ยอมรับว่าเกิดไม่ทัน เกรซ เคลลี่ ช่วงที่ดังจริงๆครับ ทั้งที่เธอเป็นรุ่นน้อง มาริลีน มอนโร เพียงไม่กี่ปี ส่วนใหญ่ผู้คนจะรู้จักเธอในฐานะ เจ้าหญิงเกรซ แห่งโมนาโก ประเทศที่เล็กที่สุดในโลกรองจาก นครวาติกัน แต่ผลงานที่ เกรซ เคลลี่ ฝากไว้ก่อนเสกสมรสกับเจ้าชายเรนิเยที่3แห่งโมนาโก อย่าง High Noon , The Country Girl , Mogambo และ Rear Window ก็พอจะสร้างชื่อเสียให้เธอโด่งดังจนกลายเป็นหนึ่งในเจ้าหญิงแห่งวงการฮอลลีวู้ด
Grace of monaco เล่าถึง เกรซ เคลลี่ นักแสดงสาวชื่อดังของฮลลลีวู้ดในวันที่เดินทางมาเสกสมรสกับเจ้าชายเรนิเยที่3 แห่งโมนาโก ในปี คศ.1956 เป็นงานแต่งงานแห่งปีที่สวยงามราวกับเทพนิยาย ทว่า หกปีต่อมาหลังจากคลอดธิดาและโอรส ชีวิตอของ เจ้าหญิงเกรซ ก็โดยมรสุมอย่างหนักจนทำให้เธอเริ่มไม่มีความสุข
ขณะเดียวกัน อัลเฟรด ฮิตช์ค็อก ผู้กำกับคู่บุญได้เดินทางไd]มาเสนอบทอันยอดเยี่ยมเพื่อให้เธอกลับสู่วงการภาพยนตร์อีกครั้ง ในภาวะที่เจ้าหญิงกำลังระหองระแหงกับเจ้าชาย รวมถึงพบว่ามีสายลับแฝงตัวเข้ามาในวัง และความขัดแย้งระหว่างโมนาโกกับฝรั่งเศสมาถึงจุดแตกหัก เธอจะทำอย่างไรกับชีวิตเจ้าหญิงที่ไม่ได้สวยหรูเหมือนในนิยาย
บทหนังมีช่องโหว่พอสมควร แม้จะวางโครงเรื่องมาดี โดยเน้นหนังไปที่เบื้องหลังการเป็นเจ้าหญิงซึ่งหลายคนอาจไม่รู้ว่ามันไม่ได้ง่ายเลย แบ่งเนื้อหาหลักเป็น2ส่วนคือเรื่องความรัก สื่ออกมาในฐานะผู้หญิง ได้ดีกว่า ภรรยา เรื่องการเมืองเข้มข้นมากกว่าที่คิด มีเรื่องหนักๆอย่างประวัติศาสตร์ราชวงศ์โมนาโก การเมืองในยุโรป กฏหมายระหว่างประเทศ การเสียดสีชาติมหาอำนาจ หากใครที่ไม่ได้มีความรู้มาบ้างหรือไม่ชอบเรื่องพวกนี้คงไม่รู้สึกอิน (อาทิ ตำแหน่ง สูงสุดของประเทศโมนาโก คือ เจ้าชาย กับ เจ้าหญิง ไม่มี พระราชา หรือ พระราชินี เหมือนราชวงศ์อื่น)
ข้อเสียของหนังคือการเล่าเรื่องที่สะเปะสะปะไปไม่สุดทั้งรักและดราม่า ทำให้ดูไม่สนุก แม้จะอ้างอิงเนื้อหาจากเหตุการณ์จริงแต่ก็มีหลายฉากที่จงใจสร้างวีรกรรมให้เจ้าหญิงจนดูโอเวอร์เกินไป มุมกล้องบางครั้งโคลสอัพใบหน้าตัวละครใกล้จนดูแปลก แถมยังแช่ไว้นานด้วย กระนั้น หากเทียบกับหนังชีวประวัติแนวเดียวกันอย่าง My Week with Marilyn หรือ Diana หนังเรื่องนี้ดูดีกว่าทั้งประเด็นหลักที่ต้องการจะสื่อซึ่งจับต้องได้ การถ่ายภาพที่ละเมียดละไม สวยงาม(บางคนบอกอย่างกับโฆษณาแบรนด์เนม) ใส่ใจกับรายละเอียด ฉากหลัง เครื่องแต่งกาย และของใช้ต่างๆ ที่ทำให้คนดูเชื่อว่าเป็นยุคปี60จริงๆ
การแสดง นิโคล คิดแมน ในบท เจ้าหญิงเกรซ คือทุกสิ่งทุกอย่างของหนังเรื่องนี้ สวยงามทุกครั้งที่ปรากฏกาย เสื้อผ้าหน้าผมจัดเต็มชนิดได้ใจคนชอบแฟชั่นวินเทจ ถามว่าเธอแสดงดีไหม ก็ดีในระดับหนึ่ง แต่ไม่ถึงขั้นยอดเยี่ยม ซีนกล่าวสุนทรพจน์ในงานกาชาดดูไม่ทรงพลังพอจะสะเทอนใจผู้ชม ส่วนตัวคิดว่า ทิม ร็อธ ที่เล่นเป็น เจ้าชายเรนิเย เกือบจะทำได้ดีกว่าด้วยซํ้า โดยเฉพาะซีนอารมณ์ อีกคนที่โดดเด่นได้แก่ แฟรงค์ แลงเกลล่า ที่แสดงเป็น หลวงพ่อทัคเกอร์ ที่ปรึกษาคนสนิท ของ เกรซ ซึ่งตัวผุ้กำกับค่อนข้างให้ความสำคัญกับเขา
หนังเรื่องนี้ต้องการสะท้อนให้เห็นว่าการได้เป็นเจ้าหญิงซึ่งเป็นความฝันของหญิงสาวเกือบทั่วโลกนั้น แท้จริงแล้วชีวิตในวังกับเจ้าชายก็ไม่ได้สวยงามเลิศหรู เหมือนในนิยายหรือความฝัน โลกของเจ้าหญิงฮอลลีวู้ด กับ เจ้าหญิงของประเทศ ช่างต่างกันโดยสิ้นเชิง เช่นเดียวกับ เจ้าหญิงในโลกนิยาย กับ เจ้าหญิงในโลกแห่งความจริง
คะแนน 6.5/10
โดย นกไซเบอร์
ที่มาจาก
http://movie.bugaboo.tv/watch/127030/?link=4
รีวิวหนัง : Grace of monaco เจ้าหญิงสองโลก
ยอมรับว่าเกิดไม่ทัน เกรซ เคลลี่ ช่วงที่ดังจริงๆครับ ทั้งที่เธอเป็นรุ่นน้อง มาริลีน มอนโร เพียงไม่กี่ปี ส่วนใหญ่ผู้คนจะรู้จักเธอในฐานะ เจ้าหญิงเกรซ แห่งโมนาโก ประเทศที่เล็กที่สุดในโลกรองจาก นครวาติกัน แต่ผลงานที่ เกรซ เคลลี่ ฝากไว้ก่อนเสกสมรสกับเจ้าชายเรนิเยที่3แห่งโมนาโก อย่าง High Noon , The Country Girl , Mogambo และ Rear Window ก็พอจะสร้างชื่อเสียให้เธอโด่งดังจนกลายเป็นหนึ่งในเจ้าหญิงแห่งวงการฮอลลีวู้ด
Grace of monaco เล่าถึง เกรซ เคลลี่ นักแสดงสาวชื่อดังของฮลลลีวู้ดในวันที่เดินทางมาเสกสมรสกับเจ้าชายเรนิเยที่3 แห่งโมนาโก ในปี คศ.1956 เป็นงานแต่งงานแห่งปีที่สวยงามราวกับเทพนิยาย ทว่า หกปีต่อมาหลังจากคลอดธิดาและโอรส ชีวิตอของ เจ้าหญิงเกรซ ก็โดยมรสุมอย่างหนักจนทำให้เธอเริ่มไม่มีความสุข
ขณะเดียวกัน อัลเฟรด ฮิตช์ค็อก ผู้กำกับคู่บุญได้เดินทางไd]มาเสนอบทอันยอดเยี่ยมเพื่อให้เธอกลับสู่วงการภาพยนตร์อีกครั้ง ในภาวะที่เจ้าหญิงกำลังระหองระแหงกับเจ้าชาย รวมถึงพบว่ามีสายลับแฝงตัวเข้ามาในวัง และความขัดแย้งระหว่างโมนาโกกับฝรั่งเศสมาถึงจุดแตกหัก เธอจะทำอย่างไรกับชีวิตเจ้าหญิงที่ไม่ได้สวยหรูเหมือนในนิยาย
บทหนังมีช่องโหว่พอสมควร แม้จะวางโครงเรื่องมาดี โดยเน้นหนังไปที่เบื้องหลังการเป็นเจ้าหญิงซึ่งหลายคนอาจไม่รู้ว่ามันไม่ได้ง่ายเลย แบ่งเนื้อหาหลักเป็น2ส่วนคือเรื่องความรัก สื่ออกมาในฐานะผู้หญิง ได้ดีกว่า ภรรยา เรื่องการเมืองเข้มข้นมากกว่าที่คิด มีเรื่องหนักๆอย่างประวัติศาสตร์ราชวงศ์โมนาโก การเมืองในยุโรป กฏหมายระหว่างประเทศ การเสียดสีชาติมหาอำนาจ หากใครที่ไม่ได้มีความรู้มาบ้างหรือไม่ชอบเรื่องพวกนี้คงไม่รู้สึกอิน (อาทิ ตำแหน่ง สูงสุดของประเทศโมนาโก คือ เจ้าชาย กับ เจ้าหญิง ไม่มี พระราชา หรือ พระราชินี เหมือนราชวงศ์อื่น)
ข้อเสียของหนังคือการเล่าเรื่องที่สะเปะสะปะไปไม่สุดทั้งรักและดราม่า ทำให้ดูไม่สนุก แม้จะอ้างอิงเนื้อหาจากเหตุการณ์จริงแต่ก็มีหลายฉากที่จงใจสร้างวีรกรรมให้เจ้าหญิงจนดูโอเวอร์เกินไป มุมกล้องบางครั้งโคลสอัพใบหน้าตัวละครใกล้จนดูแปลก แถมยังแช่ไว้นานด้วย กระนั้น หากเทียบกับหนังชีวประวัติแนวเดียวกันอย่าง My Week with Marilyn หรือ Diana หนังเรื่องนี้ดูดีกว่าทั้งประเด็นหลักที่ต้องการจะสื่อซึ่งจับต้องได้ การถ่ายภาพที่ละเมียดละไม สวยงาม(บางคนบอกอย่างกับโฆษณาแบรนด์เนม) ใส่ใจกับรายละเอียด ฉากหลัง เครื่องแต่งกาย และของใช้ต่างๆ ที่ทำให้คนดูเชื่อว่าเป็นยุคปี60จริงๆ
การแสดง นิโคล คิดแมน ในบท เจ้าหญิงเกรซ คือทุกสิ่งทุกอย่างของหนังเรื่องนี้ สวยงามทุกครั้งที่ปรากฏกาย เสื้อผ้าหน้าผมจัดเต็มชนิดได้ใจคนชอบแฟชั่นวินเทจ ถามว่าเธอแสดงดีไหม ก็ดีในระดับหนึ่ง แต่ไม่ถึงขั้นยอดเยี่ยม ซีนกล่าวสุนทรพจน์ในงานกาชาดดูไม่ทรงพลังพอจะสะเทอนใจผู้ชม ส่วนตัวคิดว่า ทิม ร็อธ ที่เล่นเป็น เจ้าชายเรนิเย เกือบจะทำได้ดีกว่าด้วยซํ้า โดยเฉพาะซีนอารมณ์ อีกคนที่โดดเด่นได้แก่ แฟรงค์ แลงเกลล่า ที่แสดงเป็น หลวงพ่อทัคเกอร์ ที่ปรึกษาคนสนิท ของ เกรซ ซึ่งตัวผุ้กำกับค่อนข้างให้ความสำคัญกับเขา
หนังเรื่องนี้ต้องการสะท้อนให้เห็นว่าการได้เป็นเจ้าหญิงซึ่งเป็นความฝันของหญิงสาวเกือบทั่วโลกนั้น แท้จริงแล้วชีวิตในวังกับเจ้าชายก็ไม่ได้สวยงามเลิศหรู เหมือนในนิยายหรือความฝัน โลกของเจ้าหญิงฮอลลีวู้ด กับ เจ้าหญิงของประเทศ ช่างต่างกันโดยสิ้นเชิง เช่นเดียวกับ เจ้าหญิงในโลกนิยาย กับ เจ้าหญิงในโลกแห่งความจริง
คะแนน 6.5/10
โดย นกไซเบอร์
ที่มาจาก http://movie.bugaboo.tv/watch/127030/?link=4