วิธีทำให้ "จิตว่าง" ในขณะที่ต้องใช้ชีวิตประจำวันไปด้วย ทำได้อย่างไรบ้าง

เขาว่า จิตว่าง ปัญญาเกิด

อยากจะปัญญาเกิดกับเขาบ้าง ไม่อยากฟุ้งซ่านเยอะ

มีวิธีไหนแนะนำบ้างคะ ที่ทำได้ประจำในขณะที่ใช้ชีวิตปกติทุกวันไปด้วย

นอกจากนั่งสมาธิ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
ก่อน. ทำจิตให้ว่างจากอวิชชา (คือจิตว่างแบบ จูฬสุญญตสูตร) นั้น (ท่าน จจกท คิดว่า. จิตว่างแบบนี้ มีได้ไหม?)
ก็ต้อง "มีการสดับ". ที่ถูกฝาถูกตัว. สอบทานได้ตามพระสูตรใดนั้น

๒ บรรทัดบน จะเนื่องกับ"ประเด็นที่ตั้งไว้"

หมายความว่า
เมื่อสดับ สัมมาทิฏฐิ ๒ ตามที่ตรัสแล้ว สรุปได้ว่า "เมื่อเห็นอยู่ เข้าใจอยู่ ซึ่งสัมมาทิฏฐิใดนั้น แม้ยังมี อวิชชา (ที่พระอนาคามี ท่านต้องถอน สังโยชน์คืออวิชชา ได้สมบูรณ์
จึงบรรลุ อรหัตตผล คือ. จิตว่างอย่างยิ่งจาก อวิชชา)

การดำรง อัตตภาพ ทางกาย (กายสังขาร) ทางวาจา (วจีสังขาร) ทางมน (มโนสังขาร)
ของอัตตภาพนั่น (ก่อนอนาคามี ที่ต้องผ่านสกิทาคามี ที่ต้องผ่านโสดาบัน ที่ต้องผ่าน ฆราวาส(ที่ไม่คิดคุกอภิธัมมัตถสังคหะ และคุกวิสุทธิมัคค์ เป็นต้น)
ย่อม เป็น ธรรมดา คือ

(๑)  มโน (อันเป็นอายตนะภายใน) ไม่ว่างจาก อุปกิเลสคือนิวรณ์ทั้ง ๕ (อุปกิเลสสูตร) ที่คือ ราคะ  โทสะ โมหะ(จูฬทุกขขันธสูตร ถ้าจำไม่ผิด)
เมื่อ ถึงกับ อายตนะคู่ของมัน [(ส่วนอายตนะคือ ตาหูฯ เนื่องกับ. ฯลฯ ยกไวั ตามที่ตรัสว่า อินทรีย์แล่นไปสู่(ปฏิสรณ) มน (ใจ)]

ปุถุมนะ  (ใจ ในคำไทย) จึงเป็นเช่นนี้คือ "จิตไม่ว่างจากอวิชชา ก่อนผัสสะ" ในชีวิตประจำวันฯ

ทำอย่างไร?
ที่คือแรกก้าวของก้าวแรกในการบรรลุ จิตว่างจากอวิชชา (คือ มโน ไม่ปวิจารในเวทนาทั้งปวงฯ) ในขั้นอรหัตตผล

(๑) แจ่มแจ้ง สัมมาทิฏฐิ ๒. ที่เนื่องกับ ปฏิจจสมุปบาท แบบ "จากพระโอษฐ์" ไม่ใข่แบบ วิสุทธิมัคค์ทและหรืออภิธัมมัตถสังคหะ (ปรมัตถ์)
(๒). มี หิริ. โอตตัปปะ ในสิ่งต่างๆ. ที่อกุศล (รวมถึง ทิฏฐิ ปรมัตถ์มีจริง อนัตตานะ)
ต่อตนเอง ต่อผู้อื่น ต่อทั้งตนเองด้วยผู้อื่นด้วย
(๓)  มี สุตตะ พระสูตรแปบไทย โดยเฉพาะสำนวนแปบท่านพุทธทาส โดยเฉพาะที่แปลไว้ว่า
" วิญญาณ อันตัณหา(เพราะยังมีจิตปักฝังลงไปในสิ่งใด คือ ยังไม่ใช่ สุวิมุตตจิต) ในอารมณ์(สิ่งหน่วงใน) คือรูป (ทางอายตนะคือตา) เสียง กลิ่น รส สิ่งสัมผัสกาย (แล้ว แล่นไปสู่ มโน อันเป็นอายตนะภายใน) อาศัยแล้ว วิญญาณ (แบบนี้)  คือ อุปาทาน" (กำหนด ตัวทุกข์อริยสัจ อุปาทานขันธ์เป็นตัวทุกข์อริยสัจ ที่ คือ ดวงตาเห็นธรรม ที่พระโสดาบันสาวกท่านแจ่มแจ้งฯ

สรุป
จิตว่างจาก. วิณณาณอันตัณหาในอารมณ์คือรูป เสียง กลิ่น รส สิ่งสัมผัสกาย
ด้วย "สติที่ประกอบพรัอมด้วย สัมมามิฏฐิ+ สัญญาปริยัติ (แบบที่เสนอ) +. หิริ โอตตัปปะ ในอกุศล ในโทษเล็กน้อย + สติในสมาธิ ที่มีและภาวนาให้มีคุณภาพสูงขึ้น (ตามที่ตรัสคือ อานาปานสติ๑๖ ที่คือ กายคตาสติ อันเป็นอุปกรณ์ของอินทรีย์สังงรณ์

จิตจะค่อยๆ ว่างจาก วิญญาณนั่นคือ อุปาทาน (จิตจะว่างจากอวิชชาในที่สุด)

^^^^
จิตว่าง แบบเซนเถรวาทปฐมสังคายยานิยม
^^^^
จิตว่าง ตามจูฬสุญญตสูตร คือ จิตที่ว่างจากอารมณ์คือ รูปเสียงกลิ่นรสสิ่งสัมผัสกาย และธัมมารมณ์
คือจิตว่างจาก เจตสิกคือ สัญญา นานา อันเป็นอนุสัย (ปปัญจสัญญาฯ)

เมื่อบรรลุอรหันต์ นิพพานธาตุ ๒
สุวิมุตตจิตที่เนื่องกับอรหัตตผล จะ คือ
บรรลุใหม่ๆ จิตว่างจาก อทุกขมสุขเวทนา ไม่ว่างจากสุขเวทนา ทุกขเวทนา (สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ)
ถัดต่อจากทิฏฐธรรม (สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ) คือถัดต่อมา (อุปปัชชะ) คือเวทนาทั่งปวงอันเธอ
(สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ) ไม่เพลิดเพลิน(ด้วย  วิชชา) เฉพาะแล้ว ย่อมดับเย็น (อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ)  ในโลกนี้เอง
(คือไม่มีจุตูปปาตะ ก็ว่างอย่างยิ่ง คือ ไม่มีอะไรในโลกนี้ โลกอื่น ระหว่างแห่งโลกทั้งสอง (ไม่มีอายตนนิพพาน ไม่มีต้นธาตุ ฯ)

^^^^
จิตว่าง แม้นไม่ตรัสไว้ฯ
ตรัสสุวิมุตตจิตไว้ นั่นแหละคือ จิตว่างจาก อนุเสติใตสิ่งใด

ท่าน จขกท อ่านเล่นๆ
จบมุมมอง จิตว่าง = จิตว่างจากอาการปักฝังลงไป(อนุเสติ) ในสิ่งใดๆ (รวมทั้งมรรค ผลใดนั้น โดยความมี ความมีความเป็น เราฯ)
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ศาสนาพุทธ ปฏิบัติธรรม ศาสนา
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่