กว่า 3 ปีที่ผ่านมา ผมได้รู้จักเกาะพยาม ผ่านเสียงเพลงเร๊กเก๊ของน้าจ๊อบ บรรจบ ด้วยความชื่นชอบในตัวศิลปินเป็นพิเศษ ทำให้หัวใจนักเดินทางสูบฉีดโดยพลัน นับแต่ได้รอนแรมจนถึงดินแดนซ่อนเร้น แห่งอันดามันเหนือ เกาะแห่งนี้ก็กุมหัวใจผมจนดิ้นไม่หลุด ^^ เมื่อหลายปีก่อนข้อมูลการเดินทางสู่เกาะพยามก็น้อยนิด ยิ่งกว่าเกาะกาลาปากอส !! แต่นี่อาจเป็นเสน่ห์อย่างนึงของการเดินทาง หลายสิ่งที่พานพบย่อมอยู่เหนือจินตนาการของเรา ทำให้รู้สึกเหมือนได้ออกผจญภัยตั้งแต่เริ่มก้าวขาออกจากบ้าน ถึงแม้รีวิวนี้อาจไม่ใช่ปฐมบทในการเดินทางสู่เกาะพยาม แต่เป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 3 ปี ด้วยความคิดถึงทุกปี ถึงแม้หลายเกาะขึ้นชื่อในเมืองไทยที่ได้พบพานจะโชว์ความใสจนเกือบหลงรัก แต่เสน่ห์ของทะเลอาจไม่ได้อยู่ที่น้ำใส หาดสวยเพียงเท่านั้น จะมีสักกี่ที่ ที่ทำให้คุณไปท่องเที่ยว ณ ที่เก่าเวลาเดิมได้ ทุกปี จัดเป้ขึ้นหลังแล้วตามผมมาเลยคร้าบบบ
เรื่องราวการเดินทางที่ถูกจดจำได้ดี มักเกิดขึ้นในเวลาที่เราไม่ได้เตรียมพร้อมเสมอ
สิ่งเดียวของผมที่นิสัยเสียคือ ไม่เคยเตรียมพร้อมที่จะเที่ยว นึกอยากไปก็เตรียมตัวสองวัน แล้วก็โกย ตั๋วก็จองก่อนเดินทางวันเดียว ครั้งก่อนก็ไปซื้อตั๋ววันเดินทางเพราะมั่นใจว่าว่างชัวร์ ระนองคนไปน้อย ที่ไหนได้เต็มทุกบริษัท ดีที่ยังเหลือ ป2 ให้เกาะไป มาคราวนี้จองผ่านเนต จ่ายทางเซเว่น เส้น กทม-ระนอง หลักๆ มีวิ่ง 2 บริษัท คือ โชคอนันต์ทัวร์ กับ นิวมิตรทัวร์ คุณภาพค่อนข้างดี พอกันทั้งคู่ ผมได้ลองนั่งทั้งสองบริษัทแล้ว แต่เทใจให้โชคอนันต์เรื่องจุดจอดพัก ที่สะอาดปลอดภัยกว่า ครั้งนี้ได้ลองไปกับนิวมิตรทัวร์ เพราะจองตั๋วผ่านเนตได้ง่ายกว่าโชคอนันต์
หลักการเดินทางผมง่ายๆเลยคือเน้นปลอดภัยครับไม่เน้นถูกเข้าว่า เลยเลือกไป VIP 32 ที่นั่ง ราคา 544 บาท ขับรถดีมีวินัย ปลอดภัยไม่มี 55
เวลารถออกไม่ต้องคิดมากครับ มีแค่ 2 ทุ่มถึง 3 ทุ่มครึ่ง ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 11 ชม.ไปถึงราว 6 โมง -7 โมงเช้า
พอมาถึงระนองจะเลือกลงที่ขนส่ง หรือที่บริษัทก็ได้ ถ้าลงขนส่งก็เดินออกมาต่อสองแถวสีฟ้า ถ้าลงบริษัทก็ต่อสองแถวสีแดง ง่ายม่ะ ค่ารถคนละ 15 บาท แต่บอกก่อนนะไม่จำเป็นต้องนั่งวินมอเตอร์ไซด์ รึเหมารถไป มันเปลืองตังค์เปล่าๆ ไปถึงเร็วก็เท่านั้น นั่งสองแถวดูชีวิตคนพม่าช่วงเช้าๆเพลินดี โบกสองแถวแล้วไม่แน่ใจก็ถามเค้าได้ ว่าผ่านท่าเรือสะพานปลารึเปล่า คนระนองน่ารัก คอนเฟิร์ม!!
สองแถวแดงจะไม่เข้าไปส่งถึงท่าเรือ เราต้องลงที่หน้าป้อมตำรวจ ลงแล้วอย่าพึ่งเดินเข้าไป ข้ามฝั่งไปหาไรกินในเซเว่นก่อน รึหาของกินตุนๆไว้ก็ดี เสดแร้วก็ข้ามถนนมาฝั่งตรงข้ามจะมีซอยไปยังท่าเรืออยู่เยื้องๆ เดินเข้าไปโล้ด ประมาณ 1 กม. ชิวๆ
มาถึงก็อย่าตกใจว่านี้ใช่ท่าเรือท่องเที่ยวแน่หรือ เพราะมันคือท่าเรือท่องเที่ยวจริงๆ 555
มีร้านค้าอยู่ 2-3 ร้าน แถวท่าเรือ ขายอาหาร ใครใคร่กินก็กิน ผมโซ้ยมาม่าคัพเรียบร้อยแระ นั่งแปลงฟันรอสักพัก ไม่เกิน 8 โมงเดี๋ยวก็มีคนมาตั้งโต๊ะขายตั๋ว ราคาค่าเรือ แยกเป็น 2 ประเภท คือเรือเร็วกับเรือช้า -เรือเร็ว (speed boat) ราคา 350/เที่ยว -เรือช้า (เรียก slow boat มั้ง) ราคา 200/เที่ยว ใครรีบก็ไปเรือรีบ ผมอยู่หลายวันขอไปช้าๆ เรือช้าจะออกตอน 9.30 น.เพราะต้องรอน้ำขึ้น เรือถึงจะลอยได้ อืมมม
บนเรือประมงดัดแปลงมุ่งหน้าสู่เกาะพยาม อย่าตกใจที่บางทีอาจมีวัสดุก่อสร้างอิฐหินปูนทรายถูกขนขึ้นเต็มลำเรือ ถึงจะมาหลายครั้งแล้วแต่ผมก็ยังเป็นเด็กเดินพล่านรอบเรือเหมือนเดิม ปีนขึ้นดาดฟ้าท้ายเรือบ้างหัวเรือบ้าง เหมือนพยายามหาล๊อบบี้หรือสระว่ายน้ำบนเรือ 55
เรือเมล์สู่เกาะพยาม ค่อยๆลอยลำออกสู่ปากน้ำระนอง ช่วงนี้ถือเป็นไฮไลของการท่องเที่ยวแบบเรียนรู้ไม่เร่งรีบ สำหรับคนชอบดูเรือ ดูวิถีชาวเลนะปีนขึ้นดาดฟ้าเรือไปนั่งดูวิวกันเถอะครับ ไม่ต้องกลัวแดดร้อน เพราะแดดมันร้อนอยู่แร้วว ^^....
เห็นเรือรีบวิ่งแซงไปแล้ว วิวสวยๆกำลังตามหลังไป ขอดูฟ้าใสอีกแป่บนะ เดี๋ยวจะเร่งเครื่องตาม เกาะแก่งที่มองเห็นส่วนใหญ่อยู่ในเขตน่านน้ำประเทศพม่าทั้งหมดครับ เห็นเกาะสองอยู่ลิบๆ ตรงที่มีเรือเดินทะเลลำใหญ่จอดอยู่ เกาะนี้เป็นแหล่งคาสิโนสุดหรูของพม่าครับ
เริ่มออกสู่ท้องทะเลแห่งอันดามันแหนือแร้วววว มีเกาะแก่งเล็กๆ เรียงรายเยอะมาก บางเกาะยังเป็นข้อพิพาทอยู่ว่าเป็นของใครกันแน่ เส้นแบ่งเขตไม่ชัดเจนอีกแระ แต่ก็ทำให้ธรรมชาติบนเกาะดิบสดสุดติ่ง เพราะห้ามขึ้นทั้งไทยและพม่า เห็นแร้วน่าแคมป์ปิ้งสุดๆ เสียดาย
เห็นฟ้าใส แดดสวย อย่าคิดว่ารอด นี่เมืองฝนแปด แดดสี่ แป่บเดียวเท่านั้น ความสนุกมาเยือน
ฝนผ่านไปเหมือนพรมน้ำมนต์ เรือแล่นนิ่ง คนก็เริ่มนิ่ง ลงไปสัปหงกข้างล่างสักพัก พอเหลือบตามาเห็นสัญลักษณ์อันคุ้นเคยก็กลับขึ้นดาดฟ้าเรือใหม่ เพราะใกล้ถึงเกาะหย้ามมมแร้ว
การขึ้นเหยียบเกาะเป็นครั้งที่ 3 อารมณ์เหมือนได้กลับมาเยี่ยมบ้านซะงั้น 55
เรือจอดเทียบที่ท่าเรืออ่าวแม่หม้าย ก่อนเที่ยงวัน มีชาวบ้านมายืนรอรับสินค้าที่สั่งมาจากบนฝั่งและติดมากับเรือเป็นกิจวัตร ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์ผักผลไม้ ไปจนถึงอิฐหินปูนทรายที่ใช้ในการสร้างบ้านกันเลยเชียว ผมก็นั่งมาบนกระเบื้องหลังคาบ้าน เอิ๊ก ได้ยินแล้วผมถือว่าเป็นเรื่องดีสำหรับชาวแบ็คแพ็คที่ยังมีเรือเมล์วิ่งข้ามไปเกาะทุกวัน ไม่ต้องเหมาเรือราคาแพงเพื่อมาเที่ยว
ช่วงกลางเดือนพฤษภาคมที่ผมมาถือว่าเป็นช่วงโลซีซั่นของที่นี่ ทำให้บรรยากาศแถวท่าเรือเงียบหงอยกว่าหลายครั้งที่มาตอนเดือนมีนาคมและเมษายน ได้เห็นพี่วินมอไซด์ผูกเปลนอนใต้ต้นไม้อย่างไม่สนใจการมาถึงของนักท่องเที่ยวในช่วงนี้เท่าไหร่ ใครขับมอเตอร์ไซด์ไม่เป็นก็ให้พี่วินไปส่งตามหาดต่างๆหรือรีสอร์ทที่หมายตาไว้ก็ได้ ใครขับเป็นก็หาเช่าได้ มีให้เลือกหลายร้านตามสบาย รึจะไปเช่าร้านเดียวกับผมก็ได้ ชื่อร้านสวัสดีมอเตอร์ไซด์ มีเจ้าของร้านชื่อพี่ศอ รูปหล่อ ใจดี คุยเก่ง แต่ราคาไม่ลดนะ วันละ 150 บาท น้ำมันนำเข้าจากคูเวตแท้ๆลิตรละ 50 บาท ^^ แถมแผนที่ให้ทัศนารอบเกาะ พร้อมแนะนำที่พักราคาเบาให้เลือกเฟ้น ก็แกนั่นแหละผมถึงรู้จักบ้านสวนกาหยู 2 จะไปก็ซ้อนท้ายมาเร้ยย
ถนนบนเกาะพยามกว้างแค่พอมอเตอร์ไซด์สวนกันได้ เส้นทางหลักจะอยู่กลางเกาะแล้วจึงแยกย่อยลงสู่หาดต่างๆ ยิ่งถ้าขับเลยโรงเรียนเกาะพยามขึ้นไปทางเหนือของเกาะ ทางจะเริ่มแคบสลับดินลูกรังบางช่วง สองข้างทางก็ยังเป็นป่าทึบ ได้อารมณ์สุดๆ ผมยังคงมาพักที่เดิมทุกปีเพราะรู้สึกคุ้นเคยกับมิสเตอร์โบโบ้(ผมตั้งชื่อให้เค้าเอง)ผู้ดูแลบังกาโลชาวพม่า สุภาพ อ่อนน้อม ดูแลดี ยิ้มแย้มทุกครั้งที่ทักทาย แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่ทำให้ประทับใจ แต่บอกก่อนนะว่าถ้ามาพักที่บ้านสวนกาหยู 2 มิสเตอร์โบโบ้คนดูแลบังกาโลพูดได้แต่ภาษาอังกฤษกับพม่าเท่านั้นนะครับ แต่มาปีนี้เริ่มฟังไทยได้บ้างแล้ว อ้อ ลืมบอกไป ค่าที่พักที่นี่คืนละ 500 บาท มีอยู่แค่ 6 หลัง และสร้างห่างๆกัน private สุดๆ
มาคราวนี้ผมโทรไปจองหลังที่อยู่ติดทะเลที่สุด เพราะส่วนใหญ่หลังที่วิวสวยๆจะโดนฝรั่งซิวไปก่อน รึไม่ก็มาอยู่จนรากงอกแล้ว 55 ส่วนใหญ่จะเป็นพวกเร๊กเก้รักสงบ มานอนอ่านหนังสือ เล่นน้ำ เดินสำรวจเกาะ กินดื่ม นอน อ่าาาชีวิตบรมสุข ^^ ภายในบังกะโลแต่ละหลังบอกได้เลยว่าธรรมดาสุดๆ 1เตียง 1มุ้ง 1พัดลม ห้องน้ำในตัว หน้าต่างรอบทิศทาง ใครมาหน้าร้อนต้องอดทน หากลมไม่กระดิก ที่นี่จะปั่นไฟแค่ 18.00-22.00น. ที่เหลือธรรมชาติล้วนๆ ผมเปิดหน้าต่างนอนเรย โชคดีที่ช่วงนี้ฝนตกตอนค่ำ อากาศเลยเย็นสบาย
มีญาติมาทักทายถึงหน้าบ้านพัก ร้องเรียกกันระงม ถ่ายมาได้แค่นี้แหละ TTนู่นนนบนยอดไม้
ผมว่านี่คือเสน่ห์ของหมู่เกาะในเขตร้อนชื้นของบ้านเรา เป็นที่ที่เราจะได้ยินเสียงนกแก๊ก หรือนกเงือกสายพันธุ์เล็ก นกประจำถิ่นของเกาะพยามบินโฉบผ่านหัวเราไปมา นี่คือตัวชี้วัดถึงธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ฟังแล้วเพลินอุรายิ่งนัก
โยนเป้เก็บที่พัก คีบแตะหนีบ แล้วออกสำรวจเกาะกันดีกว่า ที่แรกที่ผมจะพาไปคือวัดเกาะพยามครับ อยู่ทางฝั่งท่าเรืออ่าวแม่หม้าย ไหว้พระใหญ่ เดินเที่ยวอุโบสถกลางทะเล และใกล้ๆวัดจะมีศาลพ่อตาหินขาว สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวเกาะพยามให้ความเคารพบูชา ให้คุ้มครองยามต้องออกเล หาปลา หากใครมาไหว้แล้วจะได้กลับมาทุกปีเหมือนผม เอิ๊ก
ที่ต่อมาสำหรับช่วงบ่ายนี้ เส้นทางสู่อ่าวคอกิ่ว ไปทางเดียวกับอ่างเก็บน้ำ เป็นทางปูนแคบๆตัดผ่านสวนยางตลอดเส้นทาง ไกลพอสมควรแต่มาแล้วต้องลุย
ตัวอ่าวคอกิ่วต้องเดินลงสู่ชายหาดเบื้องล่าง มีหาดทรายเล็กๆ และกองหินเล็กใหญ่อยู่มากมาย เหมือนหาดเจดีย์หิน ออกแนวน่ากลัวนิดๆถ้ามาน้อยคน ชายทะเลส่วนใหญ่เป็นหินโสโครกแต่มีแนวปะการัง ดำดูได้ อีกด้านมีที่พักแนวโจรสลัดอยู่ด้วยนะ ลึกลับตื่นเต้นดี เงียบบบ ป้าดด
อีกมุมนึงของอ่าวคอกิ่ว ออกแนว ไพเรท ออฟ แคริเบียน หาดนี้จะอยู่ทางใต้สุดของเกาะ บอกได้คำเดียวว่าไกล แต่คุ้ม
ขับย้อนขึ้นเหนือ ถึงแยกโรงเรียนเลี้ยวซ้าย ขับไปเรื่อยๆ เจอแยกเลี้ยวขวาทางไปบัพฟาโร่เบย์รีสอร์ท ตามทางไปเรื่อยจะเจอหาดนี้ครับ งามสุดโต่ง เงียบสุดติ่ง หาดนี้เป็นอีกมุมของอ่าวเขาควายครับ กว่าผมจะหาเจอต้องใช้เวลา 3 ปี เอิ๊ก
หาดทรายแถวนี้ดูจะขาวกว่าทุกหาด แต่ไฮไลท์อยู่ที่ โขดหินรูปร่างแปลกตา ใครชอบถ่ายรูป ระวังเมมเต็มเด้อ
ซุ้มประตู ที่นี่ก็มีนะ ยิ่งใกล้ช่วงอาทิตย์อัสดงด้วยแล้ว นี่คือสุดยอดแห่งความทรงจำ !!
กลับมาเดินย่ำหาดทรายสีทอง ก่อนตะวันลับขอบฟ้า ณ อ่าวเขาควาย หน้าบังกะโลที่พัก งดงามเกินบรรยาย
แสงมีช่วงเวลาที่สวยงาม...ชีวิตก็เป็นเช่นนั้น
[CR] รอนแรม แบ็คแพ็ค เกาะพยาม
เรื่องราวการเดินทางที่ถูกจดจำได้ดี มักเกิดขึ้นในเวลาที่เราไม่ได้เตรียมพร้อมเสมอ
สิ่งเดียวของผมที่นิสัยเสียคือ ไม่เคยเตรียมพร้อมที่จะเที่ยว นึกอยากไปก็เตรียมตัวสองวัน แล้วก็โกย ตั๋วก็จองก่อนเดินทางวันเดียว ครั้งก่อนก็ไปซื้อตั๋ววันเดินทางเพราะมั่นใจว่าว่างชัวร์ ระนองคนไปน้อย ที่ไหนได้เต็มทุกบริษัท ดีที่ยังเหลือ ป2 ให้เกาะไป มาคราวนี้จองผ่านเนต จ่ายทางเซเว่น เส้น กทม-ระนอง หลักๆ มีวิ่ง 2 บริษัท คือ โชคอนันต์ทัวร์ กับ นิวมิตรทัวร์ คุณภาพค่อนข้างดี พอกันทั้งคู่ ผมได้ลองนั่งทั้งสองบริษัทแล้ว แต่เทใจให้โชคอนันต์เรื่องจุดจอดพัก ที่สะอาดปลอดภัยกว่า ครั้งนี้ได้ลองไปกับนิวมิตรทัวร์ เพราะจองตั๋วผ่านเนตได้ง่ายกว่าโชคอนันต์
หลักการเดินทางผมง่ายๆเลยคือเน้นปลอดภัยครับไม่เน้นถูกเข้าว่า เลยเลือกไป VIP 32 ที่นั่ง ราคา 544 บาท ขับรถดีมีวินัย ปลอดภัยไม่มี 55
เวลารถออกไม่ต้องคิดมากครับ มีแค่ 2 ทุ่มถึง 3 ทุ่มครึ่ง ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 11 ชม.ไปถึงราว 6 โมง -7 โมงเช้า
พอมาถึงระนองจะเลือกลงที่ขนส่ง หรือที่บริษัทก็ได้ ถ้าลงขนส่งก็เดินออกมาต่อสองแถวสีฟ้า ถ้าลงบริษัทก็ต่อสองแถวสีแดง ง่ายม่ะ ค่ารถคนละ 15 บาท แต่บอกก่อนนะไม่จำเป็นต้องนั่งวินมอเตอร์ไซด์ รึเหมารถไป มันเปลืองตังค์เปล่าๆ ไปถึงเร็วก็เท่านั้น นั่งสองแถวดูชีวิตคนพม่าช่วงเช้าๆเพลินดี โบกสองแถวแล้วไม่แน่ใจก็ถามเค้าได้ ว่าผ่านท่าเรือสะพานปลารึเปล่า คนระนองน่ารัก คอนเฟิร์ม!!
สองแถวแดงจะไม่เข้าไปส่งถึงท่าเรือ เราต้องลงที่หน้าป้อมตำรวจ ลงแล้วอย่าพึ่งเดินเข้าไป ข้ามฝั่งไปหาไรกินในเซเว่นก่อน รึหาของกินตุนๆไว้ก็ดี เสดแร้วก็ข้ามถนนมาฝั่งตรงข้ามจะมีซอยไปยังท่าเรืออยู่เยื้องๆ เดินเข้าไปโล้ด ประมาณ 1 กม. ชิวๆ
มาถึงก็อย่าตกใจว่านี้ใช่ท่าเรือท่องเที่ยวแน่หรือ เพราะมันคือท่าเรือท่องเที่ยวจริงๆ 555
มีร้านค้าอยู่ 2-3 ร้าน แถวท่าเรือ ขายอาหาร ใครใคร่กินก็กิน ผมโซ้ยมาม่าคัพเรียบร้อยแระ นั่งแปลงฟันรอสักพัก ไม่เกิน 8 โมงเดี๋ยวก็มีคนมาตั้งโต๊ะขายตั๋ว ราคาค่าเรือ แยกเป็น 2 ประเภท คือเรือเร็วกับเรือช้า -เรือเร็ว (speed boat) ราคา 350/เที่ยว -เรือช้า (เรียก slow boat มั้ง) ราคา 200/เที่ยว ใครรีบก็ไปเรือรีบ ผมอยู่หลายวันขอไปช้าๆ เรือช้าจะออกตอน 9.30 น.เพราะต้องรอน้ำขึ้น เรือถึงจะลอยได้ อืมมม
บนเรือประมงดัดแปลงมุ่งหน้าสู่เกาะพยาม อย่าตกใจที่บางทีอาจมีวัสดุก่อสร้างอิฐหินปูนทรายถูกขนขึ้นเต็มลำเรือ ถึงจะมาหลายครั้งแล้วแต่ผมก็ยังเป็นเด็กเดินพล่านรอบเรือเหมือนเดิม ปีนขึ้นดาดฟ้าท้ายเรือบ้างหัวเรือบ้าง เหมือนพยายามหาล๊อบบี้หรือสระว่ายน้ำบนเรือ 55
เรือเมล์สู่เกาะพยาม ค่อยๆลอยลำออกสู่ปากน้ำระนอง ช่วงนี้ถือเป็นไฮไลของการท่องเที่ยวแบบเรียนรู้ไม่เร่งรีบ สำหรับคนชอบดูเรือ ดูวิถีชาวเลนะปีนขึ้นดาดฟ้าเรือไปนั่งดูวิวกันเถอะครับ ไม่ต้องกลัวแดดร้อน เพราะแดดมันร้อนอยู่แร้วว ^^....
เห็นเรือรีบวิ่งแซงไปแล้ว วิวสวยๆกำลังตามหลังไป ขอดูฟ้าใสอีกแป่บนะ เดี๋ยวจะเร่งเครื่องตาม เกาะแก่งที่มองเห็นส่วนใหญ่อยู่ในเขตน่านน้ำประเทศพม่าทั้งหมดครับ เห็นเกาะสองอยู่ลิบๆ ตรงที่มีเรือเดินทะเลลำใหญ่จอดอยู่ เกาะนี้เป็นแหล่งคาสิโนสุดหรูของพม่าครับ
เริ่มออกสู่ท้องทะเลแห่งอันดามันแหนือแร้วววว มีเกาะแก่งเล็กๆ เรียงรายเยอะมาก บางเกาะยังเป็นข้อพิพาทอยู่ว่าเป็นของใครกันแน่ เส้นแบ่งเขตไม่ชัดเจนอีกแระ แต่ก็ทำให้ธรรมชาติบนเกาะดิบสดสุดติ่ง เพราะห้ามขึ้นทั้งไทยและพม่า เห็นแร้วน่าแคมป์ปิ้งสุดๆ เสียดาย
เห็นฟ้าใส แดดสวย อย่าคิดว่ารอด นี่เมืองฝนแปด แดดสี่ แป่บเดียวเท่านั้น ความสนุกมาเยือน
ฝนผ่านไปเหมือนพรมน้ำมนต์ เรือแล่นนิ่ง คนก็เริ่มนิ่ง ลงไปสัปหงกข้างล่างสักพัก พอเหลือบตามาเห็นสัญลักษณ์อันคุ้นเคยก็กลับขึ้นดาดฟ้าเรือใหม่ เพราะใกล้ถึงเกาะหย้ามมมแร้ว
การขึ้นเหยียบเกาะเป็นครั้งที่ 3 อารมณ์เหมือนได้กลับมาเยี่ยมบ้านซะงั้น 55
เรือจอดเทียบที่ท่าเรืออ่าวแม่หม้าย ก่อนเที่ยงวัน มีชาวบ้านมายืนรอรับสินค้าที่สั่งมาจากบนฝั่งและติดมากับเรือเป็นกิจวัตร ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์ผักผลไม้ ไปจนถึงอิฐหินปูนทรายที่ใช้ในการสร้างบ้านกันเลยเชียว ผมก็นั่งมาบนกระเบื้องหลังคาบ้าน เอิ๊ก ได้ยินแล้วผมถือว่าเป็นเรื่องดีสำหรับชาวแบ็คแพ็คที่ยังมีเรือเมล์วิ่งข้ามไปเกาะทุกวัน ไม่ต้องเหมาเรือราคาแพงเพื่อมาเที่ยว
ช่วงกลางเดือนพฤษภาคมที่ผมมาถือว่าเป็นช่วงโลซีซั่นของที่นี่ ทำให้บรรยากาศแถวท่าเรือเงียบหงอยกว่าหลายครั้งที่มาตอนเดือนมีนาคมและเมษายน ได้เห็นพี่วินมอไซด์ผูกเปลนอนใต้ต้นไม้อย่างไม่สนใจการมาถึงของนักท่องเที่ยวในช่วงนี้เท่าไหร่ ใครขับมอเตอร์ไซด์ไม่เป็นก็ให้พี่วินไปส่งตามหาดต่างๆหรือรีสอร์ทที่หมายตาไว้ก็ได้ ใครขับเป็นก็หาเช่าได้ มีให้เลือกหลายร้านตามสบาย รึจะไปเช่าร้านเดียวกับผมก็ได้ ชื่อร้านสวัสดีมอเตอร์ไซด์ มีเจ้าของร้านชื่อพี่ศอ รูปหล่อ ใจดี คุยเก่ง แต่ราคาไม่ลดนะ วันละ 150 บาท น้ำมันนำเข้าจากคูเวตแท้ๆลิตรละ 50 บาท ^^ แถมแผนที่ให้ทัศนารอบเกาะ พร้อมแนะนำที่พักราคาเบาให้เลือกเฟ้น ก็แกนั่นแหละผมถึงรู้จักบ้านสวนกาหยู 2 จะไปก็ซ้อนท้ายมาเร้ยย
ถนนบนเกาะพยามกว้างแค่พอมอเตอร์ไซด์สวนกันได้ เส้นทางหลักจะอยู่กลางเกาะแล้วจึงแยกย่อยลงสู่หาดต่างๆ ยิ่งถ้าขับเลยโรงเรียนเกาะพยามขึ้นไปทางเหนือของเกาะ ทางจะเริ่มแคบสลับดินลูกรังบางช่วง สองข้างทางก็ยังเป็นป่าทึบ ได้อารมณ์สุดๆ ผมยังคงมาพักที่เดิมทุกปีเพราะรู้สึกคุ้นเคยกับมิสเตอร์โบโบ้(ผมตั้งชื่อให้เค้าเอง)ผู้ดูแลบังกาโลชาวพม่า สุภาพ อ่อนน้อม ดูแลดี ยิ้มแย้มทุกครั้งที่ทักทาย แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่ทำให้ประทับใจ แต่บอกก่อนนะว่าถ้ามาพักที่บ้านสวนกาหยู 2 มิสเตอร์โบโบ้คนดูแลบังกาโลพูดได้แต่ภาษาอังกฤษกับพม่าเท่านั้นนะครับ แต่มาปีนี้เริ่มฟังไทยได้บ้างแล้ว อ้อ ลืมบอกไป ค่าที่พักที่นี่คืนละ 500 บาท มีอยู่แค่ 6 หลัง และสร้างห่างๆกัน private สุดๆ
มาคราวนี้ผมโทรไปจองหลังที่อยู่ติดทะเลที่สุด เพราะส่วนใหญ่หลังที่วิวสวยๆจะโดนฝรั่งซิวไปก่อน รึไม่ก็มาอยู่จนรากงอกแล้ว 55 ส่วนใหญ่จะเป็นพวกเร๊กเก้รักสงบ มานอนอ่านหนังสือ เล่นน้ำ เดินสำรวจเกาะ กินดื่ม นอน อ่าาาชีวิตบรมสุข ^^ ภายในบังกะโลแต่ละหลังบอกได้เลยว่าธรรมดาสุดๆ 1เตียง 1มุ้ง 1พัดลม ห้องน้ำในตัว หน้าต่างรอบทิศทาง ใครมาหน้าร้อนต้องอดทน หากลมไม่กระดิก ที่นี่จะปั่นไฟแค่ 18.00-22.00น. ที่เหลือธรรมชาติล้วนๆ ผมเปิดหน้าต่างนอนเรย โชคดีที่ช่วงนี้ฝนตกตอนค่ำ อากาศเลยเย็นสบาย
มีญาติมาทักทายถึงหน้าบ้านพัก ร้องเรียกกันระงม ถ่ายมาได้แค่นี้แหละ TTนู่นนนบนยอดไม้
ผมว่านี่คือเสน่ห์ของหมู่เกาะในเขตร้อนชื้นของบ้านเรา เป็นที่ที่เราจะได้ยินเสียงนกแก๊ก หรือนกเงือกสายพันธุ์เล็ก นกประจำถิ่นของเกาะพยามบินโฉบผ่านหัวเราไปมา นี่คือตัวชี้วัดถึงธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ฟังแล้วเพลินอุรายิ่งนัก
โยนเป้เก็บที่พัก คีบแตะหนีบ แล้วออกสำรวจเกาะกันดีกว่า ที่แรกที่ผมจะพาไปคือวัดเกาะพยามครับ อยู่ทางฝั่งท่าเรืออ่าวแม่หม้าย ไหว้พระใหญ่ เดินเที่ยวอุโบสถกลางทะเล และใกล้ๆวัดจะมีศาลพ่อตาหินขาว สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวเกาะพยามให้ความเคารพบูชา ให้คุ้มครองยามต้องออกเล หาปลา หากใครมาไหว้แล้วจะได้กลับมาทุกปีเหมือนผม เอิ๊ก
ที่ต่อมาสำหรับช่วงบ่ายนี้ เส้นทางสู่อ่าวคอกิ่ว ไปทางเดียวกับอ่างเก็บน้ำ เป็นทางปูนแคบๆตัดผ่านสวนยางตลอดเส้นทาง ไกลพอสมควรแต่มาแล้วต้องลุย
ตัวอ่าวคอกิ่วต้องเดินลงสู่ชายหาดเบื้องล่าง มีหาดทรายเล็กๆ และกองหินเล็กใหญ่อยู่มากมาย เหมือนหาดเจดีย์หิน ออกแนวน่ากลัวนิดๆถ้ามาน้อยคน ชายทะเลส่วนใหญ่เป็นหินโสโครกแต่มีแนวปะการัง ดำดูได้ อีกด้านมีที่พักแนวโจรสลัดอยู่ด้วยนะ ลึกลับตื่นเต้นดี เงียบบบ ป้าดด
อีกมุมนึงของอ่าวคอกิ่ว ออกแนว ไพเรท ออฟ แคริเบียน หาดนี้จะอยู่ทางใต้สุดของเกาะ บอกได้คำเดียวว่าไกล แต่คุ้ม
ขับย้อนขึ้นเหนือ ถึงแยกโรงเรียนเลี้ยวซ้าย ขับไปเรื่อยๆ เจอแยกเลี้ยวขวาทางไปบัพฟาโร่เบย์รีสอร์ท ตามทางไปเรื่อยจะเจอหาดนี้ครับ งามสุดโต่ง เงียบสุดติ่ง หาดนี้เป็นอีกมุมของอ่าวเขาควายครับ กว่าผมจะหาเจอต้องใช้เวลา 3 ปี เอิ๊ก
หาดทรายแถวนี้ดูจะขาวกว่าทุกหาด แต่ไฮไลท์อยู่ที่ โขดหินรูปร่างแปลกตา ใครชอบถ่ายรูป ระวังเมมเต็มเด้อ
ซุ้มประตู ที่นี่ก็มีนะ ยิ่งใกล้ช่วงอาทิตย์อัสดงด้วยแล้ว นี่คือสุดยอดแห่งความทรงจำ !!
กลับมาเดินย่ำหาดทรายสีทอง ก่อนตะวันลับขอบฟ้า ณ อ่าวเขาควาย หน้าบังกะโลที่พัก งดงามเกินบรรยาย
แสงมีช่วงเวลาที่สวยงาม...ชีวิตก็เป็นเช่นนั้น