ต่อยอดจากคุณเศียรนาคา (เลียนแบบคุณต้น...555+++...)

กระทู้ของคุณเศียรนาคา คืออันนี้ http://ppantip.com/topic/32186055/comment45-2
กระทู้คุณต้น คืออันนี้ http://ppantip.com/topic/32188497/comment3

^
จากกระทู้คุณเศียรนาคากับกระทู้คุณต้น อาจทำให้บรรดาคนที่สนใจเรื่องการเรียนภาษาอังกฤษหลายๆคนได้ไปพบกันอีก หลังจากที่เคยพบกันเมื่อ 5 ปีกว่าๆมาแล้ว รู้สึกคราวนั้นเราไม่ได้ไปนะ คราวนี้เราจะลองไปแจมกับพวกเค้าบ้าง

เมื่อก่อนตอนเราทำงานแปลเอกสาร เคยมีสมาชิก pantip หลายคนขอให้เราสอนภาษาอังกฤษ แต่เราไม่มีสถานที่ของตัวเอง  เลยต้องนัดไปสอนตามห้างสรรพสินค้า  แล้วคิดค่าสอนตัวต่อตัว  พบว่าถ้านักเรียนอ่อนมากๆกว่าจะเรียนจนเก่งได้นักเรียนจะไม่มีกำลังเงินพอที่จะจ่ายค่าเรียนตัวต่อตัวได้จึงหยุดเรียนกลางคันซะเป็นส่วนใหญ่ (ยกเว้นนักเรียนที่รวยมากๆ) เราจึงพยายามหาสถานที่เพื่อเปิดสอนเป็นกลุ่ม และคิดค่าเรียนให้ถูกกว่านี้ (แต่เรากลายเป็นได้เงินมากกว่าสอนตัวต่อตัว)

การมีสถานที่เท่านั้นมันยังไม่พอ เรายังต้องมีเงินสดสำรองอีกเป็นจำนวนมาก เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในขณะทำการตลาดขาย courses ภาษาอังกฤษ (ขณะที่เงินค่าสอนยังเข้ามาไม่มากนัก) จะทำงานแปลเอกสารหาเงินมาช่วยมันไม่ได้เพราะจะทำให้เตรียมการสอนได้ไม่ดีพอ  ที่เรารู้เพราะเราเคยบริหารโรงเรียนสอนภาษาให้คนอื่นมาแล้ว และเคยเปิดติวประสบความสำเร็จมาแล้วในอดีต (แต่เราเปลี่ยนอาชีพเป็นนักแปลไปหลายปี)

อยู่ดีๆเรารับมรดกมาเป็นบ้านหลังใหญ่และได้เงินสดกับทรัพย์สินอย่างอื่นมาด้วย  เราก็เลยกะจะใช้บ้านหลังนี้สอนภาษาอังกฤษ  เราเคลียร์พื้นที่บ้าน (เอาข้าวของระเกระกะไปทิ้ง) จัดห้องเรียน หาจอกับ projector มา หาสื่อการสอน และอุปกรณ์ที่จำเป็นมาจนครบครัน ประกอบกับว่าเราค้นคว้าเรื่องการสอนภาษาอังกฤษมาค่อนข้างนาน  เราจึงมั่นใจว่าเราพร้อมมากๆที่จะสอนภาษาอังกฤษแนวใหม่ๆของเรา เช่น ใช้ situational dialogues สอนฟังกับพูด และสอน grammar ด้วยวิธีการที่เรียกว่า improvisation (คือเอาตัวอย่างประโยคให้นักเรียนฟังแล้วให้นักเรียนหัดพูดตาม และพูดใหม่พลิกแพลงในอีกหลายๆรูปแบบโดยเปลี่ยน subject, verb, object และ modifiers (ซึ่งเป็นการสอน grammar โดยไม่บรรยายกฎ grammar ซึ่งหวังจะนำมาแก้ข้อบกพร่องของการสอนแบบบรรยายกฎ grammar แล้วนักเรียนเรียนแบบ passive learning คือฟังและจดยิกๆ ไม่ได้ฝึกพูดเลย)   พอวางแผนเสร็จเราก็กำลังจะทำการตลาดขาย courses แต่ดันไปเจอ mobs ที่ใกล้ๆบ้านเรา  (ถ.แจ้งวัฒนะ) ต่อเนื่องกัน ทำให้คนไม่อยากมาแถวๆบ้านเรา  เราเลยยังไม่ทำการตลาด แล้วก็นั่งรอให้ mobs มันไปๆซะที

แต่อยู่ดีๆแฟนเราที่คบกับเรานาน 7 ปีไปเจอคนใหม่แค่ 10 กว่าวัน แล้วเกิดอาการปลื้มคนใหม่ จนทิ้งเราเพื่อไปคบกับคนใหม่  เราเลยประสาทกิน งงๆ เคว้งคว้าง และว้าเหว่มากๆ ถึงกับหมดอาลัยตายอยาก ไม่อยากทำงานเอาซะเลย  ขนาด mobs ไปกันหมดแล้ว เราก็ยังอยากพักผ่อนเพื่อรักษาแผลหัวใจสักระยะหนึ่ง (อาจพักผ่อนเป็นปีหรือหลายปีก็ได้)  

ตอนนี้อนาคตเราไม่รู้ว่าจะได้สอนภาษาอังกฤษอีกหรือไม่  คือเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมานี้มีคนติดต่อจะเรียนภาษาอังกฤษกับเราหลายคน แต่เราไม่ได้รับสอนใครเลย เพราะเรากำลังจะประกาศขายบ้าน ถ้าขายได้ เงินที่ขายได้รวมกับเงินที่เรามีอยู่แล้วคงมากพอที่จะขึ้นไปฝึกวรยุทธ์บนภูเขาได้สักเกือบๆ 20 ปี ซึ่งในช่วงนั้นเราจะเรียนภาษาจีน เรียน feng shui กับ wu xing เพื่อให้รู้ศาสตร์แห่งการดูดวง ฝึกวรยุทธ์จีน ฝึกเดินลมปราณ ฝึกคัมภีร์โบราณของเต๋าเพื่อบรรลุเป็นเซียน  หากเราไม่บรรลุเป็นเซียนซะก่อน คือเราคงไม่กล้าฝึกวิชาถึง 20 ปีหรอก เพราะกลัวเงินสดจะหมดซะก่อน...555+++...แค่ขออยู่โดยไม่ทำงานซัก 7 ปี ก็น่าจะพอแล้วนะ (อ่าน wuxia (นิยายกำลังภายใน) มากไปหน่อย เลยคิดแต่จะฝีกวรยุทธ์) เราก็น่าจะลงจากภูเขามาทำมาหาเลี้ยงชีพโดยการเป็นหมอดู ได้แล้วนะ...555+++...เพราะถ้าเดินแต้มนี้เรายังมีเงินสดเหลือไปทำทุนรอนอยู่บ้าง เช่นเปิดสำนักดูดวงหรือเปิดสำนักสอนโยคะหน้าเด้งให้ลูกศิษย์เราได้เป็นหนุ่มสาวตลอดกาลได้ อะไรยังงี้...อิๆๆ...
^
โชคชะตาเราที่หักเหมากๆ เป็นแรงบันดาลใจให้เราเพียรพยายามอีกครั้งที่จะฝึก esoteric arts (ศาสตร์เร้นลับ) พวกนี้อย่างจริงจัง  เพื่อหวังที่จะมองเห็นทางสว่าง จะได้รู้ว่าจะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไรในอนาคต

ความจริงกว่าเราจะขายบ้านได้มันก็คงต้องใช้เวลานานพอสมควรอะนะ เราก็น่าจะใช้บ้านเราสอนภาษาอังกฤษไปพลางๆก่อนเพื่อให้มีรายได้  (ตอนแรกเราคิดว่างั้น) แต่พอคิดอีกทีหนึ่งมันกลายเป็นว่า  “พลังจิตสวนทางกัน”

นั่นก็คือ เวลาตั้งใจจะสอน พลังจิตก็จะคิดเรื่องสอนทำให้ต้องยึดติดว่า “ต้องมีบ้านอยู่” ซึ่งตาม the law of attraction (กฎแห่งแรงดึงดูด) มันจะทำให้ขายบ้านไม่ได้  แต่ในทางกลับกัน ถ้าเราเพ่งกระแสจิตว่า “ต้องขายบ้านให้ได้เพื่อไปฝึกวรยุทธ์บนภูเขา” เราก็จะไร้พลังจิตที่จะเป็นครูสอนภาษาอังกฤษให้ดีได้  
^
แต่ถ้าเราคิดว่า the law of attraction มันได้ต้องได้ผล  เราก็ต้องเอาเงินสดในธนาคารเรามาเป็นเดิมพันว่า  “เราจะอยู่เฉยๆโดยไม่ทำงานไปได้เรื่อยๆจนกว่าจะขายบ้านได้ก่อนที่เงินสดในธนาคารเราจะหมดซะก่อน”

ในช่วงที่หยุดทำงานเพื่อรักษาแผลหัวใจนี้ วันๆเราตื่นแต่เช้า กินอาหาร macrobiotic แล้วรออาหารย่อยซักพัก แล้วฝึกโยคะ ฝึกมวยจีนจนเกือบเที่ยง แล้วอาบน้ำแต่งตัว ออกไปเดิน shopping ซื้อเสื้อผ้า ตกค่ำนั่งฟังเพลงจิบเบียร์อยู่คนเดียว

แต่ตอนเราลุ้นรอขายบ้านให้ได้นี้ เราก็คิดเล่นๆว่าอยากได้เพื่อนคุย (ไม่ได้อยากหาแฟน) ถ้าใครพอพูดอังกฤษได้แบบงูๆปลาๆ พาเราไปไหนมาไหน (เพราะเราหลงทางใน กทม บ่อยๆ) คุยกับเรา เราก็จะสอนพูดอังกฤษให้ฟรีๆแบบไม่เป็นทางการคือแบบคุยกันเป็นภาษาอังกฤษ  มันน่าจะเป็นอะไรสนุกๆพาเพลินอะนะ

หรือถ้ามีคนติดต่อเรามาหลายคน จัดเวลาพาเที่ยวกับสอนภาษาอังกฤษ ไม่ถูก สับสน ก็ขอให้ทุกคนติดตามกระทู้คุณเศียรนาคาคืออันนี้

http://ppantip.com/topic/32186055/comment45-2

เพราะพวกเราอาจจะไปรวมกลุ่มกับกลุ่มคุณเศียรนาคาก็ได้
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่