ตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยรู้จัก bed bug เลยค่ะ
รู้จักแต่เห็บ เหา หมัดบ้านเรา
จนได้ไปมาอยู่ออสเตรเลีย มาถึงก็ได้ยินเพื่อนๆน้องๆพูดถึงบ่อยๆ
แต่ไม่มีใครเคยเจอ แม้ทุกคนจะเปลี่ยนที่อยู่บ่อยแค่ไหน ห้องรังหนูแค่ไหนก็ยังไม่เคยเจอ
มาอยู่ที่ซิดนี่ย์ แชร์บ้านอยู่กะแขก ทั้งตึกเป็นแขกเพราะอยู่ในย่านแขก
บ้านเป็นลักษณะคล้ายๆคอนโด เช่าอยู่คนละห้อง
ตึกเก่าแล้ว แต่ห้องยังน่าอยู่นะคะ เลยไม่ได้เอะใจ
คิดว่าเหมือนย้ายบ้าน ย้ายหอทั่วๆไป เพราะตอนเลือกบ้าน ญาติที่นี่เป็นคนดูไว้ให้ก่อนมาค่ะ
ด้วยความที่ไม่รู้พิษภัยของมัน คิดว่ามันคงเป็นไรฝุ่นที่มองไม่เห็นธรรมดา
นอนวันแรก ตื่นขึ้นมา แฟนมีตุ่มลักษณะคล้ายลมพิษ คันๆ
ทีแรกเข้าใจว่าแพ้อากาศ หรือแพ้ไรฝุ่นเพราะเราไม่เป็น แฟนเป็นคนเดียว
มาคืนแรกเห็นแมงตัวเล็กๆไต่ไปไต่มา คิดว่าเป็นแมงสาบ เพราะแมงสาบที่นี่ตัวเล็กมาก
เลยแค่ปัดๆไล่ให้พ้นๆไปเฉยๆ
วันต่อๆมา แฟนยิ่งผื่นขึ้นเต็มตัว เต็มหน้า คัน ทรมานแทนเลย
กินยาแก้แพ้ก็ไม่ยุบ จะไปหาหมอก็ยังไม่รู้ว่าจะไปยังไง เพราะพึ่งมา
พยายามหาสาเหตุของตุ่มผื่น ตัดสินใจสลับข้างกันนอนเตียงอีกฝั่ง
เพราะคิดว่าฝั่งที่แฟนนอนคงฝุ่นเยอะ
คราวนี้ละ ด้วยความบังเอิญ ไปลูบแขน แล้วมีแมงตัวเล็กๆคล้ายเห็บติดมาในซอกเล็บ
ในพุงมันเลือดเต็มเลย สักพัก เราผื่นขึ้นเหมือนแฟน คันยิกๆ
เซิร์ทหาข้อมูล bed bug ในเน็ต โอ้โห้ยยยยย!!
คือตัวที่มันเดินผ่านไปผ่านมาในห้อง ที่คิดว่าเป็นแมงสาบ นั่นละคือตัว bed bug
ไล่จับมันตามขอบเตียง ขอบผ้าม่าน บีบท้องมันมีแต่เลือดเราเต็มพุง
ซื้อสเปรมาฉีดก็ยิ่งแหย่ให้รังมันแตก มันกัดมากกว่าเดิมจนทั่วตัว
จิตตก นอนไม่หลับ ตื่นมาตอนไหนตกระแวง ไล่บี้ตัวนี้
บอกเจ้าของบ้านแบบงูๆปลาๆภาษาอังกฤษว่าบ้านยูมี bed bug
กลายเป็นปัญหาระดับชาติ แจ้งบริษัทกำจัด bed bug ขนเตียงไปทิ้งให้หมด
เพราะเตียงนอน เป็นรังของมันนั่นเอง เตียงนอนเก่าแล้ว มีลูก bed bugเล็กๆไต่ออกมา
เจ้าของบ้านก็บอกว่าไม่รู้ว่าบ้านเขามีแงตัวนี้ เพราะที่ซิดนี่ย์ การย้ายที่อยู่ถือเป็นเรื่องธรรมดา
เวลาใครขนของเข้าออก อาจจะเอาแมงนี้ติดมาจากที่อื่น
ใครจะย้ายห้อง ระวังตัว bed bug ด้วยนะคะ มันไม่เป็นตัวนำโรคอะไร แต่มันสร้างความรำคาญเพราะเราคันๆ
และร่างกายอัปลักษณ์มีตุ่มผื่น คันมาก และตุ่มยุบช้ามากและจะกลายเป็นแผลเป็นถ้าเราเกา
ในที่สุดกลายเป็นปัญหาสุขภาพจิตเพราะเห็นแมงเล็กๆที่ไหนกลายเป็นระแวง
ถ้ารู้ว่าแมงเล็กๆที่เห็นเป็นแมงอันตรายขนาดนี้คงไม่อยู่ตั้งแต่ทีแรก
ย้ายห้องที่เมืองนอก ระวังห้องมี Bed Bug มันกัดแล้ว ทรมานที่สุด
รู้จักแต่เห็บ เหา หมัดบ้านเรา
จนได้ไปมาอยู่ออสเตรเลีย มาถึงก็ได้ยินเพื่อนๆน้องๆพูดถึงบ่อยๆ
แต่ไม่มีใครเคยเจอ แม้ทุกคนจะเปลี่ยนที่อยู่บ่อยแค่ไหน ห้องรังหนูแค่ไหนก็ยังไม่เคยเจอ
มาอยู่ที่ซิดนี่ย์ แชร์บ้านอยู่กะแขก ทั้งตึกเป็นแขกเพราะอยู่ในย่านแขก
บ้านเป็นลักษณะคล้ายๆคอนโด เช่าอยู่คนละห้อง
ตึกเก่าแล้ว แต่ห้องยังน่าอยู่นะคะ เลยไม่ได้เอะใจ
คิดว่าเหมือนย้ายบ้าน ย้ายหอทั่วๆไป เพราะตอนเลือกบ้าน ญาติที่นี่เป็นคนดูไว้ให้ก่อนมาค่ะ
ด้วยความที่ไม่รู้พิษภัยของมัน คิดว่ามันคงเป็นไรฝุ่นที่มองไม่เห็นธรรมดา
นอนวันแรก ตื่นขึ้นมา แฟนมีตุ่มลักษณะคล้ายลมพิษ คันๆ
ทีแรกเข้าใจว่าแพ้อากาศ หรือแพ้ไรฝุ่นเพราะเราไม่เป็น แฟนเป็นคนเดียว
มาคืนแรกเห็นแมงตัวเล็กๆไต่ไปไต่มา คิดว่าเป็นแมงสาบ เพราะแมงสาบที่นี่ตัวเล็กมาก
เลยแค่ปัดๆไล่ให้พ้นๆไปเฉยๆ
วันต่อๆมา แฟนยิ่งผื่นขึ้นเต็มตัว เต็มหน้า คัน ทรมานแทนเลย
กินยาแก้แพ้ก็ไม่ยุบ จะไปหาหมอก็ยังไม่รู้ว่าจะไปยังไง เพราะพึ่งมา
พยายามหาสาเหตุของตุ่มผื่น ตัดสินใจสลับข้างกันนอนเตียงอีกฝั่ง
เพราะคิดว่าฝั่งที่แฟนนอนคงฝุ่นเยอะ
คราวนี้ละ ด้วยความบังเอิญ ไปลูบแขน แล้วมีแมงตัวเล็กๆคล้ายเห็บติดมาในซอกเล็บ
ในพุงมันเลือดเต็มเลย สักพัก เราผื่นขึ้นเหมือนแฟน คันยิกๆ
เซิร์ทหาข้อมูล bed bug ในเน็ต โอ้โห้ยยยยย!!
คือตัวที่มันเดินผ่านไปผ่านมาในห้อง ที่คิดว่าเป็นแมงสาบ นั่นละคือตัว bed bug
ไล่จับมันตามขอบเตียง ขอบผ้าม่าน บีบท้องมันมีแต่เลือดเราเต็มพุง
ซื้อสเปรมาฉีดก็ยิ่งแหย่ให้รังมันแตก มันกัดมากกว่าเดิมจนทั่วตัว
จิตตก นอนไม่หลับ ตื่นมาตอนไหนตกระแวง ไล่บี้ตัวนี้
บอกเจ้าของบ้านแบบงูๆปลาๆภาษาอังกฤษว่าบ้านยูมี bed bug
กลายเป็นปัญหาระดับชาติ แจ้งบริษัทกำจัด bed bug ขนเตียงไปทิ้งให้หมด
เพราะเตียงนอน เป็นรังของมันนั่นเอง เตียงนอนเก่าแล้ว มีลูก bed bugเล็กๆไต่ออกมา
เจ้าของบ้านก็บอกว่าไม่รู้ว่าบ้านเขามีแงตัวนี้ เพราะที่ซิดนี่ย์ การย้ายที่อยู่ถือเป็นเรื่องธรรมดา
เวลาใครขนของเข้าออก อาจจะเอาแมงนี้ติดมาจากที่อื่น
ใครจะย้ายห้อง ระวังตัว bed bug ด้วยนะคะ มันไม่เป็นตัวนำโรคอะไร แต่มันสร้างความรำคาญเพราะเราคันๆ
และร่างกายอัปลักษณ์มีตุ่มผื่น คันมาก และตุ่มยุบช้ามากและจะกลายเป็นแผลเป็นถ้าเราเกา
ในที่สุดกลายเป็นปัญหาสุขภาพจิตเพราะเห็นแมงเล็กๆที่ไหนกลายเป็นระแวง
ถ้ารู้ว่าแมงเล็กๆที่เห็นเป็นแมงอันตรายขนาดนี้คงไม่อยู่ตั้งแต่ทีแรก