ก่อนอื่นต้องบอกไว้ก่อนเลยว่าไม่ใช่คนที่ชอบเขียนหรือโพสข้อความทางเน็ตเลย แต่เมื่อเดือน3เดือนที่แล้วเราได้ไปตรวจก้อนที่คอแล้วพบว่าเป็นมะเร็งไทรอยด์ค่ะและจากการศึกษาข้อมูล มีคนพูดถึงไทโรเจนน้อยมาก ไทโรเจน คืออะไร เกี่ยวข้องอย่างไรกับมะเร็งไทรอยด์ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังค่ะ
ตรวจครั้งแรก:เริ่มต้นเลยเป็นก้อนเล็กที่ด้านขวาประมาณ5-6ปีมาแล้วค่ะตอนนั้นทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลต่างจังหวัดแห่งหนึ่งและพอสังเกตุเห็นตอนแรกก็เลยไปตรวจ หมอก็ให้เจาะเลือดดูไทรอยด์ฮอร์โมน แต่ผลออกมาว่าปกติ
ตรวจครั้งที่2:หลังจากนั้นแต่งงานและย้ายมาอยู่กทม. พอท้องลูกคนที่สอง3ปีที่แล้วหมอทักว่าที่คอมีก้อนและแนะนำให้เจาะชิ้นเนื้อไปตรวจ จำได้ว่าตอนนั้นท้องได้5เดือนกว่า เจาะชิ้นเนื้อหมอเค้าจะมีเข็มเล็กๆเจาะเข้าไปที่ก้อนแล้วเอาชิ้นเนื้อออกมาเล็กน้อยซึ่งไม่มีผลใดๆกับทารกในครรภ์ค่ะ ผลชิ้นเนื้อออกมา.....ปกติค่ะ ก็เลยชะล่าใจเพราะตรวจขนาดนี้แล้วก็คงไม่เป็นไรแล้วล่ะ
ตรวจครั้งที่3. สองเดือนที่แล้วอยู่ดีๆแม่ก็ทักขึ้นมาว่าดูก้อนใหญ่ขึ้นนะ แฟนก็เห็นด้วย เลยมาตรวจที่โรงพยาบาลรามาค่ะ แต่ในใจก็คิดว่าไม่น่าจะเป็นอะไรเพราะไม่รู้สึกเจ็บหรือรู้สึกหายใจลำบากอะไรเลย หมอเจาะชิ้นเนื้อค่ะแล้วนัดมาฟังผลอีกหนึ่งอาทิตย์
ฟังผลตรวจชิ้นเนื้อ:อาทิตย์ต่อมาก็มารอฟังผล มีสามีและลูกๆมาด้วย พอถึงเวลาเข้าห้องพบหมอไม่ได้รูสึกตื่นเต้นอะไรเลยเพราะไม่คิดว่าจะเป็นอะไรร้ายแรง แต่พอหมอบอกผลชิ้นเนื้อว่าเป็นเนื้อร้ายเท่านั้นแหล่ะ ช้อคเลยค่ะพูดอะไรไม่ออกเพราะอย่างที่บอกว่าไม่ได้รู้สึกผิดปกติอะไรเลย ไม่คิดว่าจะเป็นจริงๆ หมอตอกย้ำต่ออีกว่าต้องนัดผ่าและผ่าทั้งต่อมออก(ผ่าเฉพาะไทรอยด์ค่ะเพราะหมอคลำๆดูแล้วบอกว่ายังไม่ลามไปต่อมน้ำเหลือง)แล้วกินยาไทรอยด์ฮอร์นแทนตลอดชีวิต โอ้ววววบ่อน้ำตาแตกค่ะคิดอะไรไม่ออกเลย รู้สึกแย่มากๆ อายุแค่33เองลูกก็ยังเล็กอยู่เลย คิดไปต่างๆนานา บอกข่าวร้ายกับที่บ้าน เศร้าไปตามๆกัน
สามีก็พยายามหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตแล้วก็มาคุยกับหมออีกประมาณ3-4ครั้ง จนเข้าใจโรคมากขึ้น มะเร็งต่อมไทรอยด์เป็นมะเร็งที่ตอบสนองต่อผลการรักษาดีที่สุดค่ะ ระยะของโรคจะแบ่งเป็น2ระยะเท่านั้นคือ
ระยะที่1.เป็นก้อนที่คอ หรือลามไปต่อมน้ำเหลืองด้วยก็ถือว่าเป็นระยะที่หนึ่งอยู่ค่ะ(ส่วนใหญ่ก็จะเป็นระยะนี้ค่ะเพราะมะเร็งต่อมไทรอยด์เป็นมะเร็งที่ลุกลามไปที่อื่นช้ามากกกก)
ระยะที่2.ลามไปอวัยวะอื่นๆ ได้แก่ปอด กระดูก เป็นต้น (พบได้น้อยค่ะ)
วิธีการรักษา
สำหรับระยะที่1.ก็จะทำการผ่าตัดก้อนและเลาะเอาต่อมน้ำเหลืองที่มะเร็งลุกลามไปออก แล้วกลืนแร่I131ต่อหลังผ่าประมาณ6อาทิตย์
สำหรับระยะที่2.นอกจากผ่าตัดก้อนแล้วก็จะรักษาตามส่วนอื่นที่ลุกลามไปค่ะ
ปรึกษาหมอเรื่องฉีดไทโรเจน: ผลชิ้นเนื้อของเราเป็นแบบ papillary carcinoma หลังจากผ่าเอาไทรอยด์ออกทั้งหมดแล้วปกติหมอจะให้งดยาไทรอยด์ฮอร์โมนและงดอาหารที่มีไอโอดีนประมาณ6สัปดาห์หลังผ่าเพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการกลืนแร่ซึ่งจะเล่าให้ฟังตอนหลังค่ะ และจากการที่อ่านข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตเยอะมาก จนกระทั่งไปเจอเว็บไซด์ต่างประเทศ เค้าพูดถึง ไทโรเจน ค่ะ เป็นทางเลือกสำหรับคนที่ผ่าไทรอยด์แล้วไม่ต้องการงดยาไทรอย (ผลที่ตามมาตอนงดยาไทรอยด์คือตัวบวม น้ำหนักขึ้นเร็ว เหนื่อยง่าย อ่อนเพลียฯ) แต่พอมาดูในเวบไซด์ของไทยกลับไม่มีใครพูดถึง เลยต้องกลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้ง หมอเจ้าของไข้เลยแนะนำให้ไปคุยกับแผนกเวชศาสน์นิวเคลียร์ หลังจากได้คุยกับหมอที่แผนกนี้ได้ความว่า ปัจจุบันก็มีการใช้ไทโรเจนอยู่ค่ะแต่จะใช้ในเด็กและผู้สูงอายุที่ไม่สามารถงดยาไทรอยด์ได้ ส่วนคนอืนๆจะไม่ค่อยใช้เพราะต้องจ่ายค่ายาเพิ่ม ซึ่งราคาค่อนข้างสูงเข็มละประมาณ35,000บาทและต้องฉีดสองเข็มโดยฉีดวันละเข็มก่อนการกลืนแร่2วัน แต่ถ้าคนไข้ต้องการฉีดก็สามารถใช้ได้เพราะให้ผลของการกลืนแร่เหมือนกัน เรากับสามีเลยตัดสินใจฉีดค่ะ
วันผ่าตัด: หมอให้งดน้ำงดอาหารหลังเที่ยงคืน นัดผ่าตอนบ่ายโมง มาโรงพยาบาลแต่เช้านอนรอที่ห้อง ตอนเที่ยงๆมีพยาบาลเอายานอนหลับมาให้กิน1เม็ด พอบ่ายโมงปุ๊ป มีเจ้าหน้าที่เข็นรถนอนมารับ เรานอนที่รถแล้วเดินทางเข้าห้องผ่าตัด ไม่มีการสวนสายปัสสาวะนะคะ แต่จะมีเจาะสายน้ำเกลือที่แขนก่อนเข้าห้องผ่าตัดค่ะ พอถึงหน้าห้องผ่าตัดจะมีพยาบาลมาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรา และเข็นเข้าห้อง ในห้องจะมีหมอดมยารออยู่แล้ว เค้าก็จะชวนเราคุยเพื่อให้รู้สึกผ่อนคลาย มีการฉีดยาให้หลับเข้าเส้น หลังจากนั้นจะมีหน้ากากมาใส่แล้วพ่นยานอนหลับค่ะ เวลาผ่านไปเกือบ3ชั่วโมง เรารู้สึกตัวอีกทีมีผ้าก๊อตขนาดใหญ่มากๆปิดทั้งคอเลย(ขนาดใหญ่กว่าหัวลูกชายคนเล็กเราอีก55) หลังจากเช็คอาการเราหลังฟื้นดีแล้วจึงได้กลับเข้าห้อง ตอนย้ายเตียงจากรถเข็นมานอนเตียงที่ห้อง มีเจ้าหน้าที่และพี่ๆพยาบาลมาช่วยกันยก รู้สึกเจ็บแผลมากๆ กินอะไรไม่ค่อยได้เพราะกลืนแล้วเจ็บ แถมจะมีอาการระคายคอ เหมือนมีเสมหะอยู่ตลอดเวลา ไอทีนึงก็ทรมานน่าดู เจ็บหนักๆเลยก็2วันค่ะ วันที่3เริ่มกินอะไรได้แล้วแต่เน้นอาหารอ่อนๆอยู่ค่ะ ตอนผ่าหมอจะผ่าเอาต่อมไทรอยด์ออกให้มากที่สุดแต่จะเหลือตรงบริเวณใกล้กล่องเสียงเอาไว้เพื่อให้คนไข้ยังมีเสียงพูดค่ะ แล้วหมอจะให้เรากลืนแร่ต่อเพื่อทำลายเซลส์ที่เหลืออยู่
อาการหลังผ่าตัด: เสียงแหบค่ะ แต่จะค่อยๆดีขึ้นประมาณ1-2เดือน ของเราแหบอยู่เดือนกว่าๆ และเนื่องจากเราตัดสินใจฉีดไทโรเจนแต่แรก ดังนั้นหลังผ่าเลยสามารถกินยาไทรอยด์ฮอร์โมนได้เลย หมอให้กินEuthyrox 0.1MG. 1เม็ด ก่อนอาหารเช้า กินไปได้ประมาณอาทิตย์กว่า รู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยเหมือนเดิม เดินแป๊ปๆก็เหนื่อย บางทีหน้ามืดเลย เดินขึ้นบันไดก็เหนื่อย ง่วงนอนตลอดเวลา จนต้องกลับมาพบหมออีกครั้ง หมอก็บอกว่าความดันกับชีพจรค่อนข้างต่ำ เลยเพิ่มยาEuthyrox 0.05MG 1เม็ดก่อนอาหารเย็น ทานไปได้สักสองสามวันรู้เลยว่าเราดีขึ้น ยังแอบคิดอยู่เลยว่าดีแล้วที่ตัดสินใจฉีดไทโรเจนแต่แรกเพราะถ้าไม่ฉีดแล้วต้องงดยาไทรอยด์ไปเลยเราคงแย่แน่ๆ สำหรับคนที่เลือกวิธีการงดยาไทรอยด์ฮอร์โมน เราแนะนำให้นอนพักผ่อนเยอะๆเพราะร่างกายเราจะอ่อนเพลียมาก คนไข้บางคนยอมลางานถึงหนึ่งเดือนเพื่อดูแลตัวเองค่ะ
ช่วงงดไอโอดีน:ไม่ว่าเราจะตัดสินใจงดยาไทรอยด์ฮอร์โมนหรือจะฉีดไทโรเจน ก่อนการกลืนแร่6สัปดาห์ต้องทำเหมือนกันหมดคือมีการงดอาหารทุกอย่างที่มีไอโอดีน รวมถึงอาหารทะเลทุกอย่างค่ะ ช่วงนี้แหล่ะ ทรมานสุดๆสำหรับคนที่ชอบกินเค้ก กินจุบจิบอย่างเรา อิอิ ยากมากค่ะแต่ต้องทำให้ได้เพราะที่หมอให้งดไอโอดีนก็เพื่อให้ต่อมไทรอยด์ที่หลงเหลือจากการผ่าตัดหิวไอโอดีนมากๆ เวลากลืนแร่ที่เป็นไอโอดีนรังสีจะได้จับกับต่อมไทรอยด์และเซลส์มะเร็งที่เหลืออยู่ได้ง่าย หมอจะให้เกลือมาหนึ่งถุงค่ะ ต้องทำอาหารกินเองนะคะ หมอที่แผนกเวชศาสน์นิวเคลียร์บอกว่าขนาดพวกเครื่องปรุงที่ระบุข้างขวดว่า"ไม่มีไอโอดีนเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการจำกัดการบริโภคไอโอดีน"ก็ไม่โอเคค่ะเพราะหลังจากทดลองก็พบว่ามีไอโอดีนเป็นส่วนประกอบทั้งนั้น กินข้างนอกจะลำบากมากเพราะกินซีอิ๊ว น้ำมันหอย น้ำปลา เกลือ ไม่ได้เลย เราใช้วิธีทำอาหารใส่กล่องค่ะ เวลาไปข้างนอกจะพกไว้เลย เข้าร้านอาหารกับที่บ้านก็ขอจานเปล่ามาแล้วใส่ข้าวของตัวเองกิน ขนมที่ขายอยู่ทุกชนิดก็ห้าม กะปิด้วยน้า อาหารที่เราทำส่วนใหญ่ก็จะเป็นข้าวกล้องกับผักค่ะ แล้วแต่ว่าจะเอามาทำอะไร เผ็ดบ้างจืดบ้าง ผัดพริกแกงก็ได้แต่เครื่องแกงก็ทำเองดีกว่านะคะ ชัวร์กว่า เนื้อสัตว์ ถั่ว เรางดหมดเลย มีถั่วชนิดเดียวที่กินได้คือแอลมอนด์ค่ะ ไข่เดี๋ยวนี้มีไอโอดีนหมดค่ะ งดเช่นเดียวกัน
ฉีดไทโรเจน:หลังจากงดไอโอดีนมาได้6อาทิตย์ เราพบว่าน้ำหนักหายไป6กก.เหอเหอ ได้ผอมสมใจเลยค่ะ หมอนัดกลืนแร่วันที่ 8พค2557 แต่เรามานอนรพ.ตั้งแต่วันที่6พค.57เพื่อฉีดไทโรเจนก่อน งดน้ำและอาหารหลังเที่ยงคืนเพื่อเจาะเลือด แล้วมานอนรอที่ห้อง เริ่มฉีดไทโรเจนตอนบ่ายๆค่ะ ฉีดเข้าที่สะโพก ปริมาณยาประมาณ1cc. ฉีดวันละ1เข็ม คือวันที่6และ7 อาการหลังฉีดไม่รู้สึกมีอะไรผิดปกติค่ะ ตอนที่ฉีดไทโรเจนเราจะเลือกนอนโรงพยาบาลหรือไม่นอน ค่อยมานอนวันกลืนแร่ก็ได้ค่ะ
กลืนแร่: วันที่8พค.2557 เวลาประมาณสิบเอ็ดโมง มีหมอเวชศาสน์นิวเคลียร์1ท่านมาพร้อมกับเจ้าหน้าที่รังสี เข็นรถเข็นมา บนรถเข็นมีกระปุกตะกั่วหนึ่งอันด้านในเป็นไอโอดีนรังสี เป็นแบบเคปซูล 2แคปซูลปริมาณรังสี I131= 150มิลลิคูรี่ แล้วหมอจะแนะนำเรื่องการปฎิบัติตัว ในห้องจะมีฉากตะกั่วกั้นเราไว้ ให้เราพยายามอยู่ในฉากนี้เวลามีพยาบาลเข้ามา ให้กินน้ำบ่อยๆ เรากินวันนึง3-4ลิตร เพื่อขับสารรังสีออกจากร่างกายเร็วๆ และให้กินน้ำมะนาวหรือผลไม้เปรี้ยวตลอดเพื่อให้ต่อมน้ำลายขับสารรังสีไม่ให้มีค้างในต่อมซึ่งอาจส่งผลให้ต่อมน้ำลายแห้งในอนาคตได้
อาการหลังกลืนแร่: วันแรกยังไม่ค่อยรู้สึกอะไร พอวันที่สองตื่นเช้ามาปวดที่ข้างแก้มแต่ไม่มากเลยรีบทำน้ำมะนาวกิน และกินน้ำเยอะๆ สักพักอาการนี้ก็หายค่ะ อีกอาการหนึ่งที่พบคือคลื่นไส้ค่ะ ไม่อยากทานอะไร วันที่สองนี้เรากินข้าวไม่ได้เลย กินแต่ผลไม้ และก็จะรูสึกเฝื่อนๆที่ปากด้วยค่ะ มีหมอมาวัดปริมาณรังสีที่ห่างจากตัวเรา1เมตรหน้าฉากตะกั่ว มาวัดทุกวัน วันที่สามปริมาณรังสีลดลงมากหมอเลยให้กลับบ้านได้. สำหรับอาการในวันที่สาม เสียงแหบค่ะ และคอตึงๆ กลืนลำบากนิดหน่อยเหมือนมีแผ่นอะไรติดอยู่ในคอ ถามหมอหมอก็บอกว่าเป็นได้เพราะเนื้อไทรอยด์ที่เหลืออยู่ไปจับกับไอโอดีนรังสีทำให้เกิดการอักเสบ อาการนี้จะค่อยๆหายไปเอง วันที่สามนี้หมอให้ทานอาหารได้ปกติแล้วค่ะ ไม่ต้องงดไอโอดีนแล้ว เย่^^
รักษาต่อเนื่อง: หลังจากกลืนแร่ไปแล้วประมาณ1-2อาทิตย์หมอจะให้มาถ่ายภาพอีกครั้งเพื่อดูการจับตัวไอโอดีนรังสีด้วยเครื่องSPECTและดูว่ามีการกระจายไปที่อวัยวะส่วนอื่นๆหรือไม่ แอบลุ้นและขออย่าให้เจอที่ไหนเลยค่ะ แล้วจะมีการนัดตรวจดูอาการเรื่อยๆ ไว้คราวหน้าจะมาเล่าให้ฟังต่อนะคะว่าผลเป็นยังไง
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีประโยชน์กับท่านที่กำลังหาข้อมูลนะคะ ที่สำคัญเลย กำลังใจค่ะ อย่าเศร้า ต้องเข้มแข็งแล้วสู้กับมัน หมอเดี๋ยวนี้เก่งๆค่ะ สู้ๆนะคะ เราเข้มแข็ง เรามีความสุข ร่างกายเราก็ฟื้นตัวเร็วคนรอบข้างก็มีความสุขไปด้วยค่ะ
มะเร็งไทรอยด์และการฉีดไทโรเจน
ตรวจครั้งแรก:เริ่มต้นเลยเป็นก้อนเล็กที่ด้านขวาประมาณ5-6ปีมาแล้วค่ะตอนนั้นทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลต่างจังหวัดแห่งหนึ่งและพอสังเกตุเห็นตอนแรกก็เลยไปตรวจ หมอก็ให้เจาะเลือดดูไทรอยด์ฮอร์โมน แต่ผลออกมาว่าปกติ
ตรวจครั้งที่2:หลังจากนั้นแต่งงานและย้ายมาอยู่กทม. พอท้องลูกคนที่สอง3ปีที่แล้วหมอทักว่าที่คอมีก้อนและแนะนำให้เจาะชิ้นเนื้อไปตรวจ จำได้ว่าตอนนั้นท้องได้5เดือนกว่า เจาะชิ้นเนื้อหมอเค้าจะมีเข็มเล็กๆเจาะเข้าไปที่ก้อนแล้วเอาชิ้นเนื้อออกมาเล็กน้อยซึ่งไม่มีผลใดๆกับทารกในครรภ์ค่ะ ผลชิ้นเนื้อออกมา.....ปกติค่ะ ก็เลยชะล่าใจเพราะตรวจขนาดนี้แล้วก็คงไม่เป็นไรแล้วล่ะ
ตรวจครั้งที่3. สองเดือนที่แล้วอยู่ดีๆแม่ก็ทักขึ้นมาว่าดูก้อนใหญ่ขึ้นนะ แฟนก็เห็นด้วย เลยมาตรวจที่โรงพยาบาลรามาค่ะ แต่ในใจก็คิดว่าไม่น่าจะเป็นอะไรเพราะไม่รู้สึกเจ็บหรือรู้สึกหายใจลำบากอะไรเลย หมอเจาะชิ้นเนื้อค่ะแล้วนัดมาฟังผลอีกหนึ่งอาทิตย์
ฟังผลตรวจชิ้นเนื้อ:อาทิตย์ต่อมาก็มารอฟังผล มีสามีและลูกๆมาด้วย พอถึงเวลาเข้าห้องพบหมอไม่ได้รูสึกตื่นเต้นอะไรเลยเพราะไม่คิดว่าจะเป็นอะไรร้ายแรง แต่พอหมอบอกผลชิ้นเนื้อว่าเป็นเนื้อร้ายเท่านั้นแหล่ะ ช้อคเลยค่ะพูดอะไรไม่ออกเพราะอย่างที่บอกว่าไม่ได้รู้สึกผิดปกติอะไรเลย ไม่คิดว่าจะเป็นจริงๆ หมอตอกย้ำต่ออีกว่าต้องนัดผ่าและผ่าทั้งต่อมออก(ผ่าเฉพาะไทรอยด์ค่ะเพราะหมอคลำๆดูแล้วบอกว่ายังไม่ลามไปต่อมน้ำเหลือง)แล้วกินยาไทรอยด์ฮอร์นแทนตลอดชีวิต โอ้ววววบ่อน้ำตาแตกค่ะคิดอะไรไม่ออกเลย รู้สึกแย่มากๆ อายุแค่33เองลูกก็ยังเล็กอยู่เลย คิดไปต่างๆนานา บอกข่าวร้ายกับที่บ้าน เศร้าไปตามๆกัน
สามีก็พยายามหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตแล้วก็มาคุยกับหมออีกประมาณ3-4ครั้ง จนเข้าใจโรคมากขึ้น มะเร็งต่อมไทรอยด์เป็นมะเร็งที่ตอบสนองต่อผลการรักษาดีที่สุดค่ะ ระยะของโรคจะแบ่งเป็น2ระยะเท่านั้นคือ
ระยะที่1.เป็นก้อนที่คอ หรือลามไปต่อมน้ำเหลืองด้วยก็ถือว่าเป็นระยะที่หนึ่งอยู่ค่ะ(ส่วนใหญ่ก็จะเป็นระยะนี้ค่ะเพราะมะเร็งต่อมไทรอยด์เป็นมะเร็งที่ลุกลามไปที่อื่นช้ามากกกก)
ระยะที่2.ลามไปอวัยวะอื่นๆ ได้แก่ปอด กระดูก เป็นต้น (พบได้น้อยค่ะ)
วิธีการรักษา
สำหรับระยะที่1.ก็จะทำการผ่าตัดก้อนและเลาะเอาต่อมน้ำเหลืองที่มะเร็งลุกลามไปออก แล้วกลืนแร่I131ต่อหลังผ่าประมาณ6อาทิตย์
สำหรับระยะที่2.นอกจากผ่าตัดก้อนแล้วก็จะรักษาตามส่วนอื่นที่ลุกลามไปค่ะ
ปรึกษาหมอเรื่องฉีดไทโรเจน: ผลชิ้นเนื้อของเราเป็นแบบ papillary carcinoma หลังจากผ่าเอาไทรอยด์ออกทั้งหมดแล้วปกติหมอจะให้งดยาไทรอยด์ฮอร์โมนและงดอาหารที่มีไอโอดีนประมาณ6สัปดาห์หลังผ่าเพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการกลืนแร่ซึ่งจะเล่าให้ฟังตอนหลังค่ะ และจากการที่อ่านข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตเยอะมาก จนกระทั่งไปเจอเว็บไซด์ต่างประเทศ เค้าพูดถึง ไทโรเจน ค่ะ เป็นทางเลือกสำหรับคนที่ผ่าไทรอยด์แล้วไม่ต้องการงดยาไทรอย (ผลที่ตามมาตอนงดยาไทรอยด์คือตัวบวม น้ำหนักขึ้นเร็ว เหนื่อยง่าย อ่อนเพลียฯ) แต่พอมาดูในเวบไซด์ของไทยกลับไม่มีใครพูดถึง เลยต้องกลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้ง หมอเจ้าของไข้เลยแนะนำให้ไปคุยกับแผนกเวชศาสน์นิวเคลียร์ หลังจากได้คุยกับหมอที่แผนกนี้ได้ความว่า ปัจจุบันก็มีการใช้ไทโรเจนอยู่ค่ะแต่จะใช้ในเด็กและผู้สูงอายุที่ไม่สามารถงดยาไทรอยด์ได้ ส่วนคนอืนๆจะไม่ค่อยใช้เพราะต้องจ่ายค่ายาเพิ่ม ซึ่งราคาค่อนข้างสูงเข็มละประมาณ35,000บาทและต้องฉีดสองเข็มโดยฉีดวันละเข็มก่อนการกลืนแร่2วัน แต่ถ้าคนไข้ต้องการฉีดก็สามารถใช้ได้เพราะให้ผลของการกลืนแร่เหมือนกัน เรากับสามีเลยตัดสินใจฉีดค่ะ
วันผ่าตัด: หมอให้งดน้ำงดอาหารหลังเที่ยงคืน นัดผ่าตอนบ่ายโมง มาโรงพยาบาลแต่เช้านอนรอที่ห้อง ตอนเที่ยงๆมีพยาบาลเอายานอนหลับมาให้กิน1เม็ด พอบ่ายโมงปุ๊ป มีเจ้าหน้าที่เข็นรถนอนมารับ เรานอนที่รถแล้วเดินทางเข้าห้องผ่าตัด ไม่มีการสวนสายปัสสาวะนะคะ แต่จะมีเจาะสายน้ำเกลือที่แขนก่อนเข้าห้องผ่าตัดค่ะ พอถึงหน้าห้องผ่าตัดจะมีพยาบาลมาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรา และเข็นเข้าห้อง ในห้องจะมีหมอดมยารออยู่แล้ว เค้าก็จะชวนเราคุยเพื่อให้รู้สึกผ่อนคลาย มีการฉีดยาให้หลับเข้าเส้น หลังจากนั้นจะมีหน้ากากมาใส่แล้วพ่นยานอนหลับค่ะ เวลาผ่านไปเกือบ3ชั่วโมง เรารู้สึกตัวอีกทีมีผ้าก๊อตขนาดใหญ่มากๆปิดทั้งคอเลย(ขนาดใหญ่กว่าหัวลูกชายคนเล็กเราอีก55) หลังจากเช็คอาการเราหลังฟื้นดีแล้วจึงได้กลับเข้าห้อง ตอนย้ายเตียงจากรถเข็นมานอนเตียงที่ห้อง มีเจ้าหน้าที่และพี่ๆพยาบาลมาช่วยกันยก รู้สึกเจ็บแผลมากๆ กินอะไรไม่ค่อยได้เพราะกลืนแล้วเจ็บ แถมจะมีอาการระคายคอ เหมือนมีเสมหะอยู่ตลอดเวลา ไอทีนึงก็ทรมานน่าดู เจ็บหนักๆเลยก็2วันค่ะ วันที่3เริ่มกินอะไรได้แล้วแต่เน้นอาหารอ่อนๆอยู่ค่ะ ตอนผ่าหมอจะผ่าเอาต่อมไทรอยด์ออกให้มากที่สุดแต่จะเหลือตรงบริเวณใกล้กล่องเสียงเอาไว้เพื่อให้คนไข้ยังมีเสียงพูดค่ะ แล้วหมอจะให้เรากลืนแร่ต่อเพื่อทำลายเซลส์ที่เหลืออยู่
อาการหลังผ่าตัด: เสียงแหบค่ะ แต่จะค่อยๆดีขึ้นประมาณ1-2เดือน ของเราแหบอยู่เดือนกว่าๆ และเนื่องจากเราตัดสินใจฉีดไทโรเจนแต่แรก ดังนั้นหลังผ่าเลยสามารถกินยาไทรอยด์ฮอร์โมนได้เลย หมอให้กินEuthyrox 0.1MG. 1เม็ด ก่อนอาหารเช้า กินไปได้ประมาณอาทิตย์กว่า รู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยเหมือนเดิม เดินแป๊ปๆก็เหนื่อย บางทีหน้ามืดเลย เดินขึ้นบันไดก็เหนื่อย ง่วงนอนตลอดเวลา จนต้องกลับมาพบหมออีกครั้ง หมอก็บอกว่าความดันกับชีพจรค่อนข้างต่ำ เลยเพิ่มยาEuthyrox 0.05MG 1เม็ดก่อนอาหารเย็น ทานไปได้สักสองสามวันรู้เลยว่าเราดีขึ้น ยังแอบคิดอยู่เลยว่าดีแล้วที่ตัดสินใจฉีดไทโรเจนแต่แรกเพราะถ้าไม่ฉีดแล้วต้องงดยาไทรอยด์ไปเลยเราคงแย่แน่ๆ สำหรับคนที่เลือกวิธีการงดยาไทรอยด์ฮอร์โมน เราแนะนำให้นอนพักผ่อนเยอะๆเพราะร่างกายเราจะอ่อนเพลียมาก คนไข้บางคนยอมลางานถึงหนึ่งเดือนเพื่อดูแลตัวเองค่ะ
ช่วงงดไอโอดีน:ไม่ว่าเราจะตัดสินใจงดยาไทรอยด์ฮอร์โมนหรือจะฉีดไทโรเจน ก่อนการกลืนแร่6สัปดาห์ต้องทำเหมือนกันหมดคือมีการงดอาหารทุกอย่างที่มีไอโอดีน รวมถึงอาหารทะเลทุกอย่างค่ะ ช่วงนี้แหล่ะ ทรมานสุดๆสำหรับคนที่ชอบกินเค้ก กินจุบจิบอย่างเรา อิอิ ยากมากค่ะแต่ต้องทำให้ได้เพราะที่หมอให้งดไอโอดีนก็เพื่อให้ต่อมไทรอยด์ที่หลงเหลือจากการผ่าตัดหิวไอโอดีนมากๆ เวลากลืนแร่ที่เป็นไอโอดีนรังสีจะได้จับกับต่อมไทรอยด์และเซลส์มะเร็งที่เหลืออยู่ได้ง่าย หมอจะให้เกลือมาหนึ่งถุงค่ะ ต้องทำอาหารกินเองนะคะ หมอที่แผนกเวชศาสน์นิวเคลียร์บอกว่าขนาดพวกเครื่องปรุงที่ระบุข้างขวดว่า"ไม่มีไอโอดีนเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการจำกัดการบริโภคไอโอดีน"ก็ไม่โอเคค่ะเพราะหลังจากทดลองก็พบว่ามีไอโอดีนเป็นส่วนประกอบทั้งนั้น กินข้างนอกจะลำบากมากเพราะกินซีอิ๊ว น้ำมันหอย น้ำปลา เกลือ ไม่ได้เลย เราใช้วิธีทำอาหารใส่กล่องค่ะ เวลาไปข้างนอกจะพกไว้เลย เข้าร้านอาหารกับที่บ้านก็ขอจานเปล่ามาแล้วใส่ข้าวของตัวเองกิน ขนมที่ขายอยู่ทุกชนิดก็ห้าม กะปิด้วยน้า อาหารที่เราทำส่วนใหญ่ก็จะเป็นข้าวกล้องกับผักค่ะ แล้วแต่ว่าจะเอามาทำอะไร เผ็ดบ้างจืดบ้าง ผัดพริกแกงก็ได้แต่เครื่องแกงก็ทำเองดีกว่านะคะ ชัวร์กว่า เนื้อสัตว์ ถั่ว เรางดหมดเลย มีถั่วชนิดเดียวที่กินได้คือแอลมอนด์ค่ะ ไข่เดี๋ยวนี้มีไอโอดีนหมดค่ะ งดเช่นเดียวกัน
ฉีดไทโรเจน:หลังจากงดไอโอดีนมาได้6อาทิตย์ เราพบว่าน้ำหนักหายไป6กก.เหอเหอ ได้ผอมสมใจเลยค่ะ หมอนัดกลืนแร่วันที่ 8พค2557 แต่เรามานอนรพ.ตั้งแต่วันที่6พค.57เพื่อฉีดไทโรเจนก่อน งดน้ำและอาหารหลังเที่ยงคืนเพื่อเจาะเลือด แล้วมานอนรอที่ห้อง เริ่มฉีดไทโรเจนตอนบ่ายๆค่ะ ฉีดเข้าที่สะโพก ปริมาณยาประมาณ1cc. ฉีดวันละ1เข็ม คือวันที่6และ7 อาการหลังฉีดไม่รู้สึกมีอะไรผิดปกติค่ะ ตอนที่ฉีดไทโรเจนเราจะเลือกนอนโรงพยาบาลหรือไม่นอน ค่อยมานอนวันกลืนแร่ก็ได้ค่ะ
กลืนแร่: วันที่8พค.2557 เวลาประมาณสิบเอ็ดโมง มีหมอเวชศาสน์นิวเคลียร์1ท่านมาพร้อมกับเจ้าหน้าที่รังสี เข็นรถเข็นมา บนรถเข็นมีกระปุกตะกั่วหนึ่งอันด้านในเป็นไอโอดีนรังสี เป็นแบบเคปซูล 2แคปซูลปริมาณรังสี I131= 150มิลลิคูรี่ แล้วหมอจะแนะนำเรื่องการปฎิบัติตัว ในห้องจะมีฉากตะกั่วกั้นเราไว้ ให้เราพยายามอยู่ในฉากนี้เวลามีพยาบาลเข้ามา ให้กินน้ำบ่อยๆ เรากินวันนึง3-4ลิตร เพื่อขับสารรังสีออกจากร่างกายเร็วๆ และให้กินน้ำมะนาวหรือผลไม้เปรี้ยวตลอดเพื่อให้ต่อมน้ำลายขับสารรังสีไม่ให้มีค้างในต่อมซึ่งอาจส่งผลให้ต่อมน้ำลายแห้งในอนาคตได้
อาการหลังกลืนแร่: วันแรกยังไม่ค่อยรู้สึกอะไร พอวันที่สองตื่นเช้ามาปวดที่ข้างแก้มแต่ไม่มากเลยรีบทำน้ำมะนาวกิน และกินน้ำเยอะๆ สักพักอาการนี้ก็หายค่ะ อีกอาการหนึ่งที่พบคือคลื่นไส้ค่ะ ไม่อยากทานอะไร วันที่สองนี้เรากินข้าวไม่ได้เลย กินแต่ผลไม้ และก็จะรูสึกเฝื่อนๆที่ปากด้วยค่ะ มีหมอมาวัดปริมาณรังสีที่ห่างจากตัวเรา1เมตรหน้าฉากตะกั่ว มาวัดทุกวัน วันที่สามปริมาณรังสีลดลงมากหมอเลยให้กลับบ้านได้. สำหรับอาการในวันที่สาม เสียงแหบค่ะ และคอตึงๆ กลืนลำบากนิดหน่อยเหมือนมีแผ่นอะไรติดอยู่ในคอ ถามหมอหมอก็บอกว่าเป็นได้เพราะเนื้อไทรอยด์ที่เหลืออยู่ไปจับกับไอโอดีนรังสีทำให้เกิดการอักเสบ อาการนี้จะค่อยๆหายไปเอง วันที่สามนี้หมอให้ทานอาหารได้ปกติแล้วค่ะ ไม่ต้องงดไอโอดีนแล้ว เย่^^
รักษาต่อเนื่อง: หลังจากกลืนแร่ไปแล้วประมาณ1-2อาทิตย์หมอจะให้มาถ่ายภาพอีกครั้งเพื่อดูการจับตัวไอโอดีนรังสีด้วยเครื่องSPECTและดูว่ามีการกระจายไปที่อวัยวะส่วนอื่นๆหรือไม่ แอบลุ้นและขออย่าให้เจอที่ไหนเลยค่ะ แล้วจะมีการนัดตรวจดูอาการเรื่อยๆ ไว้คราวหน้าจะมาเล่าให้ฟังต่อนะคะว่าผลเป็นยังไง
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีประโยชน์กับท่านที่กำลังหาข้อมูลนะคะ ที่สำคัญเลย กำลังใจค่ะ อย่าเศร้า ต้องเข้มแข็งแล้วสู้กับมัน หมอเดี๋ยวนี้เก่งๆค่ะ สู้ๆนะคะ เราเข้มแข็ง เรามีความสุข ร่างกายเราก็ฟื้นตัวเร็วคนรอบข้างก็มีความสุขไปด้วยค่ะ