อีกสักมู้ก่อนไปดูบอลล่ะกันน่อ...
วันนี้มีบทความมาฝากวัยรุ่น.. เรื่อง " การปล้นธนาคาร "
1. โจรปล้นธนาคาร ตะโกนคำแรกเมื่อชักปืนออกมาว่า…
“ทุกคนอย่าขยับ เงินนี่เป็นเงินของรัฐ แต่ชีวิตเป็นของคุณ”
ทุกคนนอนอย่างสงบบนพื้น ไม่มีใครเสี่ยงชีวิตของตัวเอง เพื่อปกป้องเงินของคนอื่น
เราเรียกสิ่งนี้ว่า
“เทคนิคการเปลี่ยนแนวคิด” บิดเบือนนิดเดียว ความคิดก็ปรับเปลี่ยนได้
2. ผู้หญิงคนหนึ่ง นอนอยู่บนพื้นและกำลังจะร้องกรี๊ด โจรจึงตะโกนใส่ผู้หญิงว่า
“เรามีความเป็นคนพอ ผมมาปล้นแบ๊งค์ ไม่ได้จะมาข่มขืนคุณ”
เราเรียกสิ่งนี้ว่า
“การเป็นมืออาชีพ” ตั้งมั่นในเป้าหมายไม่ว่อกแว่ก
3. เมื่อโจรกลับถึงห้องลับ โจรวัยรุ่นที่จบการศึกษาระดับปริญญาโท บอกกับรุ่นพี่โจรว่า
“เรามานับเงินกันดีกว่า ว่าได้มาเท่าไหร่” แต่รุ่นพี่โจรที่จบเพียงชั้นประถมกล่าวว่า
“แกนี่ไม่ฉลาดเลยนะ เงินตั้งเยอะ จะนับยังไง คืนนี้ทีวีจะบอกเองแหล่ะว่า เราได้มาเท่าไหร่” เราเรียกสิ่งนี้ว่า
“ประสบการณ์”
ซึ่งในปัจจุบันประสบการณ์มีค่ามากกว่าใบปริญญามากมายนัก
4. เมื่อโจรกลับไปแล้ว รองผู้จัดการกำลังจะโทรหาตำรวจ แต่ผู้จัดการธนาคารกลับพูดว่า
“เดี๋ยวๆๆ ใจเย็นๆ โจรเอาเงินไปเท่าไหร่ เรามานับกันก่อน แล้วบอกตำรวจว่าโจรมันเอาไปมากกว่านั้น”
เราเรียกสิ่งนี่ว่า
“กินตามน้ำ”
5. รองผู้จัดการเปรยว่า “นั่นสิ จริงๆแล้วถ้ามีโจรมาปล้นธนาคารทุกเดือนก็ดีสินะ”
เราเรียกสิ่งนี่ว่า
“การเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส”
6. วันถัดมา ทีวีทุกช่องออกข่าวกันว่า มีโจรปล้นธนาคารได้เงินไป 100 ล้านบาท แต่ว่าโจรที่ปล้นไป ไม่ว่าจะนับกี่รอบ ก็นับได้แค่ 20 ล้านบาทเท่านั้น โจรโกรธมากแล้วพูดว่า
“เราเสี่ยงตายและปล้นธนาคารออกมาได้แค่ 20 ล้านบาท แต่เจ้าผู้จัดการธนาคารแค่มันหัวไวนิดเดียว มันทำเงินได้ถึง 80 ล้านบาท การศึกษามีดีอย่างนี้นี่เอง”
เราเรียกสิ่งนี้ว่า
“ความรู้มีค่ามากกว่าทองคำ”
7. ผู้จัดการธนาคารยิ้มอย่างเริงร่า เพราะว่าอยู่ดีๆเขาก็มีเงินเพิ่มขึ้นถึง 80 ล้านบาท จากการที่มีโจรมาปล้นธนาคารเขา
เราเรียกสิ่งนี้ว่า
“โคตรโกง”
โจรเสื้อนอกร้ายกาจกว่าโจรปล้นแบงค์ยิ่งนัก
ได้ข้อคิดอะไรจากเรื่องนี้บ้าง???
ราตรีนี้ยังอีกยาวไกล
Credit : kwamru.com
ตามนั้นย์...ครับ
[>>การปล้นธนาคาร<<]
วันนี้มีบทความมาฝากวัยรุ่น.. เรื่อง " การปล้นธนาคาร "
1. โจรปล้นธนาคาร ตะโกนคำแรกเมื่อชักปืนออกมาว่า…
“ทุกคนอย่าขยับ เงินนี่เป็นเงินของรัฐ แต่ชีวิตเป็นของคุณ”
ทุกคนนอนอย่างสงบบนพื้น ไม่มีใครเสี่ยงชีวิตของตัวเอง เพื่อปกป้องเงินของคนอื่น
เราเรียกสิ่งนี้ว่า “เทคนิคการเปลี่ยนแนวคิด” บิดเบือนนิดเดียว ความคิดก็ปรับเปลี่ยนได้
2. ผู้หญิงคนหนึ่ง นอนอยู่บนพื้นและกำลังจะร้องกรี๊ด โจรจึงตะโกนใส่ผู้หญิงว่า
“เรามีความเป็นคนพอ ผมมาปล้นแบ๊งค์ ไม่ได้จะมาข่มขืนคุณ”
เราเรียกสิ่งนี้ว่า “การเป็นมืออาชีพ” ตั้งมั่นในเป้าหมายไม่ว่อกแว่ก
3. เมื่อโจรกลับถึงห้องลับ โจรวัยรุ่นที่จบการศึกษาระดับปริญญาโท บอกกับรุ่นพี่โจรว่า
“เรามานับเงินกันดีกว่า ว่าได้มาเท่าไหร่” แต่รุ่นพี่โจรที่จบเพียงชั้นประถมกล่าวว่า
“แกนี่ไม่ฉลาดเลยนะ เงินตั้งเยอะ จะนับยังไง คืนนี้ทีวีจะบอกเองแหล่ะว่า เราได้มาเท่าไหร่” เราเรียกสิ่งนี้ว่า “ประสบการณ์”
ซึ่งในปัจจุบันประสบการณ์มีค่ามากกว่าใบปริญญามากมายนัก
4. เมื่อโจรกลับไปแล้ว รองผู้จัดการกำลังจะโทรหาตำรวจ แต่ผู้จัดการธนาคารกลับพูดว่า
“เดี๋ยวๆๆ ใจเย็นๆ โจรเอาเงินไปเท่าไหร่ เรามานับกันก่อน แล้วบอกตำรวจว่าโจรมันเอาไปมากกว่านั้น”
เราเรียกสิ่งนี่ว่า “กินตามน้ำ”
5. รองผู้จัดการเปรยว่า “นั่นสิ จริงๆแล้วถ้ามีโจรมาปล้นธนาคารทุกเดือนก็ดีสินะ”
เราเรียกสิ่งนี่ว่า “การเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส”
6. วันถัดมา ทีวีทุกช่องออกข่าวกันว่า มีโจรปล้นธนาคารได้เงินไป 100 ล้านบาท แต่ว่าโจรที่ปล้นไป ไม่ว่าจะนับกี่รอบ ก็นับได้แค่ 20 ล้านบาทเท่านั้น โจรโกรธมากแล้วพูดว่า
“เราเสี่ยงตายและปล้นธนาคารออกมาได้แค่ 20 ล้านบาท แต่เจ้าผู้จัดการธนาคารแค่มันหัวไวนิดเดียว มันทำเงินได้ถึง 80 ล้านบาท การศึกษามีดีอย่างนี้นี่เอง”
เราเรียกสิ่งนี้ว่า “ความรู้มีค่ามากกว่าทองคำ”
7. ผู้จัดการธนาคารยิ้มอย่างเริงร่า เพราะว่าอยู่ดีๆเขาก็มีเงินเพิ่มขึ้นถึง 80 ล้านบาท จากการที่มีโจรมาปล้นธนาคารเขา
เราเรียกสิ่งนี้ว่า “โคตรโกง”
โจรเสื้อนอกร้ายกาจกว่าโจรปล้นแบงค์ยิ่งนัก
ได้ข้อคิดอะไรจากเรื่องนี้บ้าง???
ราตรีนี้ยังอีกยาวไกล
Credit : kwamru.com