จากข่าว

กรณีเหตุการณ์ นายบัวลำ โง๊ะบุดดา ผู้อำนวยการโรงเรียน ผู้อำนวยการโรงเรียน บ้านวังน้ำขาวชนูปถัมภ์ จังหวัดหนองบัวลำภู มีอาการลมชักหรือลมบ้าหมูกำเริบ ขับรถพุ่งชน นักเรียนชั้นประถม เสียชีวิต 4 คน บาดเจ็บ อีก 10 คน ก็มีคำถามถึงโรคนี้ว่า เป็นอาการในลักษณะไหน และสามารถขับรถได้หรือไม่

เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายแพทย์สมชาย โตวณะบุตร ผู้ทรงคุณวุฒิ อายุรกรรม สาขาประสาทวิทยา สถาบันประสาทวิทยา ในฐานะนายกสมาคมโรคลมชักแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สำหรับโรคลมชักเกิดจากความผิดปกติของเซลล์สมองบริเวณผิวสมอง ซึ่งจะปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมาจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ จะเกิดอาการเหมือนถูกไฟฟ้าชอร์ต เกร็งและกระตุก ซึ่งการรักษาผู้ป่วยโรคลมชักจะแนะนำทุกครั้งว่าไม่ควรขับรถ เพราะหากอาการกำเริบขึ้นมา ไม่เพียงตัวเองที่จะบาดเจ็บ ยังอาจเกิดอุบัติเหตุต่อชีวิตผู้อื่นเช่นกรณีนี้ด้วย ที่น่าห่วงคือประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายห้ามคนเป็นโรคลมชักขับรถ หากเป็นยุโรปหรือสหรัฐอเมริกา จะมีกฎหมายระบุไว้ชัดเจนว่าห้ามขับรถ เว้นแต่มีใบรับรองแพทย์ยืนยันว่าผู้ป่วยมีการกินยาอย่างต่อเนื่อง และไม่เคยเกิดอาการชักอย่างต่ำ 6 เดือน 1 ปี จึงจะสามารถขับรถได้

เมื่อตรวจสอบกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการสอบใบขับขี่รถยนต์ พบว่า กฎหมายกำหนดโรคต้องห้ามในการขับขี่รถยนต์เพียง 5 โรค เท่านั้น คือ
1.ไม่เป็นโรคติดต่อเป็นที่รังเกียจ
2.ไม่เป็นบุคคลวิกลจริต
3.ไม่ติดสุรา
4.ไม่ติดยาเสพติด
5.ไม่ติดวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท

เมื่อปี 2551 มีความพยายามแก้ไขร่างแก้ไขข้อบังคับใบรับรองมาตรฐานสุขภาพ ก่อนสอบใบขับขี่ โดยเพิ่ม กลุ่มโรคที่อาจเป็นปัญหาต่อการขับขี่รถ เช่น โรคเบาหวาน โรคลมชัก หรือบ้าหมู มือเท้ากระตุก และโรคที่เกี่ยวกับตาและการได้ยิน  จะไม่ให้กลุ่มบุคคลที่มีโรคเหล่านี้ สอบใบขับขี่  แต่การแก้ไขร่างดังกล่าวปรากฏว่าไม่มีความคืบหน้าจนถึงปัจจุบัน

เครดิต : http://m.bugaboo.tv/watch/125844


สรุปเด็กตายฟรีสินะ อืมม ทางอาญาไม่มีการกระทำก็ไม่ผิด  -_-

ใครเป็นโรคนี้ไม่น่าขับรถเลยจริงๆ ไหนๆกำลังปรับปรุงเรื่องใบขับขี่จัดการเรื่องนี้ต่อเลยก็ดี