***** เรียนทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้นะครับ ขอบคุณสำหรับความเห็น ถึงจะเข้ามาด่า มาว่าผมก็เถอะ สิ่งที่ผมเขียนอธิบายให้ทุกท่านฟัง
มาจากสิ่งที่ผมประสบมาร่วม 10 กว่าปี ที่พบว่า อุบัติเหตุจราจรส่วนใหญ่ เกิดกับ จักรยานยนต์ ทั้งโดยที่มีการขับขี่โดยประมาทหรือโดยระมัดระวังอย่างที่สุดแล้วก็ตาม หรือแม้จะอุบัติเหตุเพียงเล็กน้อย แต่ก็ก่อให้เกิดตวามเสียหายแก่ผู้ใช้จักรยานยนต์เป็นจำนวนมาก
แม้ว่าท่านจะไม่เห็นด้วย หรือคิดว่าความคิดของผม ช่างโง่เขลาเบาปัญญา ไร้สติปัญญา ผมยอมรับครับว่า อาจจะจริงอย่างที่ทุกๆ ท่านคิด แต่อย่างน้อย ผมก็ดีใจ ที่อย่างน้อยที่สุด กระทู้นี้คงจะสะกิดใจหลายๆ ท่านบ้าง หลายๆ ท่านก็คงจะคิดถึงประเด็นด้านความปลอดภัยมากขึ้นบ้าง ผมไม่เสียใจนะครับที่ผมตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา และถ้ามีโอกาส (ซึ่งก็คงมี) ผมคงจะสานงานด้านการรณรงค์
การขับขี้จักรยานยนต์ให้น้อยลง หรือใช้ตามความจำเป็นเท่านั้น และพยายามใช้ขนส่งมวลชนตามโอกาสอำนวย เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น
ผมไม่พึงได้ประโยนช์อันใดจากการตั้งกระทู้นี้ หรือ ประโยชน์ใดๆ หากประชาชนจะใช้จักรยานยนต์น้อยลงนะครับ (หากแต่อาจจะเสียประโยนช์ เพราะมีงานน้อยลง มีคนไข้ให้ผ่าตัดน้อยลง ซึ่งผมก็ดีใจนะครับ )
หากท่านใด มีโอกาสได้พบเห็น หรือเห็นภาพการเกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะกับจักรยานยนต์ ลองตรองดูซักเล็กน้อยนะครับว่า สิ่งที่ผมเขียนมาทั้งหมด เกินเลย หรือผิดไปจากความเป็นจริงประการใดหรือไม่ ความปลอดภัยและสวัสดิภาพของทุกท่านสำคัญที่สุดนะครับ ขอบคุณครับผม
ผมว่า เมืองไทยเราคนใช้รถจักรยานยนต์มากเกินไปแล้ว ทั้งในกรุงเทพ เมืองต่างจังหวัดและตามชนบท นับวันก็จะเยอะมากขึ้นเรื่อยๆ
แถมหลายๆ ท่านใช้รถฝ่าฝืนกฎจราจร ฝ่าไฟแดง ย้อนศร ขึ้นมาขี่บนทางเท้า รบกวนและเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุแก่คนเดินบนฟุตบาตมาก
อุบัติเหตุจราจรส่วนใหญ่เกิดกับจักรยานยนต์นะครับ (ผมทำงานด้านสาธารณสุขครับ เห็นผู้ป่วยกลุ่มนี้เยอะมาก)
เราๆ ท่านๆ เคยตระหนักหรือไม่ว่า จักรยานยนต์นี่เนื้อหุ้มเหล็กๆดีๆนี่เองนะครับ เวลาเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา ล้ม เฉี่ยว ชน ก็ร่างกายเราดีๆ นี่เอง
เวลาเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา ร่างกายบาดเจ็บเสียหายขึ้นมาแล้ว ร่างกายเราจะไม่กลับมาเหมือนเดิมแล้วนะครับ แม้ว่าจะผ่าตัดรักษาดีแค่ไหนก็ตาม
ทุกวันนี้ คนไทยเรามองการเกิดอุบัติเหตุเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วหรืออย่างไร
ผมเห็นเด็กตัวเล็กๆ ขี่มอเตอไซด์ เด็กนักศึกษามือนึงคุยโทรศัพท์ไปอีกมือขี่มอเตอไซด์ไป ขี่ย้อนศร ฝ่าไฟแดงเยอะมาก น่าหวาดเสียวมากครับ (พอเกิดเหตุขึ้นมาก็มาร้องไห้คร่ำครวญ อยากให้ร่างกายแขนขากลับมาเหมือนเดิม แล้วทำไมไม่ดูแลตัวเองดีๆ ล่ะครับ ใช้ชีวิตกันเสี่ยงจัง)
ผมเห็นใจคนทำงานที่มีความจำเป็นต้องใช้รถจักรยานยนต์นะครับ แต่ผมว่าไม่คุ้มเลยกับความสะดวกสบายที่ต้องแลกกับความเสี่ยงต่อชีวิตและร่างกายขนาดนั้น ทางการน่าจะสนับสนุนให้คนไทยหันมาใช้บริการขนส่งมวลชนให้มากกว่านี้นะครับ
เคยได้ยินข่าวว่า พม่าเขาห้ามใช้จักรยานยนต์ในเมืองย่างกุ้งนะครับ ทึ่งในวิสัยทัศน์ผู้นำเขานะครับ นอกจากจะทำให้การจราจรดูเป็นระเบียบแล้ว โอกาสการเกิดอุบัติเหตุน่าจะลดลงเยอะนะครับ ดูเขาใส่ใจในสวัสดิภาพของประชากรของเขาดี
เมืองไทยเราใช้กันมาจนขนาดนี้แล้ว จะจำกัดการใช้คงยากจริงๆ แต่อย่างน้อย อยากให้ควบคุมการใช้ให้ดีกว่านี้หน่อยดีใหมครับ มีเลนเฉพาะจักรยานยนต์ได้ใหม ห้ามออกนอกเลน ห้ามย้อนศร ห้ามฝ่าไฟแดง ห้ามขึ้นฟุตบาต และจับปรับทุกกรณีที่ฝ่าฝืนกฎอย่างเข้มงวดและเด็ดขาด
ปล.ที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา ไม่ได้มีอคติกับคนใช้จักรยานยนต์นะครับ แต่ผมเป็นห่วงสวัสดิภาพของทุกท่านที่ใช้จริงๆ ไม่อยากให้มองว่าอุบัติเหตุจราจรเป็นเรื่องเล็กน้อยหรือเคยชินในสังคมเรา แค่กระดูกมือ เท้า แขนขาของคุณแตก หักขึ้นมา ยังไงก็ไม่มีวันเหมือนเดิมนะครับ
ผมว่าเมืองไทยเราน่าจะจำกัดการใช้รถจักรยานยนต์นะครับ
มาจากสิ่งที่ผมประสบมาร่วม 10 กว่าปี ที่พบว่า อุบัติเหตุจราจรส่วนใหญ่ เกิดกับ จักรยานยนต์ ทั้งโดยที่มีการขับขี่โดยประมาทหรือโดยระมัดระวังอย่างที่สุดแล้วก็ตาม หรือแม้จะอุบัติเหตุเพียงเล็กน้อย แต่ก็ก่อให้เกิดตวามเสียหายแก่ผู้ใช้จักรยานยนต์เป็นจำนวนมาก
แม้ว่าท่านจะไม่เห็นด้วย หรือคิดว่าความคิดของผม ช่างโง่เขลาเบาปัญญา ไร้สติปัญญา ผมยอมรับครับว่า อาจจะจริงอย่างที่ทุกๆ ท่านคิด แต่อย่างน้อย ผมก็ดีใจ ที่อย่างน้อยที่สุด กระทู้นี้คงจะสะกิดใจหลายๆ ท่านบ้าง หลายๆ ท่านก็คงจะคิดถึงประเด็นด้านความปลอดภัยมากขึ้นบ้าง ผมไม่เสียใจนะครับที่ผมตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา และถ้ามีโอกาส (ซึ่งก็คงมี) ผมคงจะสานงานด้านการรณรงค์
การขับขี้จักรยานยนต์ให้น้อยลง หรือใช้ตามความจำเป็นเท่านั้น และพยายามใช้ขนส่งมวลชนตามโอกาสอำนวย เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น
ผมไม่พึงได้ประโยนช์อันใดจากการตั้งกระทู้นี้ หรือ ประโยชน์ใดๆ หากประชาชนจะใช้จักรยานยนต์น้อยลงนะครับ (หากแต่อาจจะเสียประโยนช์ เพราะมีงานน้อยลง มีคนไข้ให้ผ่าตัดน้อยลง ซึ่งผมก็ดีใจนะครับ )
หากท่านใด มีโอกาสได้พบเห็น หรือเห็นภาพการเกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะกับจักรยานยนต์ ลองตรองดูซักเล็กน้อยนะครับว่า สิ่งที่ผมเขียนมาทั้งหมด เกินเลย หรือผิดไปจากความเป็นจริงประการใดหรือไม่ ความปลอดภัยและสวัสดิภาพของทุกท่านสำคัญที่สุดนะครับ ขอบคุณครับผม
ผมว่า เมืองไทยเราคนใช้รถจักรยานยนต์มากเกินไปแล้ว ทั้งในกรุงเทพ เมืองต่างจังหวัดและตามชนบท นับวันก็จะเยอะมากขึ้นเรื่อยๆ
แถมหลายๆ ท่านใช้รถฝ่าฝืนกฎจราจร ฝ่าไฟแดง ย้อนศร ขึ้นมาขี่บนทางเท้า รบกวนและเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุแก่คนเดินบนฟุตบาตมาก
อุบัติเหตุจราจรส่วนใหญ่เกิดกับจักรยานยนต์นะครับ (ผมทำงานด้านสาธารณสุขครับ เห็นผู้ป่วยกลุ่มนี้เยอะมาก)
เราๆ ท่านๆ เคยตระหนักหรือไม่ว่า จักรยานยนต์นี่เนื้อหุ้มเหล็กๆดีๆนี่เองนะครับ เวลาเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา ล้ม เฉี่ยว ชน ก็ร่างกายเราดีๆ นี่เอง
เวลาเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา ร่างกายบาดเจ็บเสียหายขึ้นมาแล้ว ร่างกายเราจะไม่กลับมาเหมือนเดิมแล้วนะครับ แม้ว่าจะผ่าตัดรักษาดีแค่ไหนก็ตาม
ทุกวันนี้ คนไทยเรามองการเกิดอุบัติเหตุเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วหรืออย่างไร
ผมเห็นเด็กตัวเล็กๆ ขี่มอเตอไซด์ เด็กนักศึกษามือนึงคุยโทรศัพท์ไปอีกมือขี่มอเตอไซด์ไป ขี่ย้อนศร ฝ่าไฟแดงเยอะมาก น่าหวาดเสียวมากครับ (พอเกิดเหตุขึ้นมาก็มาร้องไห้คร่ำครวญ อยากให้ร่างกายแขนขากลับมาเหมือนเดิม แล้วทำไมไม่ดูแลตัวเองดีๆ ล่ะครับ ใช้ชีวิตกันเสี่ยงจัง)
ผมเห็นใจคนทำงานที่มีความจำเป็นต้องใช้รถจักรยานยนต์นะครับ แต่ผมว่าไม่คุ้มเลยกับความสะดวกสบายที่ต้องแลกกับความเสี่ยงต่อชีวิตและร่างกายขนาดนั้น ทางการน่าจะสนับสนุนให้คนไทยหันมาใช้บริการขนส่งมวลชนให้มากกว่านี้นะครับ
เคยได้ยินข่าวว่า พม่าเขาห้ามใช้จักรยานยนต์ในเมืองย่างกุ้งนะครับ ทึ่งในวิสัยทัศน์ผู้นำเขานะครับ นอกจากจะทำให้การจราจรดูเป็นระเบียบแล้ว โอกาสการเกิดอุบัติเหตุน่าจะลดลงเยอะนะครับ ดูเขาใส่ใจในสวัสดิภาพของประชากรของเขาดี
เมืองไทยเราใช้กันมาจนขนาดนี้แล้ว จะจำกัดการใช้คงยากจริงๆ แต่อย่างน้อย อยากให้ควบคุมการใช้ให้ดีกว่านี้หน่อยดีใหมครับ มีเลนเฉพาะจักรยานยนต์ได้ใหม ห้ามออกนอกเลน ห้ามย้อนศร ห้ามฝ่าไฟแดง ห้ามขึ้นฟุตบาต และจับปรับทุกกรณีที่ฝ่าฝืนกฎอย่างเข้มงวดและเด็ดขาด
ปล.ที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา ไม่ได้มีอคติกับคนใช้จักรยานยนต์นะครับ แต่ผมเป็นห่วงสวัสดิภาพของทุกท่านที่ใช้จริงๆ ไม่อยากให้มองว่าอุบัติเหตุจราจรเป็นเรื่องเล็กน้อยหรือเคยชินในสังคมเรา แค่กระดูกมือ เท้า แขนขาของคุณแตก หักขึ้นมา ยังไงก็ไม่มีวันเหมือนเดิมนะครับ