How to Train Your Dragon 2: Rating (A) *****8/10*****
แม้ไม่ได้สนุก ตื่นตาตืนใจ เรียงเสียงฮาปนน่ารักแบบภาคแรก แต่ How to Train Your Dragon ภาคนี้มาพร้อมกับเรื่องราวพลอทหลักที่หนักอึ้ง ถ้าภาคแรกคือเรื่องราวของการพิสูจน์ตัวเองกับพ่อของฮิคคัพ ภาคสองคือการก้าวข้ามกำแพงความคาดหวังที่พ่อสร้างไว้พร้อมกับพิสูจน์ว่าที่จริงแล้วเค้าเกิดมาเพื่ออะไร ซึ่งหนังเล่นประเด็นนี้ควบคู่ไปกับประเด็นครอบครัวได้ดีมาก ชวนเรียกน้ำตา(ทั้งแห่งความยินดีและความโศกเศร้า) แม้จะมีบางซีนที่รู้สึกว่าถ้าขยี้อีกนิดนึงมันจะสุดยอดมากเลย แต่แค่นี้เด็กที่ดูในโรงก็ร้องไห้กันระงมแล้ว ฮ่าๆๆๆ แต่ถึงแม้เรื่องราวจะดราม่ามากกว่าภาคแรกอยู่พอสมควร หนังก็ยังไม่ลืมที่จะปล่อยมุกตลกต่างๆเข้ามาเพื่อช่วยให้บรรยากาศดูดีและไม่น่าเบื่อเกินไป
ใครที่ติดใจความน่ารักของเหล่ามังกรมาจากภาคแรก ไม่ต้องห่วงเลย ภาคนี้มีให้ดูกันแบบจุใจ ซึ่งแต่ละตัวก็จะมีฉากเท่ๆมาโชว์ด้วย โดยเฉพาะ Toothless พระเอกของเรื่อง ที่เวลาทำตัวน่ารักก็แบ๊วเวอร์ พอฉากเท่ก็เท่พอๆกับ Godzilla เลย (แม้จะผอมกว่าเยอะก็ตาม)
เรื่อง 3D ผมว่า ก็ควรดูเป็น 3D นะครับ แต่ถ้าดูแค่ 2D ธรรมดาก็คงไม่เสียหายเพราะรู้สึกว่าจุดขายของภาคนี้น่าจะอยู่ที่เนื้อเรื่องมากกว่า ซึ่งถ้าดู 2D ก็จะได้อรรถรสที่ใช้ได้เลย
โดยรวมแล้ว How to Train Your Dragon ภาคนี้ แม้จะไม่ได้รู้สึกแปลกใหม่เหมือนภาคแรก แต่ก็ยังสร้างมาตรฐานของแอนิเมชขั่นที่ดีและเพิ่มความเข้มข้นให้กับเนื้อเรื่องและตัวละคร ซ้ำยังตอกย้ำว่ามันคือแฟรนไชส์แอนิเมชั่นที่ผมชื่นชอบที่สุดอ ในระยะยาวกับการชิงรางวัลเอนิเมชั่นยอดเยี่ยมแห่งปีแล้ว น่าจะเบียดกับ The Lego Movie ได้อย่างสูสีเลย(ส่วนตัวยังชอบเลโก้มากกว่า)
[CR] [Review] How to Train Your Dragon 2: Rating (A) *****8/10*****
แม้ไม่ได้สนุก ตื่นตาตืนใจ เรียงเสียงฮาปนน่ารักแบบภาคแรก แต่ How to Train Your Dragon ภาคนี้มาพร้อมกับเรื่องราวพลอทหลักที่หนักอึ้ง ถ้าภาคแรกคือเรื่องราวของการพิสูจน์ตัวเองกับพ่อของฮิคคัพ ภาคสองคือการก้าวข้ามกำแพงความคาดหวังที่พ่อสร้างไว้พร้อมกับพิสูจน์ว่าที่จริงแล้วเค้าเกิดมาเพื่ออะไร ซึ่งหนังเล่นประเด็นนี้ควบคู่ไปกับประเด็นครอบครัวได้ดีมาก ชวนเรียกน้ำตา(ทั้งแห่งความยินดีและความโศกเศร้า) แม้จะมีบางซีนที่รู้สึกว่าถ้าขยี้อีกนิดนึงมันจะสุดยอดมากเลย แต่แค่นี้เด็กที่ดูในโรงก็ร้องไห้กันระงมแล้ว ฮ่าๆๆๆ แต่ถึงแม้เรื่องราวจะดราม่ามากกว่าภาคแรกอยู่พอสมควร หนังก็ยังไม่ลืมที่จะปล่อยมุกตลกต่างๆเข้ามาเพื่อช่วยให้บรรยากาศดูดีและไม่น่าเบื่อเกินไป
ใครที่ติดใจความน่ารักของเหล่ามังกรมาจากภาคแรก ไม่ต้องห่วงเลย ภาคนี้มีให้ดูกันแบบจุใจ ซึ่งแต่ละตัวก็จะมีฉากเท่ๆมาโชว์ด้วย โดยเฉพาะ Toothless พระเอกของเรื่อง ที่เวลาทำตัวน่ารักก็แบ๊วเวอร์ พอฉากเท่ก็เท่พอๆกับ Godzilla เลย (แม้จะผอมกว่าเยอะก็ตาม)
เรื่อง 3D ผมว่า ก็ควรดูเป็น 3D นะครับ แต่ถ้าดูแค่ 2D ธรรมดาก็คงไม่เสียหายเพราะรู้สึกว่าจุดขายของภาคนี้น่าจะอยู่ที่เนื้อเรื่องมากกว่า ซึ่งถ้าดู 2D ก็จะได้อรรถรสที่ใช้ได้เลย
โดยรวมแล้ว How to Train Your Dragon ภาคนี้ แม้จะไม่ได้รู้สึกแปลกใหม่เหมือนภาคแรก แต่ก็ยังสร้างมาตรฐานของแอนิเมชขั่นที่ดีและเพิ่มความเข้มข้นให้กับเนื้อเรื่องและตัวละคร ซ้ำยังตอกย้ำว่ามันคือแฟรนไชส์แอนิเมชั่นที่ผมชื่นชอบที่สุดอ ในระยะยาวกับการชิงรางวัลเอนิเมชั่นยอดเยี่ยมแห่งปีแล้ว น่าจะเบียดกับ The Lego Movie ได้อย่างสูสีเลย(ส่วนตัวยังชอบเลโก้มากกว่า)