Major Cineplex Group (Thailand) ตอนนี้ได้เขียนกติการขี้นมาใหม่สำหรับบัตร M Gen แล้วครับ (มีผลทั้งลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่)
- ทุก 50 บาท ได้ 1 แต้ม (จากเดิม 20 บาท ได้ 1 แต้ม)
- บัตรหมดอายุทุก 1 ปี (จากเดิมไม่มีวันหมดอายุ)
- ค่าต่ออายุบัตร 50 บาท สมัครบัตรใหม่ 100 บาท
- ทุก 1 แต้มมีค่า 1 บาท สำหรับใช้ดูภาพยนตร์ (ไม่สามารถใช้ร่วมกับโปรโมชั่นหรือจ่ายผสมกับเงินสดได้)
- ทุก 50 แต้มมีค่า 50 บาท สำหรับใช้ซื้อขนมหรือเครื่องดื่ม (ใช้เป็นเศษแต้มไม่ได้ต้องใช้ทุก 50 แต้ม แต่ถ้าเงินขาดสามารถจ่ายผสมกับเงินสดได้)
สิ่งที่ได้จากบัตรก็จะเป็นแค่การชมภาพยนต์ราคาที่ถูกลง (ซึ่งจริง ๆ ไม่ได้ถูกลงหรอก เรียกว่าราคาปกติที่ควรจะเป็นดีกว่า) แล้วก็จะเป็นการสะสมแต้มอย่างที่กล่าวในขั้นต้น
แต่แต้มที่ได้มาก็หาใช่จะอยู่คงทนไม่ แต้มมีอายุ 1 ปีแถมระบบการตัดแต้มไม่ได้เป็นแบบตัดแต้มเก่าก่อนด้วย หมายความว่าถ้าคุณมี 500 แต้มจะหมดอายุในเดือนหน้านี้ 200 แต้ม คุณรีบเอา 200 แต้มไปแลกตั๋วหนังจนคุณเหลือ 300 แต้ม
ดูเหมือนจะจบ แต่เปล่าเลยระบบก็จะตัดแต้มคุณในเดือนหน้า 200 แต้มอยู่ดี ไม่ทราบเหมือนกันว่าตรงนี้ Major ใช้หลักอะไรในการตัดแต้ม (ไม่เชื่อลองไปเช็คที่ตู้หน้าโรงหนังได้)
เรียกได้ว่าแต้มที่คุณได้จากเขามาเท่าไหร่ยังไงเขาก็จะเอาคืน เว้นเสียว่าคุณใช้มันหมดจรดจริง ๆ ซึ่งเงื่อนไขการใช้งานขั้นต่ำคือ 50 แต้ม หรือก็คือคุณจ่ายเงินให้เมเจอร์ไปแล้ว 2,500 บาท ถึงจะมีสิทธิขั้นต่ำในการเริ่มใช้งาน เพื่อใช้จ่ายผสมเงินซื้ออาหารหรือเครื่องดื่มราคาแพงหน้าโรงหนัง
**และอีกเรื่องสำหรับเมเจอร์บังคับให้เราซื้อผ่านตู้ ในเมื่อมีพนักงานให้บริการ เวลาไปใช้งานเหมือนไปหน่วยราชการบางแห่งในไทย คือถ้าไม่มีธุระก็แทบไม่อยากไปเหยียบ และหลายต่อหลายครั้งที่ได้เข้าไปชมโรงภาพยนตร์ต้องบอกว่าภายในเหม็นอับมาก บางครั้งเวลาได้ชมภาพยนตร์ไปก็จะได้กลิ่นอับเหมือนได้ชมภาพยนตร์ใน 4D กันเลยทีเดียว บางโรงแอร์ก็ไม่เย็น ดูหนังไปเหงื่อแตกไป
ปล.จบการรีวิวขอสรุปว่าถ้าคิดว่าทั้งปีไม่มีทางจ่ายถึง 2,500 บาท ก็อย่าสมัครเลยครับแทบไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย
ที่มา iReview.in.th
สงสัยมานานแหละ ได้อ่านแบบนี้แล้วคิดยังไงกับเจ้าเมเจอร์ล่ะ
- ทุก 50 บาท ได้ 1 แต้ม (จากเดิม 20 บาท ได้ 1 แต้ม)
- บัตรหมดอายุทุก 1 ปี (จากเดิมไม่มีวันหมดอายุ)
- ค่าต่ออายุบัตร 50 บาท สมัครบัตรใหม่ 100 บาท
- ทุก 1 แต้มมีค่า 1 บาท สำหรับใช้ดูภาพยนตร์ (ไม่สามารถใช้ร่วมกับโปรโมชั่นหรือจ่ายผสมกับเงินสดได้)
- ทุก 50 แต้มมีค่า 50 บาท สำหรับใช้ซื้อขนมหรือเครื่องดื่ม (ใช้เป็นเศษแต้มไม่ได้ต้องใช้ทุก 50 แต้ม แต่ถ้าเงินขาดสามารถจ่ายผสมกับเงินสดได้)
สิ่งที่ได้จากบัตรก็จะเป็นแค่การชมภาพยนต์ราคาที่ถูกลง (ซึ่งจริง ๆ ไม่ได้ถูกลงหรอก เรียกว่าราคาปกติที่ควรจะเป็นดีกว่า) แล้วก็จะเป็นการสะสมแต้มอย่างที่กล่าวในขั้นต้น
แต่แต้มที่ได้มาก็หาใช่จะอยู่คงทนไม่ แต้มมีอายุ 1 ปีแถมระบบการตัดแต้มไม่ได้เป็นแบบตัดแต้มเก่าก่อนด้วย หมายความว่าถ้าคุณมี 500 แต้มจะหมดอายุในเดือนหน้านี้ 200 แต้ม คุณรีบเอา 200 แต้มไปแลกตั๋วหนังจนคุณเหลือ 300 แต้ม
ดูเหมือนจะจบ แต่เปล่าเลยระบบก็จะตัดแต้มคุณในเดือนหน้า 200 แต้มอยู่ดี ไม่ทราบเหมือนกันว่าตรงนี้ Major ใช้หลักอะไรในการตัดแต้ม (ไม่เชื่อลองไปเช็คที่ตู้หน้าโรงหนังได้)
เรียกได้ว่าแต้มที่คุณได้จากเขามาเท่าไหร่ยังไงเขาก็จะเอาคืน เว้นเสียว่าคุณใช้มันหมดจรดจริง ๆ ซึ่งเงื่อนไขการใช้งานขั้นต่ำคือ 50 แต้ม หรือก็คือคุณจ่ายเงินให้เมเจอร์ไปแล้ว 2,500 บาท ถึงจะมีสิทธิขั้นต่ำในการเริ่มใช้งาน เพื่อใช้จ่ายผสมเงินซื้ออาหารหรือเครื่องดื่มราคาแพงหน้าโรงหนัง
**และอีกเรื่องสำหรับเมเจอร์บังคับให้เราซื้อผ่านตู้ ในเมื่อมีพนักงานให้บริการ เวลาไปใช้งานเหมือนไปหน่วยราชการบางแห่งในไทย คือถ้าไม่มีธุระก็แทบไม่อยากไปเหยียบ และหลายต่อหลายครั้งที่ได้เข้าไปชมโรงภาพยนตร์ต้องบอกว่าภายในเหม็นอับมาก บางครั้งเวลาได้ชมภาพยนตร์ไปก็จะได้กลิ่นอับเหมือนได้ชมภาพยนตร์ใน 4D กันเลยทีเดียว บางโรงแอร์ก็ไม่เย็น ดูหนังไปเหงื่อแตกไป
ปล.จบการรีวิวขอสรุปว่าถ้าคิดว่าทั้งปีไม่มีทางจ่ายถึง 2,500 บาท ก็อย่าสมัครเลยครับแทบไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย
ที่มา iReview.in.th