[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เขียนโดย
ปนัฎดา สังข์แก้ว
Managing Director and Learning Consultant
People Synergy Co.,Ltd.
ประสบการณ์การทำงาน :
• Assistant Unit Manager :
Customer Experience Management Department บมจ.ธนาคารกสิกรไทย
• Assistant Supervisor :
ฝ่ายพัฒนาทรัพยากรบุคคล บจก. ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย)
• Senior HRD Officer :
ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ บมจ. กฤษดามหานคร
นำมาจาก : https://www.facebook.com/notes/ภาควิชาจิตวิทยา-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์-psyche-tu-/how-to-be-hr-อยากเป็นเอชอาร์ต้องทำอย่างไร-/468178026557707
"อยากเป็น HR ต้องทำอย่างไร?"
เป็นคำถามสุดฮิตในยุคนี้เลยก็ว่าได้
ฮิตมากขนาดไหน ก็ขนาดที่สามารถจุดประกายให้ฉันเขียนหนังสือเล่มนี้
มีคนมากมายมายขอคำแนะนำในการเปลี่ยนสายงานเสียนี่
ซึ่งสายงานที่อยากเปลี่ยนมาทำมากที่สุดก็คือ HR
ตอนแรกฉันแทบไม่เชื่อสิ่งที่ได้เห็นได้รับรู้ แต่พอได้ตอบเมล์ไปพักใหญ่
จึงเชื่ออย่างสุดใจเลยว่า งาน HR เป็นงานที่ได้รับความนิยมมากๆ งานหนึ่งในตลาดงานปัจจุบัน
ฉันไม่สามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่าสาเหตุที่เกิดปรากฎการณ์นี้ขึ้นคืออะไร
เพราะไม่มีโอกาสได้เก็บสถิติเอาไว้ แต่ที่พอรับรู้ได้ก็คือ
งาน HR มีเสน่ห์ในตัวเอง และหลายๆ คนคิดว่าเพียงแค่มีใจรักงานบริการ เข้าใจจิตใจคนอื่น
ใครๆ ก็สามารถจะเป็น HR ได้
ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่ความเข้าใจผิด...เพียงแต่...นั่น...
ไม่ใช่ทั้งหมดของการที่จะมาเป็น HR ที่ดีและเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง
ดังนั้นเราจึงต้องเปิดหลักสูตรให้ศึกษากันเฉพาะทาง ที่ต่างประเทศจะนี้สาขานี้ให้เรียนโดยตรง
แต่การจะเป็น HR ในประเทศไทยได้นั้น โดยทั่วไป มีทั้งหมด 3 ช่องทาง
1. จากการเรียนในมหาวิทยาลัย
ในส่วนนี้ก็คงหนีไม่พ้นการเรียนในคณะ
ที่มีรายวิชาเกี่ยวข้องกับงานด้านการบริหารบุคคลหรือการบริหารธุรกิจด้านต่างๆ
ได้แก่ คณะศิลปศาสตร์ เอกจิตวิทยาหรือจิตวิทยาอุตสาหกรรม /
คณะรัฐศาสตร์ เอกบริหารรัฐกิจ, เอกการปกครอง, เอกรัฐประศาสนศาสตร์ /
คณะพาณิชยศาสตร์ เอกบริหารทรัพยากรมนุษย์
ซึ่งทั้ง 3 คณะนี้เป็นคณะที่เปิดสอนในรายวิชาที่มีเนื้อหาค่อนข้างเกี่ยวข้องกับงาน HR โดยตรง
ส่วนคณะที่มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องอยู่บ้าง ก็คือ คณะสังคมสงเคราะห์
คณะสังคมวิทยาและมนุษยวิทยา เป็นต้น
แต่ถ้าคุณสนใจจะทำงานใน Fun Department ล่ะก็
เรื่องคณะที่จบก็ไม่ต้องไปสนใจหรือให้ความสำคัญก็ได้
สำหรับช่องทางแรกนี้ ถ้าคุณมีความสนใจงานด้าน HR ตั้งแต่ต้น ซึ่งหมายถึงก่อนเอ็นทรานซ์
ก็คงไม่ยากนักที่จะมุ่งมั่นสอบหรือสมัครเข้ารียนในคณะที่กล่าวถึงข้างต้น
แต่ถ้าคุณเพิ่งมารู้ทีหลัง หลังจากได้ร่ำเรียนในคณะอื่น เช่น คณะวิทยาศาตร์ คณะเศรษฐศาสตร์
หรือแม้แต่คณะครุศาสตร์มาแล้วจนจบ คราวนี้คุณก็อาจต้องหาตัวช่วยในช่องทางที่สองแล้วล่ะ
2. จากทักษะความสามารถเฉพาะตัวที่เหมาะกับงาน HR
ถ้าคุณไม่ได้เรียนมาโดยตรง สิ่งที่จะช่วยชีวิตคุณได้ หากคุณอยากมาพักพิงกับฝ่าย HR ก็คือ
การพยายามขายตัวเองในวันสัมภาษณ์งาน ทำให้ผู้สัมภาษณ์เห็นว่าคุณมีทักษะ
มีความสามารถเพียงพอที่จะรับผิดชอบงานได้
คุณอาจต้องใช้ความพยายามมากกว่าคนอื่นที่จบมาโดยตรงมาซักหน่อย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีหนทางนะ
มีเพื่อนของฉันคนหนึ่ง จบจากคณะวิทยาศาสตร์ สาขาสถิติ
แต่เจ้าหล่อนอยากทำงาน HR ในฝ่ายสรรหามากๆ ดูเหมือนว่าไม่มีทางเป็นไปได้เลยใช่มั้ย?
แต่เธอก็สามารถทะลุผ่านเส้นชัยไปได้
ด้วยการนำเสนอตัวเองอย่างเต็มที่ว่าชอบการวิเคราะห์คนจากพฤติกรรมที่แสดงออกมา
ชอบการสังเกต แล้วนำมาวิเคราะห์และประมวลผลต่อ
ช่างตรงกับคอนเซ็ปท์ของวิชาสถิติที่เรียนมาเสียนี่กระไร
จนตอนนี้เธอก็ได้ทำงานสรรหาสมใจมาแล้วถึง 5 ปี
หรืออีกคนตอนเรียนอยู่เคยไปลงวิชาเลือกของสาขาบริหารรัฐกิจ คณะรัฐศาสตร์
ทั้งที่ตัวเองเรียนอยู่คณะวารสารศาสตร์ ทำให้ค้นพบตัวเองว่าอยากทำงาน Training & Development
ขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว เพราะมองว่างานการพัฒนาบุคลากรมีความน่าสนใจ
และทักษะด้านการสื่อสารที่ตัวเองเรียนมาโดยตรงน่าจะช่วยให้งานฝึกอบรมสัมมนา
และพัฒนาประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น เพราะการที่จะทำให้กลุ่มเป้าหมายได้รับข่าวสารข้อมูล
เพื่อให้เกิดแนวคิดหรือมุมมองใหม่ๆ แล้วนำมาปรับใช้ในการทำงานของตนได้นั้น
ช่องทางและวิธีการสื่อสารน่าจะมีส่วนช่วยได้มาก ดังนั้น การวิเคราะห์สื่อ ช่องทางการสื่อสาร
และกลุ่มเป้าหมายจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรให้ความสนใจมากๆ...
และตอนนี้เขาคนนั้นก็กลายมาเป็นวิทยากรฝึกอบรมสัมมนาในองค์กรหนึ่งไปซะแล้ว หลังจากบ่มเพาะ
สั่งสมความรู้และประสบการณ์มาได้พักใหญ่ เขามีวันนี้ได้ เพราะการขาย (ทักษะความสามารถของ)
ตัวเองในห้องสัมภาษณ์งานจริงๆ
เห็นมั้ย...แค่รู้ว่าทักษะความสามารถที่โดดเด่นของตัวเองคืออะไร
แล้วทักษะความสามารถนั้นจะสามารถช่วยให้การทำงานที่หมายมั่นปั้นมือประสบความสำเร็จได้อย่างไร
เมื่อจับมาเชื่อมโยงกันได้ เท่านี้...ทุกอย่างก็อยู่ในการควบคุมของเราแล้ว
อ้อ...ช่องทางนี้ใช้ได้ดีกับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนสายงานด้วยนะ
3. จากประสบการณ์ทำงานหรือฝึกงาน
อ่านจบมาสองช่องทางแล้ว อาจมีหลายคนที่ยังมองไม่เห็นประตูที่จะพาตัวเองเข้าสู่งาน HR ซักที
ช่องทางที่สามอาจช่วยคุณได้ ประสบการณ์ทำงาน อาจเป็นงาน Part time ในขณะที่เรียนอยู่
หรือการฝึกงานก็ตามแต่ ให้คุณเลือกทำงานหรือฝึกงานในฝ่าย HR ขององค์กร
การทำงาน Part time หรือฝึกงานนั้น วิธีการสรรหาหรือคัดเลือกคนจะไม่ยุ่งยาก
หรือมีการกำหนดขั้นตอนมากและเคร่งครัดเท่าการสรรหาพนักงานประจำ
ดังนั้น โอกาสที่คุณจะผ่านการสรรหาจึงมีค่อนข้างมาก ขอให้เลือกใช้โอกาสนี้ให้เต็มที่
ถ้าคุณอยากมาเป็น HR แต่ไม่สามารถกลับไปเอ็นทรานซ์ใหม่ได้แล้ว
เพียงแค่คุณมีใบรับรองว่าคุณเคยผ่านการทำงาน Part time
หรือการฝึกงานในงานด้านไหนก็ได้ของฝ่าย HR
คุณก็จะมีคุณสมบัติใกล้เคียงหรือเทียบเท่ากับเพื่อนๆ ที่จบมาโดยตรงเลยล่ะ
จะเห็นได้ว่าช่องทางเพื่อนำคุณเข้าสู่งาน HR มีให้เลือกถึง 3 ช่องทาง
ขึ้นอยู่กับคุณแล้วล่ะว่าจะเลือกช่องทางไหนที่เหมาะกับคุณมากที่สุด
อาจเป็นไปได้ว่าคุณต้องใช้มากกว่าหนึ่งช่องทาง
หากสถานการณ์หางานในตอนนั้นมีการแข่งขันกันมากเหลือเกิน
หรือคุณอยากเข้าไปเป็น HR ในองค์กรที่ใครๆ ก็อยากเข้าไป
“ในเมื่อเก้าอี้มีอยู่น้อย คนที่เหมาะสมและมีคุณค่ามากที่สุดเท่านั้นถึงจะได้สิทธิ์นั่ง”
วิธีเดียวที่จะทำให้คุณเป็น...คนที่เหมาะสมและมีคุณค่ามากที่สุด...ก็คือ...
“พัฒนาทักษะและความสามารถของตัวเองไปในทิศทางที่สอดคล้องกับสิ่งที่ตำแหน่งนั้นๆ คาดหวัง”...
แค่นี้จริงๆ ...
========================================================
Cedit: ปนัฎดา สังข์แก้ว
Managing Director and Learning Consultant
People Synergy Co.,Ltd.
http://ow.ly/y027Z
[สาระ] How to Be HR…? — อยากเป็นเอชอาร์ต้องทำอย่างไร ?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
"อยากเป็น HR ต้องทำอย่างไร?"
เป็นคำถามสุดฮิตในยุคนี้เลยก็ว่าได้
ฮิตมากขนาดไหน ก็ขนาดที่สามารถจุดประกายให้ฉันเขียนหนังสือเล่มนี้
มีคนมากมายมายขอคำแนะนำในการเปลี่ยนสายงานเสียนี่
ซึ่งสายงานที่อยากเปลี่ยนมาทำมากที่สุดก็คือ HR
ตอนแรกฉันแทบไม่เชื่อสิ่งที่ได้เห็นได้รับรู้ แต่พอได้ตอบเมล์ไปพักใหญ่
จึงเชื่ออย่างสุดใจเลยว่า งาน HR เป็นงานที่ได้รับความนิยมมากๆ งานหนึ่งในตลาดงานปัจจุบัน
ฉันไม่สามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่าสาเหตุที่เกิดปรากฎการณ์นี้ขึ้นคืออะไร
เพราะไม่มีโอกาสได้เก็บสถิติเอาไว้ แต่ที่พอรับรู้ได้ก็คือ
งาน HR มีเสน่ห์ในตัวเอง และหลายๆ คนคิดว่าเพียงแค่มีใจรักงานบริการ เข้าใจจิตใจคนอื่น
ใครๆ ก็สามารถจะเป็น HR ได้ ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่ความเข้าใจผิด...เพียงแต่...นั่น...
ไม่ใช่ทั้งหมดของการที่จะมาเป็น HR ที่ดีและเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง
ดังนั้นเราจึงต้องเปิดหลักสูตรให้ศึกษากันเฉพาะทาง ที่ต่างประเทศจะนี้สาขานี้ให้เรียนโดยตรง
แต่การจะเป็น HR ในประเทศไทยได้นั้น โดยทั่วไป มีทั้งหมด 3 ช่องทาง
1. จากการเรียนในมหาวิทยาลัย
ในส่วนนี้ก็คงหนีไม่พ้นการเรียนในคณะ
ที่มีรายวิชาเกี่ยวข้องกับงานด้านการบริหารบุคคลหรือการบริหารธุรกิจด้านต่างๆ
ได้แก่ คณะศิลปศาสตร์ เอกจิตวิทยาหรือจิตวิทยาอุตสาหกรรม /
คณะรัฐศาสตร์ เอกบริหารรัฐกิจ, เอกการปกครอง, เอกรัฐประศาสนศาสตร์ /
คณะพาณิชยศาสตร์ เอกบริหารทรัพยากรมนุษย์
ซึ่งทั้ง 3 คณะนี้เป็นคณะที่เปิดสอนในรายวิชาที่มีเนื้อหาค่อนข้างเกี่ยวข้องกับงาน HR โดยตรง
ส่วนคณะที่มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องอยู่บ้าง ก็คือ คณะสังคมสงเคราะห์
คณะสังคมวิทยาและมนุษยวิทยา เป็นต้น
แต่ถ้าคุณสนใจจะทำงานใน Fun Department ล่ะก็
เรื่องคณะที่จบก็ไม่ต้องไปสนใจหรือให้ความสำคัญก็ได้
สำหรับช่องทางแรกนี้ ถ้าคุณมีความสนใจงานด้าน HR ตั้งแต่ต้น ซึ่งหมายถึงก่อนเอ็นทรานซ์
ก็คงไม่ยากนักที่จะมุ่งมั่นสอบหรือสมัครเข้ารียนในคณะที่กล่าวถึงข้างต้น
แต่ถ้าคุณเพิ่งมารู้ทีหลัง หลังจากได้ร่ำเรียนในคณะอื่น เช่น คณะวิทยาศาตร์ คณะเศรษฐศาสตร์
หรือแม้แต่คณะครุศาสตร์มาแล้วจนจบ คราวนี้คุณก็อาจต้องหาตัวช่วยในช่องทางที่สองแล้วล่ะ
2. จากทักษะความสามารถเฉพาะตัวที่เหมาะกับงาน HR
ถ้าคุณไม่ได้เรียนมาโดยตรง สิ่งที่จะช่วยชีวิตคุณได้ หากคุณอยากมาพักพิงกับฝ่าย HR ก็คือ
การพยายามขายตัวเองในวันสัมภาษณ์งาน ทำให้ผู้สัมภาษณ์เห็นว่าคุณมีทักษะ
มีความสามารถเพียงพอที่จะรับผิดชอบงานได้
คุณอาจต้องใช้ความพยายามมากกว่าคนอื่นที่จบมาโดยตรงมาซักหน่อย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีหนทางนะ
มีเพื่อนของฉันคนหนึ่ง จบจากคณะวิทยาศาสตร์ สาขาสถิติ
แต่เจ้าหล่อนอยากทำงาน HR ในฝ่ายสรรหามากๆ ดูเหมือนว่าไม่มีทางเป็นไปได้เลยใช่มั้ย?
แต่เธอก็สามารถทะลุผ่านเส้นชัยไปได้
ด้วยการนำเสนอตัวเองอย่างเต็มที่ว่าชอบการวิเคราะห์คนจากพฤติกรรมที่แสดงออกมา
ชอบการสังเกต แล้วนำมาวิเคราะห์และประมวลผลต่อ
ช่างตรงกับคอนเซ็ปท์ของวิชาสถิติที่เรียนมาเสียนี่กระไร
จนตอนนี้เธอก็ได้ทำงานสรรหาสมใจมาแล้วถึง 5 ปี
หรืออีกคนตอนเรียนอยู่เคยไปลงวิชาเลือกของสาขาบริหารรัฐกิจ คณะรัฐศาสตร์
ทั้งที่ตัวเองเรียนอยู่คณะวารสารศาสตร์ ทำให้ค้นพบตัวเองว่าอยากทำงาน Training & Development
ขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว เพราะมองว่างานการพัฒนาบุคลากรมีความน่าสนใจ
และทักษะด้านการสื่อสารที่ตัวเองเรียนมาโดยตรงน่าจะช่วยให้งานฝึกอบรมสัมมนา
และพัฒนาประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น เพราะการที่จะทำให้กลุ่มเป้าหมายได้รับข่าวสารข้อมูล
เพื่อให้เกิดแนวคิดหรือมุมมองใหม่ๆ แล้วนำมาปรับใช้ในการทำงานของตนได้นั้น
ช่องทางและวิธีการสื่อสารน่าจะมีส่วนช่วยได้มาก ดังนั้น การวิเคราะห์สื่อ ช่องทางการสื่อสาร
และกลุ่มเป้าหมายจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรให้ความสนใจมากๆ...
และตอนนี้เขาคนนั้นก็กลายมาเป็นวิทยากรฝึกอบรมสัมมนาในองค์กรหนึ่งไปซะแล้ว หลังจากบ่มเพาะ
สั่งสมความรู้และประสบการณ์มาได้พักใหญ่ เขามีวันนี้ได้ เพราะการขาย (ทักษะความสามารถของ)
ตัวเองในห้องสัมภาษณ์งานจริงๆ
เห็นมั้ย...แค่รู้ว่าทักษะความสามารถที่โดดเด่นของตัวเองคืออะไร
แล้วทักษะความสามารถนั้นจะสามารถช่วยให้การทำงานที่หมายมั่นปั้นมือประสบความสำเร็จได้อย่างไร
เมื่อจับมาเชื่อมโยงกันได้ เท่านี้...ทุกอย่างก็อยู่ในการควบคุมของเราแล้ว
อ้อ...ช่องทางนี้ใช้ได้ดีกับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนสายงานด้วยนะ
3. จากประสบการณ์ทำงานหรือฝึกงาน
อ่านจบมาสองช่องทางแล้ว อาจมีหลายคนที่ยังมองไม่เห็นประตูที่จะพาตัวเองเข้าสู่งาน HR ซักที
ช่องทางที่สามอาจช่วยคุณได้ ประสบการณ์ทำงาน อาจเป็นงาน Part time ในขณะที่เรียนอยู่
หรือการฝึกงานก็ตามแต่ ให้คุณเลือกทำงานหรือฝึกงานในฝ่าย HR ขององค์กร
การทำงาน Part time หรือฝึกงานนั้น วิธีการสรรหาหรือคัดเลือกคนจะไม่ยุ่งยาก
หรือมีการกำหนดขั้นตอนมากและเคร่งครัดเท่าการสรรหาพนักงานประจำ
ดังนั้น โอกาสที่คุณจะผ่านการสรรหาจึงมีค่อนข้างมาก ขอให้เลือกใช้โอกาสนี้ให้เต็มที่
ถ้าคุณอยากมาเป็น HR แต่ไม่สามารถกลับไปเอ็นทรานซ์ใหม่ได้แล้ว
เพียงแค่คุณมีใบรับรองว่าคุณเคยผ่านการทำงาน Part time
หรือการฝึกงานในงานด้านไหนก็ได้ของฝ่าย HR
คุณก็จะมีคุณสมบัติใกล้เคียงหรือเทียบเท่ากับเพื่อนๆ ที่จบมาโดยตรงเลยล่ะ
จะเห็นได้ว่าช่องทางเพื่อนำคุณเข้าสู่งาน HR มีให้เลือกถึง 3 ช่องทาง
ขึ้นอยู่กับคุณแล้วล่ะว่าจะเลือกช่องทางไหนที่เหมาะกับคุณมากที่สุด
อาจเป็นไปได้ว่าคุณต้องใช้มากกว่าหนึ่งช่องทาง
หากสถานการณ์หางานในตอนนั้นมีการแข่งขันกันมากเหลือเกิน
หรือคุณอยากเข้าไปเป็น HR ในองค์กรที่ใครๆ ก็อยากเข้าไป
“ในเมื่อเก้าอี้มีอยู่น้อย คนที่เหมาะสมและมีคุณค่ามากที่สุดเท่านั้นถึงจะได้สิทธิ์นั่ง”
วิธีเดียวที่จะทำให้คุณเป็น...คนที่เหมาะสมและมีคุณค่ามากที่สุด...ก็คือ...
“พัฒนาทักษะและความสามารถของตัวเองไปในทิศทางที่สอดคล้องกับสิ่งที่ตำแหน่งนั้นๆ คาดหวัง”...
แค่นี้จริงๆ ...
========================================================
Cedit: ปนัฎดา สังข์แก้ว
Managing Director and Learning Consultant
People Synergy Co.,Ltd.
http://ow.ly/y027Z