมทกว่านิดหน่อย พอลองทากับหน้าเรียบเนียนดีค่ะ ให้ลุคตามคำโปรย คือเงาฉ่ำ แลดูใสๆ ถ้าเทียบความฉ่ำกับแบรนด์อื่น Laneige เนี่ยนฉ่ำดีค่ะ
หลังการทดลองใช้มาจนถึงเที่ยงวัน คนผิวมันแบบ จขกท. ก็ยังไม่ต้องเติมแป้งแต่อย่างใด แต่พอบ่ายคล้อยก่อนเลิกงาน (น่าจะสัก 3-4 โมงเย็น) แอบใช้กระดาษซับมันไป 1 แผ่น แต่เนื่องจากลุคนี้ดูหน้าฉ่ำวาวเวลามันนิดมันหน่อยดูไม่ค่อยออกหรอกค่ะ พอเอามือไปแตะๆเพิ่งถึงบางอ้อ อ้าวน้ำมันนี่หว่า แต่บอกก่อนว่า BB Cushion การปกกิดจะไม่มากเท่าไหร่ คนผิวดีนี่เหมาะควรค่ามาก แต่คนที่มีปัญหาผิวแนะนำว่าให้ใช้เบสปรับสภาพผิวก่อนแล้วค่อยลงตัวนี้ทับอีกทีจะดีกว่า ส่วนตัวเราลองมา 3 แบรนด์ การปกปิดพอๆกันค่ะ (มี Hera สูตร C จะปิดได้มากหน่อยแต่ความหนาก็มากกว่าเป็นเงาตามตัว ดูไม่ค่อยธรรมชาติ)
รูปด้านบนเป็น Laneige No.21 สีที่เหมาะกับ จขกท. มาก ทาแล้วเนียนเข้ามาก 1.จะเป็นผิวเรา 2.จะเป็นตอนเพิ่งลง BB 3.เมื่อเกลี่ยเรียบร้อย (สังเกตุว่าจะเนียนมาก แต่เงากว่าตำแหน่งที่ 1
คำโฆษณาของตัวนี้ 6 in 1 คือ 1.ผิวกระจ่างใสยิ่งขึ้น (อันนี้ผ่านค่ะ เป็นตามนั้น) 2. สดชื่นสบายผิวลดอุณภูมิผิวลง 4C (อันนี้ส่วนตัวยังไม่รู้สึกว่าเย็นลง แต่ตอนลง BB จะเย็นๆนิดหน่อย) 3. SPF50+PA+++ (อันนี้ไม่รู้จริงไหม แต่ก็ปลื้มอยู่เพราะแดดบ้านเรา สาวๆน่าจะเข้าใจ) 4. ปราศจากคราบเหงื่อ 12 ชม. (ส่วนตัวเราอยู่แต่ห้องแอร์ ให้ผลตามนั้น แต่ถ้าเดิน JJ 12 ชม.อันนี้ไม่แน่ใจค่ะ) 5. สีผิวดูสวยเนียนสม่ำเสมอ (อันนี้ตรงหน้าผาก จขกท. ให้ผลตามนั้นค่ะ แต่ตรงร่องรอยอารยธรรม อันนี้ให้ 7/10) 6. มอบความชุ่มชื่นยาวนานตลอดวัน (อันนี้จริงตามอ้าง เพราะชุ่มกว่านี้แมลงวันเกาะไม่อยู่แล้วค่ะ)
รูปด้านบนเป็นวันที่เราแต่งหน้าเบาๆ ไปก้มหน้าก้มตาทำงานนะคะ รูปแรกลงครีมบำรุงเสร็จกระโดดขึ้นรถเลย No make up รูปที่ 2 แค่ลง Laneige ระหว่างรถติด รูปที่ 3 ถึงลานจอดพอดี (ระหว่างทางมีเติม Lip Tint กับปัดมาสคาร่า และคิ้ว) รูปสุดท้ายกระแดะอยู่ที่โต๊ะทำงานแล้วค่ะ สังเกตุที่คางเรารอยสิวยังคงเห็นอยู่นะคะ แต่ที่หน้าผากผิวเราไม่มีปัญหาใดๆ ดูเรียบงามอยู่
มาดูในเรื่องของราคากัน ราคาเคาน์เตอร์อยู่ที่ 1,500 แพงนะ แต่!!! เดี๋ยวก่อน 1,500 บาท กับขนาด 15 กรัม แต่มีรีฟิลให้อีก 15 กรัม (แอบถามราคาว่าหมดซื้อเฉพาะตัวรีฟิลขาย 700 บาท) บางช่วงมีลด 15% คำนวณดูแล้วก็ไม่แพงนะคะ เคยซื้อ Hera ที่เกาหลีก็ราคาประมาณ 1,200-1,300 (แต่ศักดิ์ศรี Hera สูงกว่า) แต่คุณภาพเราว่าใช้แทนกันได้ ไม่น่าเกลียด จบละคะรีวิวแรกในชีวิตเราเลย ผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ ณ ที่นี้นะคะ
[CR] งานหน้าเงาแบบสาวเกาหลี กับ Laneige BB Cushion Pore Control SPF50+ PA+++
หลังจากทา BB Cushion ครั้งแรกเกิดอาการนอย เพราะปรกติเราทาแป้งเนื้อแมท แต่คราวนี้หน้าเรามันเงาเหมือนคนไม่ได้ทาแป้งเลยแอบกังวลนิดหน่อยเพราะที่เกาหลีเน้นว่าตบแป้ง BB Cushion แล้วไม่จำเป็นต้องทาแป้งทับ แต่พอออกไปข้างนอกเพื่อนๆทักว่าไม่แต่งหน้าแบบนี้ดูเด็กขึ้นตั้งเยอะ ปลื้มเลย (แต่งตั้งนาน!)
และเมื่อวันก่อนมีโอกาสได้ลอง Laneige BB Cushion SPF 50 PA+++ (ตอนเกาหลีเราใช้ของ Hera) ตัวนี้ทาง Laneige ส่งรุ่นตลับขาวมาให้ เราก็เลยหาข้อมูลเพิ่มและตรงไปที่ shop ปรากฎว่าจริงๆตัวนี้ทำออกมา 2 รุ่น คือรุ่นที่ทาง Laneige ส่งมาให้เรา ตลับสีขาวสำหรับคนผิวธรรมดาถึงผิวแห้ง และตลับสีฟ้าเป็นสูตร Laneige BB Cushion Pore Control SPF 50 PA+++ เหมาะกับผิว จขกท. คือมันและรูขุมขนกว้าง สำหรับเราใช้เป็นเบอร์ 21 (สีนี้มันเกิดมาเพื่อฉัน) คือคนที่เคยขาวแต่ผ่านการตากแดดมานาน 30 กว่าปี จนกลายเป็นคนผิวสองสี ขอข้ามมาที่เรื่องสีนิดนึงนะคะ เราว่า BB Cushion ที่ออกมาตอนนี้เกือบทุกยี่ห้อไม่ว่าจะเป็น Laneige Hera IOPE หรือ Sulwhasoo สีจะยังไม่เหมาะกับคนที่ผิวคล้ำมากๆ (แต่อนาคตอาจจะทำออกมาเพื่อตีตลาดมากขึ้น) มาว่ากันต่อนะคะ
มาดูของกันนะคะ พอเปิดกล่องออกมาจะเจอตลับจริงวางคู่กับรีฟิลให้ 1 ชิ้น พอเปิดตลับออกมาจะเจอพัฟ (ตัวพัฟนี้ด้านฟองน้ำจะเป็นสีน้ำเงิน (เท่าที่เจอเป็นสีน้ำเงินเกือบทุกยี่ห้อ) พัฟรุ่นนี้ดีมากเลย ชอบมาก) คือฟองน้ำมันจะไม่อมเนื้อ BB กดมาได้เท่าไหร่ก็ใช้งานจริงเท่านั้น พอตบๆหน้าแล้วจะติดผิวเลย พอเปิดฝาที่วางพัฟขึ้นจะเจอกระดาษซีลปิดไว้ เพื่อบอกว่าของใหม่นะจ๊ะ เราก็ดึงกระดาษมันออกมาเลย แท่น แทน แท๊น.........เจอละคะ ฟองน้ำเก็บ BB ลองดมซะหน่อย กลิ่นหอมอ่อนๆใช้ได้ พอทดลองแตะเนื้อน้ำเงาวาวดีค่ะ แต่สูตรตลับฟ้า Pore Control ความเงาจะสู้สูตรธรรมดาไม่ได้นะคะ จะดูแมทกว่านิดหน่อย พอลองทากับหน้าเรียบเนียนดีค่ะ ให้ลุคตามคำโปรย คือเงาฉ่ำ แลดูใสๆ ถ้าเทียบความฉ่ำกับแบรนด์อื่น Laneige เนี่ยนฉ่ำดีค่ะ
หลังการทดลองใช้มาจนถึงเที่ยงวัน คนผิวมันแบบ จขกท. ก็ยังไม่ต้องเติมแป้งแต่อย่างใด แต่พอบ่ายคล้อยก่อนเลิกงาน (น่าจะสัก 3-4 โมงเย็น) แอบใช้กระดาษซับมันไป 1 แผ่น แต่เนื่องจากลุคนี้ดูหน้าฉ่ำวาวเวลามันนิดมันหน่อยดูไม่ค่อยออกหรอกค่ะ พอเอามือไปแตะๆเพิ่งถึงบางอ้อ อ้าวน้ำมันนี่หว่า แต่บอกก่อนว่า BB Cushion การปกกิดจะไม่มากเท่าไหร่ คนผิวดีนี่เหมาะควรค่ามาก แต่คนที่มีปัญหาผิวแนะนำว่าให้ใช้เบสปรับสภาพผิวก่อนแล้วค่อยลงตัวนี้ทับอีกทีจะดีกว่า ส่วนตัวเราลองมา 3 แบรนด์ การปกปิดพอๆกันค่ะ (มี Hera สูตร C จะปิดได้มากหน่อยแต่ความหนาก็มากกว่าเป็นเงาตามตัว ดูไม่ค่อยธรรมชาติ)
รูปด้านบนเป็น Laneige No.21 สีที่เหมาะกับ จขกท. มาก ทาแล้วเนียนเข้ามาก 1.จะเป็นผิวเรา 2.จะเป็นตอนเพิ่งลง BB 3.เมื่อเกลี่ยเรียบร้อย (สังเกตุว่าจะเนียนมาก แต่เงากว่าตำแหน่งที่ 1
คำโฆษณาของตัวนี้ 6 in 1 คือ 1.ผิวกระจ่างใสยิ่งขึ้น (อันนี้ผ่านค่ะ เป็นตามนั้น) 2. สดชื่นสบายผิวลดอุณภูมิผิวลง 4C (อันนี้ส่วนตัวยังไม่รู้สึกว่าเย็นลง แต่ตอนลง BB จะเย็นๆนิดหน่อย) 3. SPF50+PA+++ (อันนี้ไม่รู้จริงไหม แต่ก็ปลื้มอยู่เพราะแดดบ้านเรา สาวๆน่าจะเข้าใจ) 4. ปราศจากคราบเหงื่อ 12 ชม. (ส่วนตัวเราอยู่แต่ห้องแอร์ ให้ผลตามนั้น แต่ถ้าเดิน JJ 12 ชม.อันนี้ไม่แน่ใจค่ะ) 5. สีผิวดูสวยเนียนสม่ำเสมอ (อันนี้ตรงหน้าผาก จขกท. ให้ผลตามนั้นค่ะ แต่ตรงร่องรอยอารยธรรม อันนี้ให้ 7/10) 6. มอบความชุ่มชื่นยาวนานตลอดวัน (อันนี้จริงตามอ้าง เพราะชุ่มกว่านี้แมลงวันเกาะไม่อยู่แล้วค่ะ)
รูปด้านบนเป็นวันที่เราแต่งหน้าเบาๆ ไปก้มหน้าก้มตาทำงานนะคะ รูปแรกลงครีมบำรุงเสร็จกระโดดขึ้นรถเลย No make up รูปที่ 2 แค่ลง Laneige ระหว่างรถติด รูปที่ 3 ถึงลานจอดพอดี (ระหว่างทางมีเติม Lip Tint กับปัดมาสคาร่า และคิ้ว) รูปสุดท้ายกระแดะอยู่ที่โต๊ะทำงานแล้วค่ะ สังเกตุที่คางเรารอยสิวยังคงเห็นอยู่นะคะ แต่ที่หน้าผากผิวเราไม่มีปัญหาใดๆ ดูเรียบงามอยู่
มาดูในเรื่องของราคากัน ราคาเคาน์เตอร์อยู่ที่ 1,500 แพงนะ แต่!!! เดี๋ยวก่อน 1,500 บาท กับขนาด 15 กรัม แต่มีรีฟิลให้อีก 15 กรัม (แอบถามราคาว่าหมดซื้อเฉพาะตัวรีฟิลขาย 700 บาท) บางช่วงมีลด 15% คำนวณดูแล้วก็ไม่แพงนะคะ เคยซื้อ Hera ที่เกาหลีก็ราคาประมาณ 1,200-1,300 (แต่ศักดิ์ศรี Hera สูงกว่า) แต่คุณภาพเราว่าใช้แทนกันได้ ไม่น่าเกลียด จบละคะรีวิวแรกในชีวิตเราเลย ผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ ณ ที่นี้นะคะ