วิศวกรเครื่องกล ทุบเกียร์เพื่อผันตัวไปเป็น วิศวกรเครื่องแกง :: OHAP โรงแรมโอเรียลเต็ล เบเกอรี่ที่รัก

สวัสดีค่ะชาวพันทิปที่กำลังอ่านอยู่ทุกท่าน
เนื่องจากกระทู้อาจจะยาวนิดหน่อย เลยขอเสิร์ฟ กาแฟและเค้ก ทานคู่ไปพลาง ฟังมหากาพย์ของดิฉันไปพลางนะคะ
เค้กกาแฟโดนัทกาแฟอมยิ้ม



...."วิศวะร่วมภูมิใจ ทุกคนมั่นในวิญญา"... เป็นเพลงที่ดิฉันยังจำได้ดี เมื่อไรที่ร้องออกมาก็มักจะนึกถึงภาพพี่สต๊าฟและห้องเชียร์สุดโหด
วันแรกๆของการเป็นนักศึกษาผู้หญิงในคณะซึ่งมีแต่ผู้ชาย นั่นก็คือ คณะ วิศวกรรมศาสตร์ สาขา เครื่องกล ในมหาวิทยาลัยรัฐ แห่งหนึ่ง
ผู้หญิงหลายคนอาจจะจินตนาการถึงสภาพแวดล้อมไปด้วย สุภาพบุรุษจุฑาเทพ ...หล่อ เรียนเก่ง มีวิสัยทัศน์ ดูมั่นคง
หรืออย่างที่ตัวดิฉันเองสมัยนั้นจินตนาการถึงพี่เคน ธีรเดช จากรถไฟฟ้ามาหานะเธอ ไม่รอช้าค่ะ...ตัวดิฉันในฐานะหญิงผู้กล้าแห่งยุค
ได้ขออาสาเข้าไปพิสูจน์ความจริงและนำออกมาเผยแผ่ให้ทุกคนรู้แล้วค่ะ คำตอบนั้นบอกได้คำเดียว ..."ทุกอย่างมันไม่จริงงง!!!!"



การที่หญิงสาวบริสุทธิ์ไร้เดียงสาอย่างดิฉัน ต้องไปเรียนท่ามกลางผู้ชายวิศวะ ก็ไม่ต่างอะไรกับการที่เอาดอกไม้งามไปไว้ในดงแมลงสาบ
กระนั้น มันมีความโหดมันส์ฮา ซ่อนอยู่ นะเออ....การอยู่ในสังคมผู้ชายเยอะทำให้ดิฉันได้เรียนรู้อะไรมากขึ้น และยังมีสิ่งหนึ่งที่ติดตัวมา
นั่นคือ "ความถึก" ไม่ว่าจะเป็นการอดหลับอดนอนทำโปรเจค ตัวหมักหมมไปด้วยกลิ่นยางและน้ำมันหล่อลื่น การเฝ้าท่อแล่บทั้งวันทั้งคืน
นี่ยังไม่รวมถึง คราวเคราะร้าย เมื่อสาวสวยอย่างดิฉันต้องทำงานเกี่ยวกับการหมักขี้ไก่ให้เป็น ไอโอดีเซล ...อืมมม เจริญอาหารดีนะ
ข้อดีคือทำให้เราเคยชินกับการทำงานหนักต่างๆนาๆที่ผู้ชายมันทำ เราก็ต้องทำ ไม่งั้นมันจะตราหน้าว่าเราเป็นผู้หญิงอ่อนแอได้ค่ะ


ทุกอย่างก็ดูจะเป็นไปได้ด้วยดี การเป็นเพศหญิงไม่ได้เป็นอุปสรรคใดใดในการเรียนวิศวกรรมเลย ดิฉันกลับบ้านไปก็ได้แต่
ทำหน้าเชิดใส่คุณพ่อคุณแม่ด้วยเกรดสวยๆ(Fบ้างประปราย รสชาติชีวิต) โดยเฉพาะคุณพ่อที่ท่านมักจะเป็นห่วงดิฉันเสมอมา
ตั้งแต่ที่ดิฉันเลือกเรียนวิศวกรรม ว่า "เป็นผู้หญิงจะเรียนไหวเหรอลูก" เวลาผ่านไป ดิฉันก็ได้พิสูจน์ในท่านเห็นแล้วค่ะว่า เรียนได้จ๊ะ!



เวลาผ่านไป จนกระทั่งจบปี 3 ... ช่วงเวลาแห่งการฝึกงานก็มาถึง ดิฉันโชคดีฟลุ๊คไปติดโรงงานแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงระดับโลก
ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำแคมเปญ เพื่อให้ดาว Star เพื่อวัดระดับมาตรฐานร้านอาหารทั่วโลกนั่นแล....
ก็ถือได้ว่า การฝึกงานในโรงงาน มันสนุกและได้รับประสบการณ์อะไรมากมาย นอกจากประสบการณ์ที่ได้นำความรู้มาใช้แก้ปัญหาจริงแล้ว
ยังได้อยู่ใน "สังคมการทำงาน"จริงๆ อีกด้วย และนี้เองที่เป็นจุดเปลี่ยนของดิฉัน เมื่อเราเริ่ม "วางแผนอนาคต" กับตัวเอง โดยทำ
Career Path หรือการจัดทำเส้นทางความก้าวหน้าในสายอาชีพ เรากลับพบว่า โอกาสเติบโตไปยังตำแหน่งสูงๆไม่มีผู้หญิงเลย


หากคุณกำลังคิดว่า "โอ้วววนี้วิศวกรเป็นผู้หญิงก็ได้นะ" มันก็จริงค่ะ คำถามคือ ในเมื่อเราทำได้ ทำไมถึงไม่ค่อยมีผู้หญิงล่ะ?
ในระหว่างฝึกงาน ดิฉันก็เริ่มออกค้นหาคำตอบ จากพี่ๆวิศวกรผู้หญิงในโรงงาน(ส่วนใหญ่มักอายุไม่เกิน35)
รวมถึงสัมภาษณ์พี่ๆเมียๆ เอ้ย ภรรยา! ของพี่ๆวิศวกรผู้ชายอีกด้วย ซึ่งทำให้ดิฉันเปิดหูเปิดตามากขึ้นว่า
จริงๆแล้วไม่ใช่เป็นเพราะ ผู้หญิงสวยๆอย่างเราทำงานหนักไม่ได้นะคะ ... แต่ด้วยหน้าที่และจิตวิญญานของความเป็นแม่
สุดท้ายพวกพี่เค้าก็เลย "อยากออกมาทำธุรกิจของตัวเอง" เพื่อต่อไปจะได้มีเวลาดูแลครอบครัวในอนาคตต่างหาก


แม้ว่าดิฉันจะไม่เคยเข้าใจในชีวิตคู่หรือการสร้างความมั่นคง หรือครอบครัว เพราะอายุยังน้อย ใสๆไฟแรง ไม่สนใจเรื่องแบบนั้นค่ะ
แต่ด้วยเหตุผลที่ได้ฟังมานั้นมันก็โดนใจดิฉัน ดิฉันก็เริ่มตั้งคำถามกับตัวเองบ้างว่า


"ถ้าเราเรียนจบแล้ว เรามาทำงานที่โรงงาน เราจะได้อะไรจากการทำงานในโรงงาน?" (ไม่นับเรื่องเงินนะจ๊ะ)
......ซึ่งคำถามนี้เป็นคำถามเดียวกันกับที่ อาจารย์วิศวะ ที่ปรึกษาของดิฉันถาม เมื่อดิฉันเรียนใกล้จบเลยค่ะ ตอนนั้นดิฉันก็ตอบไปว่า

"หนูก็อยากทำธุรกิจตัวเอง แต่ยังไม่รุ้ว่าจะทำได้มั้ย เพราะไม่มีประสบการณ์ ก็เลยลองไปทำงานดูก่อนจะได้เรียนรู้ได้ประสบการณ์"
อาจารย์มองหน้านิ่งๆแล้วเบะปาก พลางยิงต่อด้วยคำถามว่า
"ประสบการณ์อะไร เอาไปใช้ทำอะไร"
เอาล่ะสิ ...เริ่มจะแถไปไม่ถูกแล้วค่ะ
"ก็ประสบการณ์ทำงาน ...เอ่อ..." เมื่ออาจารย์เห็นดิฉันเริ่มไปไม่ถูก อาจารย์ก็เลยให้แง่คิดสรุปมาว่า


" คุณอยากได้อะไรจากการทำงาน คุณยังไม่รู้ตัวเองเลย แล้วคุณคิดว่าคุณทำงานไปเรื่อยๆคำตอบมันจะมาเองไหม?
มันจะช่วยให้คุณทำธุรกิจของตัวเองที่คุณอยากทำได้ไหม? ไม่ว่าการทำงานอะไรก็ได้ประสบการณ์จากการทำงานนั้น ทั้งนั้น
คำถามคือ คุณน่ะตอบตัวเองได้ยังว่า คุณอยากจะได้ประสบการณ์อะไร เพื่อไปทำอะไร ? "

แหม อาจารย์ ยิงรัวมาเป็นชุดยังนี้ บอกได้เลยว่า หงายเงิบ สิคะพี่น้อง รุ้สึกตัวเองโง่จริงๆ ...แล้วไม่รู้อะไรดลใจดิฉันให้ตอบอาจารย์กลับไปว่า...


"จริงๆแล้วหนูอยากทำร้านอาหารหรือร้านขนมค่ะ"

อาจารย์เลยทำหน้าแบบ เออออ นั่นไง พูดออกมาซะที !

"ถ้าคุณอยากทำ คุณมีฝันมีเป้าหมายแล้ว คุณก็ลองหาวิถีทางที่จะไปให้ถึงเป้าหมายของคุณ อาจจะลองไปทำงานหรือเปิดร้านดู
ผมก็ไม่รู้หรอกนะ ผมไม่เคยทำธุรกิจ แต่ผมเป็นครู และหน้าที่ผมไม่ใช่ ผลิตวิศวกรไปส่งโรงงาน หน้าที่ผมคือ ช่วยทำให้คุณเป็นสิ่งที่อยากเป็น
คุณอยากเป้นวิศวกร คุณมาเรียนที่นี่ ผมก็สอนคุณ แต่ถ้าตอนนี้คุณมีเป้าหมายอย่างอื่นชัดเจน ก็เดินหน้าเลย จะมาเสียเวลาตรงนี้ทำไม?"

ตอนนั้นรู้สึกเลยว่า เวลาเซอร์ไอแซคนิวตันมีแอปเปิ้ลตกใส่หัวมันเป็นยังไง มันรู้สึกแบบ "เออออออว่ะ!! แล้วตรูจะไปทำงานโรงงานทำไมฟะ?"


นับจากวินาทีนั้น ..... ดิฉันก็กลับมาที่หอพัก นำสร้อยเกียร์ของดิฉันไปโยนทิ้งลงสระน้ำข้างคณะ
จากนั้นก็กลับหอแล้วเริ่มออกค้นหาในกูเกิ้ลด้วยคำว่า....................


"โรงเรียนสอนทำอาหารและขนม" และนั้นเป็นที่มาของกระทู้นี้ค่ะ


(ภาพผู้เข้าแข่งขันที่ได้เหรียญต่างๆจากงาน Thailand Ultimate Chef Challenge 2014, จัดที่ IMPACT วันที่ 21-25 พฤษภาคม 2557)

ตอนนี้ดิฉันกำลังจะเริ่มเรียนหลักสูตร Bakery & Pastry ที่ OHAP ไว้โอกาสหน้าจะมาเล่าให้ฟังนะคะว่า OHAP นี้คืออะไร
และที่มาที่ไปที่ทำให้ดิฉันได้ไปเข้าเรียน รวมถึงการเตรียมตัวสอบเข้าด้วยค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านเรื่องราวของดิฉัน
ฝากไว้ถึงใครที่สนใจเบเกอรี่เหมือนดิฉัน หรือแม้แต่คนที่กำลังทำงานอยู่ ก็สามารถเข้ามาพูดคุยกันได้นะคะ ^^

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่