"พรากผู้เยาว์" เราเคยเรียนกันในป.อาญา
ม.317
ม.318
ม.319
"พราก" หมายถึง จากไป, พาเอาไปเสียจาก, แยกออกจากกัน, เอาออก จากกัน หรือก็คือ การทำให้เด็ก หรือผู้เยาว์ห่างจากผู้ปกครอง ไม่ต้องขนาดว่าเดินจูงมือออกจากบ้าน แค่โทรชวนออกไปโดยมิได้ขออนุญาต หรือยินยอมจากผู้ปกครอง ก็คือการพรากแล้ว
"ผู้เยาว์" หมายถึง บุคคลที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ซึ่งจะบรรลุนิติภาวะเมื่อมีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ หรือเมื่อทำการสมรส
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 19 บุคคลย่อมพ้นจากภาวะผู้เยาว์และบรรลุนิติภาวะเมื่อมีอายุยี่สิบปีบริบูรณ์
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 20 ผู้เยาว์ย่อมบรรลุนิติภาวะเมื่อทำการสมรส หากการสมรสนั้นได้ทำตามบทบัญญัติมาตรา 1448
แต่การ "พรากผู้เยาว์" นั้นเป็นผู้ความผิดทางอาญา ในมาตรา 317 318 และ 319 ดังนี้
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 บัญญัติว่า ผู้ใดโดยปราศจากเหตุอันสมควร พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หกพันบาทถึงสามหมื่นบาท
ผู้ใดโดยทุจริต ซื้อ จำหน่าย หรือรับตัวเด็กซึ่งถูกพรากตามวรรคแรก ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้พรากนั้น ถ้าความผิดตามมาตรานี้ได้กระทำเพื่อหากำไร หรือเพื่อการอนาจาร ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงสี่หมื่นบาท
พรากเด็กอายุ 15- --> จำคุก 3-5 ปี ปรับ 6,000-30,000 บาท ถ้าหากำไรหรืออนาจาร จำคุก 5-20 ปี ปรับ 10,000-40,000 บาท
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318 บัญญัติว่า
ผู้ใดพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสีย จากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล โดยผู้เยาว์นั้นไม่เต็มใจไปด้วย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สี่พันบาทถึงสองหมื่นบาท
ผู้ใดโดยทุจริต ซื้อ จำหน่าย หรือรับตัวผู้เยาว์ซึ่งถูกพรากตามวรรคแรก ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้พรากนั้น ถ้าความผิดตามมาตรานี้ได้กระทำเพื่อหากำไร หรือเพื่อการอนาจาร ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หกพันบาทถึงสามหมื่นบาท
พรากเด็กอายุ 15-18 ไม่เต็มใจ --> จำคุก 2-10 ปี ปรับ 4,000-20,000 บาท ถ้าหากำไรหรืออนาจาร จำคุก 3-5 ปี ปรับ 6,000-30,000 บาท
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 บัญญัติว่า
ผู้ใดพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อหากำไร หรือเพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สี่พันบาทถึงสองหมื่นบาท
ผู้ใดโดยทุจริต ซื้อ จำหน่าย หรือรับตัวผู้เยาว์ซึ่งถูกพรากตามวรรคแรก ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้พรากนั้น
พรากเด็กอายุ 15-18 เต็มใจ --> จำคุก 2-10 ปี ปรับ 4,000-20,000 บาท
สรุปง่ายๆหากไม่เกิน 15 ปี"ยินยอม-ไม่ยินยอม"ก็ผิดทั้งนั้น..!!
แต่มีฎีกาหนึ่งนะครับ
คำพิพากษาฎีกาที่ 7855/2549
พนักอัยการจังหวัดลพบุรี เป็นโจทก์ นาย จรัล (ขอสงวนนามสกุล) เป็นจำเลย ใน ชั้นฎีกาบอก"ผู้เสียหาย"รู้จักกับ"จำเลย"จากการแนะนำของ"นางสาวศอ"วันเกิด เหตุจำเลยและนางสาวศอไปที่บ้านจำเลย โดยจำเลยรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าหากไปที่บ้านจำเลย
-จำเลยต้องการร่วมประเวณีด้วย และเมื่ออยู่กัน"สองคน"เพราะนองสาวศอขับรถกลับบ้านไป จำเลยบอกให้ผู้เสียหานถอดเสื้อผ้า ซึ่งผู้เสียหายก็ถอดเอง หลังจากร่วมประเวณี ผู้เสียหายยอมก็รับเงินโดยไม่ได้แสดงอาการปฏิเสธ และเมื่อนางสาวศอ มารับผู้เสียหายจำเลยก็ไม่ได้ขัดขวาง กอปร ขณะเกิดเหตุผู้เสียหายอายุ14มีการศึกษาถึงระดับมัธยมและไม่ถึงกลับไร้เดียงสา
เพราะผู้เสียหายได้ยอมรับในชั้นการเบิกความตอบคำถามซักค้านว่า ผู้เสียหายเคยร่วมประเวณีกับชายอื่นมาก่อน.. แสดงว่าขณะที่ผู้เสียหายอยู่ที่บ้านจำเลย ผู้เสียหายมีอิสระในการเคลื่อนไหวไมได้อยู่ในความควบคุมของจำเลย
***การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการตัด"อำนาจทางปกครอง"ของบิดา-มารดาผู้เสียหาย
***จึงไม่มีความผิดฐาน"พรากผู้เยาว์"
พรากผู้เยาว์ - ยินยอม ผิด หรือ ไม่ผิด
ม.317
ม.318
ม.319
"พราก" หมายถึง จากไป, พาเอาไปเสียจาก, แยกออกจากกัน, เอาออก จากกัน หรือก็คือ การทำให้เด็ก หรือผู้เยาว์ห่างจากผู้ปกครอง ไม่ต้องขนาดว่าเดินจูงมือออกจากบ้าน แค่โทรชวนออกไปโดยมิได้ขออนุญาต หรือยินยอมจากผู้ปกครอง ก็คือการพรากแล้ว
"ผู้เยาว์" หมายถึง บุคคลที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ซึ่งจะบรรลุนิติภาวะเมื่อมีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ หรือเมื่อทำการสมรส
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 19 บุคคลย่อมพ้นจากภาวะผู้เยาว์และบรรลุนิติภาวะเมื่อมีอายุยี่สิบปีบริบูรณ์
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 20 ผู้เยาว์ย่อมบรรลุนิติภาวะเมื่อทำการสมรส หากการสมรสนั้นได้ทำตามบทบัญญัติมาตรา 1448
แต่การ "พรากผู้เยาว์" นั้นเป็นผู้ความผิดทางอาญา ในมาตรา 317 318 และ 319 ดังนี้
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 บัญญัติว่า ผู้ใดโดยปราศจากเหตุอันสมควร พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หกพันบาทถึงสามหมื่นบาท
ผู้ใดโดยทุจริต ซื้อ จำหน่าย หรือรับตัวเด็กซึ่งถูกพรากตามวรรคแรก ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้พรากนั้น ถ้าความผิดตามมาตรานี้ได้กระทำเพื่อหากำไร หรือเพื่อการอนาจาร ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงสี่หมื่นบาท
พรากเด็กอายุ 15- --> จำคุก 3-5 ปี ปรับ 6,000-30,000 บาท ถ้าหากำไรหรืออนาจาร จำคุก 5-20 ปี ปรับ 10,000-40,000 บาท
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318 บัญญัติว่า
ผู้ใดพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสีย จากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล โดยผู้เยาว์นั้นไม่เต็มใจไปด้วย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สี่พันบาทถึงสองหมื่นบาท
ผู้ใดโดยทุจริต ซื้อ จำหน่าย หรือรับตัวผู้เยาว์ซึ่งถูกพรากตามวรรคแรก ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้พรากนั้น ถ้าความผิดตามมาตรานี้ได้กระทำเพื่อหากำไร หรือเพื่อการอนาจาร ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หกพันบาทถึงสามหมื่นบาท
พรากเด็กอายุ 15-18 ไม่เต็มใจ --> จำคุก 2-10 ปี ปรับ 4,000-20,000 บาท ถ้าหากำไรหรืออนาจาร จำคุก 3-5 ปี ปรับ 6,000-30,000 บาท
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 บัญญัติว่า
ผู้ใดพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อหากำไร หรือเพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สี่พันบาทถึงสองหมื่นบาท
ผู้ใดโดยทุจริต ซื้อ จำหน่าย หรือรับตัวผู้เยาว์ซึ่งถูกพรากตามวรรคแรก ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้พรากนั้น
พรากเด็กอายุ 15-18 เต็มใจ --> จำคุก 2-10 ปี ปรับ 4,000-20,000 บาท
สรุปง่ายๆหากไม่เกิน 15 ปี"ยินยอม-ไม่ยินยอม"ก็ผิดทั้งนั้น..!!
แต่มีฎีกาหนึ่งนะครับ
คำพิพากษาฎีกาที่ 7855/2549
พนักอัยการจังหวัดลพบุรี เป็นโจทก์ นาย จรัล (ขอสงวนนามสกุล) เป็นจำเลย ใน ชั้นฎีกาบอก"ผู้เสียหาย"รู้จักกับ"จำเลย"จากการแนะนำของ"นางสาวศอ"วันเกิด เหตุจำเลยและนางสาวศอไปที่บ้านจำเลย โดยจำเลยรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าหากไปที่บ้านจำเลย
-จำเลยต้องการร่วมประเวณีด้วย และเมื่ออยู่กัน"สองคน"เพราะนองสาวศอขับรถกลับบ้านไป จำเลยบอกให้ผู้เสียหานถอดเสื้อผ้า ซึ่งผู้เสียหายก็ถอดเอง หลังจากร่วมประเวณี ผู้เสียหายยอมก็รับเงินโดยไม่ได้แสดงอาการปฏิเสธ และเมื่อนางสาวศอ มารับผู้เสียหายจำเลยก็ไม่ได้ขัดขวาง กอปร ขณะเกิดเหตุผู้เสียหายอายุ14มีการศึกษาถึงระดับมัธยมและไม่ถึงกลับไร้เดียงสา
เพราะผู้เสียหายได้ยอมรับในชั้นการเบิกความตอบคำถามซักค้านว่า ผู้เสียหายเคยร่วมประเวณีกับชายอื่นมาก่อน.. แสดงว่าขณะที่ผู้เสียหายอยู่ที่บ้านจำเลย ผู้เสียหายมีอิสระในการเคลื่อนไหวไมได้อยู่ในความควบคุมของจำเลย
***การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการตัด"อำนาจทางปกครอง"ของบิดา-มารดาผู้เสียหาย
***จึงไม่มีความผิดฐาน"พรากผู้เยาว์"