ท้าวความ
-- พอดีถึงคราวจะเสียเงิน … ไป Bid เจ้า Audison Voce AV10 กับ Capacitor Helix DPC1000 มาได้ พร้อมกับเหลือแอมป์ Ramm Mozart-1 อยู่ตัวนึง ว่าแล้วก็ … เพิ่ม Sub เข้าไปในระบบสักหน่อยดีไหมครับ ?
-- ทีแรกกะว่า จะขาย Ramm Mozart-1 ทิ้ง แล้วหาแอมป์ Class AB กำลังเยอะๆมาบริดจ์ขับ Sub สักหน่อย แต่ยังขาย Ramm ไม่ได้ คิดไปคิดมา ลองดูสักตั้งก็แล้วกัน ท่ามกลางเสียงคัดค้านของเพื่อนที่ทำงานว่า
“มันจะรอดเหรอ”
“ปกติ ขับกลางแหลม สปีดมันช้าจะตาย มาขับ Sub จะไม่ยิ่งเฉื่อย ตาม sinfoni ไม่ทันหรอก”
-- ไม่รู้ล่ะ ของพวกนี้มันพิสูจน์กันได้ ไม่มีอะไรเสียหาย ขับไม่ได้ก็ถอด ขับได้ก็ใส่ ก็แค่นั้นเอง กลัวอะไร เพราะอย่างน้อยๆ เจ้า Ramm Mozart-1 ตัวนี้ Bridge Mono แล้ว มันก็ได้กำลัง 350W @ 4 โอห์ม ก็ไม่ใช่เล่นๆเหมือนกันนะ
ร้านติดตั้ง
-- แน่นอนว่า สำหรับผมก็ Mock up แหละ แม้จะมีนอกใจไปใส่ตัวนั้น ตัวนี้ จากที่อื่นบ้าง แต่ก็กลับมาตายรัง ทุกทีสิ ... ไม่ได้บอกว่า ร้านนี้ดีที่สุด แต่จะบอกว่า concept เค้า กับ concept ผม ตรงกัน คุยกันรู้เรื่องครับ
ยกตัวอย่างง่ายๆ
ทิศการเดินสายไฟ, สายลำโพง หรือ สายสัญญาณ ... บางร้านไม่สนใจ ถ้าลูกค้าคุมก็ทำ ถ้าลูกค้าไม่คุม ก็ตามใจช่าง ... บางทีไปจี้ ก็หาว่า เรื่องมากอีก ไม่รู้สิ ผมเล่นเครื่องเสียงบ้านด้วย ใครเล่นเครื่องเสียงบ้านจะทราบดีว่า พวกนี้มีผลมากมายกับคุณภาพเสียงครับ
-- อาจจะมีร้านที่เนี๊ยบกว่า ติดตั้งเรียบร้อยกว่า แต่ต้องมาอารมณ์เสียกับเรื่องพวกนี้ มันก็ไม่ไหวใช่ไหมล่ะครับ ?
โจทย์ที่เหมือนจะง่าย แต่ไม่ง่าย
“ต้องการติดแอมป์ Sinfoni และ Ramm อยู่ใต้เบาะหน้าซ้าย”
-- โจทย์มีแค่นี้เอง … เหมือนจะง่าย เพราะไม่ง่ายครับ ด้วยความที่ใต้เบาะของ CR-V G3 นั้น มีพื้นที่ค่อนข้างน้อย ใส่แอมป์วางขวาง ที่มีความยาวได้แถวๆ 30 ซ.ม. เท่านั้น ไม่งั้นจะติดขาเบาะ รวมถึง สูงมากก็ไม่ได้ เพราะจะติดคานเหล็กใต้เบาะครับ
รูปข้างล่าง คือ ยุคที่ติด Ramm ที่ต้องวางตามยาว พาดคานที่พื้น ส่วนคานใต้เบาะ ต้องจับพลิกมายึดข้างบนแทน (ในรูปถอดออกก่อน)
-- ส่วนนี่คือ เจ้า Sinfoni ที่คราวก่อนเอามาติดแทน Ramm ด้วยความที่มันตัวเล็ก ก็เลยจับวางขวาง หลังคานพื้นรถได้พอดี
-- แต่นี่ ต้องจับเจ้า 2 ตัวนี้มาอยู่ร่วมกัน แล้วจะอยู่กันยังไงล่ะ ? … เหตุผลที่ผมไม่ยอมเอา Ramm ไว้ท้าย ก็เพราะ
1. ค่าสายสัญญาณยาวเลยล่ะ ซึ่งค่าสายสัญญาณมันแพงกว่าสายลำโพงครับ
2. ปัญหาเรื่องการยกยางอะไหล่เข้าออก เพราะผมเช็คลมยางอะไหล่ทุก 6 เดือนครับ
-- อันที่จริงถอดใจไปแล้วรอบนึง โทร.หาพี่เต้าแล้วล่ะว่า … จะหาแอมป์มาแทน Ramm เอาอะไรดี Class AB ตัวไม่โต … แต่พอวางสาย ช่างกานต์ ก็เรียกผมมาดูไอเดียเค้า
แต่ไม่มีอะไรได้มาโดยง่ายครับ
-- ด้วยความที่ Ramm นั้น ช่องเสียบสายสัญญาณ สายลำโพง อยู่ด้านข้าง แถมตัวก็ยาวซะขนาดนั้น ก็จะติดขาเหล็กที่โครงเบาะ กับ พลาสติคครอบขาเบาะครับ งานนี้ถ้าต้องการจบ … ก็ต้องถอดขาเหล็ก กับ เฉือนพลาสติคครอบสถานเดียวครับ … อ่ะ จัดปายยย
มาดูตู้ Sub กันมั่ง
-- หมดเรื่องพื้นที่วางแอมป์แล้ว มาดูตู้ Sub กันดีกว่า … สเปคเจ้า Audison ตัวนี้ บอกมาละเอียดยิบ (ประชดนะ) เลยก็คือ
1. ปริมาตรตู้ 17 ลิตร (ไม่บอกเป็น คิว ด้วยนะ)
2. ปริมาตรดอก Sub 2.4 ลิตร
3. ถ้าจะเอาแม่เหล็กลงตู้ ให้บวกปริมาตรดอกเพิ่มเข้าไปกับตู้ด้วย
4. ถ้าจะติดวัสดุซับเสียงในตู้ให้คำนวณเผื่อด้วย
-- เห็นแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ ท่านเพ่ บอกมาแค่นี้จริงๆครับ ในขณะที่ JL หรือ Image เค้าบอกขนาดตู้มาละเอียดยิบเลย … แล้วจะทำไงเหรอ? กลัวอะไร ก็ค้นสิ อินเตอร์เนตก็มี ภาษาอังกฤษก็พอไหว พร้อมกับนั่งแปลงหน่วยให้เป็นคิวบิกฟุตด้วย และแล้วก็ได้ขนาดตู้ออกมาก็คือ 11 x 11 x 20 นิ้ว ครับ … ผมจงใจให้หน้าตู้แคบที่สุด แล้วก็ไปออกทางแนวยาว เพราะหวังผลในแง่ความลึกของลูกเบส นอกจากนี้ ในตู้ ยังให้บุด้วยฟองน้ำรังไข่หนา 1.5 นิ้ว เข้าไปทั้งหมด จุดประสงค์เพื่อลดอาการสั่น กระพือของตู้ครับ และสุดท้ายก็คือ ไม้ที่ทำตู้ เลือกหนาที่สุดก็คือ 19 ม.ม. ครับ
-- เบ็ดเสร็จแล้ว ถ้าคำนวณไม่ผิด ก็จะได้ปริมาตรตู้ออกมาราวๆ 0.68 คิวบิกฟุต ครับ ก็พอดีกับสเปคเป๊ะเลยครับ แต่ … ไม่จบครับ เพราะ Sub Audison ตัวนี้แถมตะแกรงครอบมาด้วย แต่ด้วยตะแกรงขนาดค่อนข้างใหญ่ ในขณะที่ตู้ตีพอดีกับหน้า Sub ทำให้ใส่ตะแกรงของ Audison ไม่ได้ครับ ถ้าจะให้ใส่ได้ ก็ต้องขยายหน้ากว้างของตู้ออกไปอีก ซึ่งหมายความว่า แผ่นวางสัมภาระชั้น 2 ก็จะใช้ไม่ได้
เฮ้อออ งั้นเอาตะแกรงธรรมดาละกัน … เดี๋ยวลายสวยๆค่อยไปหาใน ebay ทีหลังละกัน
อุปกรณ์อื่นๆ
1. สายสัญญาณ … Audioquest Alpha Snake … ไม่ได้พิศวาสอะไรยี่ห้อนี้ แต่มันเหลืออยู่ที่บ้านครับ พ่อซื้อมาลองครั้งเดียวแล้วก็โยนเอาไว้ บอกสั้นๆแค่ “ไม่ได้เรื่อง” … แต่สำหรับผมก็คือ “ดีกว่าเสียตังค์ฟะ”
2. สายลำโพง … ด้วยความที่ค่อนข้างเร่งด่วนในการติดตั้ง เลยไม่มีเวลาหาสายอะไร เอาง่ายที่สุดก็คือ ปลดจากลำโพงบ้านที่ปราจีนนี่แหละ ผมมี Supra Ply 3.4s อยู่ 2 เส้นๆละ 2 เมตร … จับมาเดินในตู้ Sub 1 เมตร และเดินจากแอมป์ไปตู้อีก 2 เมตร ครับ
-- ที่จริง ผมมี Ecosse CS2.3 อีกชุดนึงนะ เอาไว้ต่อกับลำโพงคอมอยู่ สั่งมาเมตรละ 200 กว่าบาทเอง สองจิต สองใจ อยู่ ใจนึงก็บอกว่า แค่สาย sub มันไม่เห็นผลอะไรนักหรอก แต่อีกใจก็บอกว่า ไหนๆทำแล้วก็เอาให้จบเลยดีกว่า
-- สุดท้าย ก็เลยเลือก Supra ลงรถแทนครับ (เพราะ Ecosse สำหรับผมนี่ มันต่อได้แค่ลำโพงคอมแหละ ... ไม่รู้ว่า หลายปีก่อน ทำไมเมืองไทยเชียร์กันจัง ฟังแล้ว "ไม่ผ่าน" ครับ
3. สายไฟ … อันนี้เจาะจงสถานเดียวว่า ต้องเบอร์ 4 เท่านั้น เพื่อที่จะได้จ่ายไฟให้แอมป์ได้เต็มๆครับ แล้วก็พอดีกับที่ร้านมี Bewith No.4 ขายพอดี ก็จบไปแบบง่ายๆ (สายไฟเลี้ยง Front กับ แอมป์ขับกลางแหลม ก็เป็น Bewith No.8 ครับ)
ลองฟังดีกว่า
งานนี้แอมป์ทั้ง 2 ตัว ไม่มี crossover นะครับ เลยเป็นผลงานของ Clarion DXZ786USB แต่เพียงผู้เดียวครับ EQ กับ T/A ไม่ได้ใช้นะครับ มาเล่นกับจุดตัดกันดีกว่า ..
ลองครั้งแรก
ไม่ตัด HPF ปล่อย Full
ตัด LPF ที่ 80Hz
-- ฟังแว้บแรก … เฮ้ยยย เบสลูกใหญ่ใช้ได้แฮะ แต่ยังไม่ค่อยกลมนัก ฟังไป ฟังมา เบสมันตีกันแฮะ ระหว่างจากกลางแหลม และ จาก Sub
ลองครั้งที่สอง
ตัด HPF ที่ 50Hz
ตัด LPF ที่ 80Hz
-- กลางแหลมฟังดีขึ้น เสียงอื้อๆอึงๆบวมๆหายไปเยอะ
ลองครั้งที่สาม
ตัด HPF ที่ 50Hz
ตัด LPF ที่ 125Hz (มัน fix ค่ามาแบบนี้)
-- เบสมาเป็นลูก แต่ลงไม่ลึก ออกแนวรถซิ่ง ทำเครื่องเสียงน่ะครับ เอะอะก็ ตูม อะไรประมาณนั้น
ลองครั้งที่สี่
ตัด HPF ที่ 80Hz
ตัด LPF ที่ 80Hz
-- ผมว่า ผมชอบค่านี้ที่สุดนะ คือ เบสจาก sub ไม่มากวนกลางแหลม แต่พอเพลงที่จะต้องมีเบส เสียงเบสมันก็มา โดยเจ้า Voce AV10 ตัวนี้ จะได้เปรียบ SEAS SW250 ใน G4 คันก่อนนั้นหน่อย ตรงที่ เสียงเบสมันมาเร็ว กระชับ ไม่ยาน ไม่รอ จนต้องตัดกลางแหลมต่ำลงมาช่วยน่ะครับ
-- วันนี้ขับกลับจากกทม. มา ปราจีน … ขับแล้วเพลินดีครับ ฟังเพลงมันส์ๆได้ดีขึ้น แต่ยังติที่ เสียงแหลม มันแผดเสียงมากไปหน่อย ส่วนตัวคิดว่า น่าจะมาจาก เกนแอมป์กลางแหลมแหละ พอกลับมาถึงปราจีน ก็เลยจัดการสักหน่อย ตั้งตามทฤษฎีเป๊ะ นั่นคือ เร่ง volume ที่ front ราวๆ 70% ปรากฎว่า เสียงดังมาก เป็นอันว่า ที่คิดไว้ถูกคือ ตั้งเกนแอมป์ไว้มากไปหน่อย (ของเดิมอยู่ที่เที่ยง) ก็ค่อยๆปรับลงมาครับ ปรับแล้วก็ฟัง สรุปสุดท้าย ลงมาเหลือเกือบๆ 9 โมงเช้าน่ะครับ (8 โมงครึ่ง)
ถามว่า ฟังดีกว่าคัน G4 ไหม? … ถ้า ณ ตอนนี้ ยังสู้ไม่ได้ครับ แต่ไม่ได้ทิ้งห่างแบบหลุดลุ่ย ส่วนหนึ่งเพราะรถคันนั้นเบิร์นไปกว่า 100 ช.ม.แล้ว ผ่านการปรับจูนรอบสองแล้ว ได้หัวเบส ได้จังหวะสนุก แต่อย่างที่บอกครับ รถคันนั้น นิสัย sub เฉื่อย ต้องเอากลางแหลมลงมาช่วย รวมถึงอีกหลายๆอย่าง ทำให้กลางแหลมไม่สะอาดเท่า
ถามว่า ฟังดีกว่าคัน Civic FD ที่ใส่ ID10 ไหม? … สั้นๆก็คือ คนละเรื่อง เทียบกัน ไม่ได้ครับ (แน่ล่ะ ด้วยคุณภาพอุปกรณ์ ด้วยการติดตั้ง ด้วยขนาดตู้ สารพัดเลยล่ะ)
สรุปสุดท้าย
-- Upgrade system รอบนี้ คุยกันด้วยเม็ดเงินร่วม 7 หมื่นบาท ทีแรกไม่รู้สึกอะไรหรอก เพราะซื้อทีละชิ้น สองชิ้น แต่พอเอามาบวกๆกัน อูยยยยยย เดือนหน้ากินแกลบแน่เลยตรู
-- ถามว่า คุ้มมั้ย … ของแบบนี้ ตอบแทนกันไม่ได้ครับ คนชอบก็อาจจะบอกว่า คุ้ม ไม่แพงหรอก แต่คนไม่สนใจเสียงเพลง อาจจะบอกว่า มันบ้าหรือป่าว ??? ก็ได้ครับ
[CR] * * * กระทู้อวดของแปลก … เมื่อแอมป์ Hybrid ต้องมาขับ Sub Audison Voce AV10 * * *
-- พอดีถึงคราวจะเสียเงิน … ไป Bid เจ้า Audison Voce AV10 กับ Capacitor Helix DPC1000 มาได้ พร้อมกับเหลือแอมป์ Ramm Mozart-1 อยู่ตัวนึง ว่าแล้วก็ … เพิ่ม Sub เข้าไปในระบบสักหน่อยดีไหมครับ ?
-- ทีแรกกะว่า จะขาย Ramm Mozart-1 ทิ้ง แล้วหาแอมป์ Class AB กำลังเยอะๆมาบริดจ์ขับ Sub สักหน่อย แต่ยังขาย Ramm ไม่ได้ คิดไปคิดมา ลองดูสักตั้งก็แล้วกัน ท่ามกลางเสียงคัดค้านของเพื่อนที่ทำงานว่า
“มันจะรอดเหรอ”
“ปกติ ขับกลางแหลม สปีดมันช้าจะตาย มาขับ Sub จะไม่ยิ่งเฉื่อย ตาม sinfoni ไม่ทันหรอก”
-- ไม่รู้ล่ะ ของพวกนี้มันพิสูจน์กันได้ ไม่มีอะไรเสียหาย ขับไม่ได้ก็ถอด ขับได้ก็ใส่ ก็แค่นั้นเอง กลัวอะไร เพราะอย่างน้อยๆ เจ้า Ramm Mozart-1 ตัวนี้ Bridge Mono แล้ว มันก็ได้กำลัง 350W @ 4 โอห์ม ก็ไม่ใช่เล่นๆเหมือนกันนะ
ร้านติดตั้ง
-- แน่นอนว่า สำหรับผมก็ Mock up แหละ แม้จะมีนอกใจไปใส่ตัวนั้น ตัวนี้ จากที่อื่นบ้าง แต่ก็กลับมาตายรัง ทุกทีสิ ... ไม่ได้บอกว่า ร้านนี้ดีที่สุด แต่จะบอกว่า concept เค้า กับ concept ผม ตรงกัน คุยกันรู้เรื่องครับ
ยกตัวอย่างง่ายๆ
ทิศการเดินสายไฟ, สายลำโพง หรือ สายสัญญาณ ... บางร้านไม่สนใจ ถ้าลูกค้าคุมก็ทำ ถ้าลูกค้าไม่คุม ก็ตามใจช่าง ... บางทีไปจี้ ก็หาว่า เรื่องมากอีก ไม่รู้สิ ผมเล่นเครื่องเสียงบ้านด้วย ใครเล่นเครื่องเสียงบ้านจะทราบดีว่า พวกนี้มีผลมากมายกับคุณภาพเสียงครับ
-- อาจจะมีร้านที่เนี๊ยบกว่า ติดตั้งเรียบร้อยกว่า แต่ต้องมาอารมณ์เสียกับเรื่องพวกนี้ มันก็ไม่ไหวใช่ไหมล่ะครับ ?
โจทย์ที่เหมือนจะง่าย แต่ไม่ง่าย
“ต้องการติดแอมป์ Sinfoni และ Ramm อยู่ใต้เบาะหน้าซ้าย”
-- โจทย์มีแค่นี้เอง … เหมือนจะง่าย เพราะไม่ง่ายครับ ด้วยความที่ใต้เบาะของ CR-V G3 นั้น มีพื้นที่ค่อนข้างน้อย ใส่แอมป์วางขวาง ที่มีความยาวได้แถวๆ 30 ซ.ม. เท่านั้น ไม่งั้นจะติดขาเบาะ รวมถึง สูงมากก็ไม่ได้ เพราะจะติดคานเหล็กใต้เบาะครับ
รูปข้างล่าง คือ ยุคที่ติด Ramm ที่ต้องวางตามยาว พาดคานที่พื้น ส่วนคานใต้เบาะ ต้องจับพลิกมายึดข้างบนแทน (ในรูปถอดออกก่อน)
-- ส่วนนี่คือ เจ้า Sinfoni ที่คราวก่อนเอามาติดแทน Ramm ด้วยความที่มันตัวเล็ก ก็เลยจับวางขวาง หลังคานพื้นรถได้พอดี
-- แต่นี่ ต้องจับเจ้า 2 ตัวนี้มาอยู่ร่วมกัน แล้วจะอยู่กันยังไงล่ะ ? … เหตุผลที่ผมไม่ยอมเอา Ramm ไว้ท้าย ก็เพราะ
1. ค่าสายสัญญาณยาวเลยล่ะ ซึ่งค่าสายสัญญาณมันแพงกว่าสายลำโพงครับ
2. ปัญหาเรื่องการยกยางอะไหล่เข้าออก เพราะผมเช็คลมยางอะไหล่ทุก 6 เดือนครับ
-- อันที่จริงถอดใจไปแล้วรอบนึง โทร.หาพี่เต้าแล้วล่ะว่า … จะหาแอมป์มาแทน Ramm เอาอะไรดี Class AB ตัวไม่โต … แต่พอวางสาย ช่างกานต์ ก็เรียกผมมาดูไอเดียเค้า
แต่ไม่มีอะไรได้มาโดยง่ายครับ
-- ด้วยความที่ Ramm นั้น ช่องเสียบสายสัญญาณ สายลำโพง อยู่ด้านข้าง แถมตัวก็ยาวซะขนาดนั้น ก็จะติดขาเหล็กที่โครงเบาะ กับ พลาสติคครอบขาเบาะครับ งานนี้ถ้าต้องการจบ … ก็ต้องถอดขาเหล็ก กับ เฉือนพลาสติคครอบสถานเดียวครับ … อ่ะ จัดปายยย
มาดูตู้ Sub กันมั่ง
-- หมดเรื่องพื้นที่วางแอมป์แล้ว มาดูตู้ Sub กันดีกว่า … สเปคเจ้า Audison ตัวนี้ บอกมาละเอียดยิบ (ประชดนะ) เลยก็คือ
1. ปริมาตรตู้ 17 ลิตร (ไม่บอกเป็น คิว ด้วยนะ)
2. ปริมาตรดอก Sub 2.4 ลิตร
3. ถ้าจะเอาแม่เหล็กลงตู้ ให้บวกปริมาตรดอกเพิ่มเข้าไปกับตู้ด้วย
4. ถ้าจะติดวัสดุซับเสียงในตู้ให้คำนวณเผื่อด้วย
-- เห็นแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ ท่านเพ่ บอกมาแค่นี้จริงๆครับ ในขณะที่ JL หรือ Image เค้าบอกขนาดตู้มาละเอียดยิบเลย … แล้วจะทำไงเหรอ? กลัวอะไร ก็ค้นสิ อินเตอร์เนตก็มี ภาษาอังกฤษก็พอไหว พร้อมกับนั่งแปลงหน่วยให้เป็นคิวบิกฟุตด้วย และแล้วก็ได้ขนาดตู้ออกมาก็คือ 11 x 11 x 20 นิ้ว ครับ … ผมจงใจให้หน้าตู้แคบที่สุด แล้วก็ไปออกทางแนวยาว เพราะหวังผลในแง่ความลึกของลูกเบส นอกจากนี้ ในตู้ ยังให้บุด้วยฟองน้ำรังไข่หนา 1.5 นิ้ว เข้าไปทั้งหมด จุดประสงค์เพื่อลดอาการสั่น กระพือของตู้ครับ และสุดท้ายก็คือ ไม้ที่ทำตู้ เลือกหนาที่สุดก็คือ 19 ม.ม. ครับ
-- เบ็ดเสร็จแล้ว ถ้าคำนวณไม่ผิด ก็จะได้ปริมาตรตู้ออกมาราวๆ 0.68 คิวบิกฟุต ครับ ก็พอดีกับสเปคเป๊ะเลยครับ แต่ … ไม่จบครับ เพราะ Sub Audison ตัวนี้แถมตะแกรงครอบมาด้วย แต่ด้วยตะแกรงขนาดค่อนข้างใหญ่ ในขณะที่ตู้ตีพอดีกับหน้า Sub ทำให้ใส่ตะแกรงของ Audison ไม่ได้ครับ ถ้าจะให้ใส่ได้ ก็ต้องขยายหน้ากว้างของตู้ออกไปอีก ซึ่งหมายความว่า แผ่นวางสัมภาระชั้น 2 ก็จะใช้ไม่ได้
เฮ้อออ งั้นเอาตะแกรงธรรมดาละกัน … เดี๋ยวลายสวยๆค่อยไปหาใน ebay ทีหลังละกัน
อุปกรณ์อื่นๆ
1. สายสัญญาณ … Audioquest Alpha Snake … ไม่ได้พิศวาสอะไรยี่ห้อนี้ แต่มันเหลืออยู่ที่บ้านครับ พ่อซื้อมาลองครั้งเดียวแล้วก็โยนเอาไว้ บอกสั้นๆแค่ “ไม่ได้เรื่อง” … แต่สำหรับผมก็คือ “ดีกว่าเสียตังค์ฟะ”
2. สายลำโพง … ด้วยความที่ค่อนข้างเร่งด่วนในการติดตั้ง เลยไม่มีเวลาหาสายอะไร เอาง่ายที่สุดก็คือ ปลดจากลำโพงบ้านที่ปราจีนนี่แหละ ผมมี Supra Ply 3.4s อยู่ 2 เส้นๆละ 2 เมตร … จับมาเดินในตู้ Sub 1 เมตร และเดินจากแอมป์ไปตู้อีก 2 เมตร ครับ
-- ที่จริง ผมมี Ecosse CS2.3 อีกชุดนึงนะ เอาไว้ต่อกับลำโพงคอมอยู่ สั่งมาเมตรละ 200 กว่าบาทเอง สองจิต สองใจ อยู่ ใจนึงก็บอกว่า แค่สาย sub มันไม่เห็นผลอะไรนักหรอก แต่อีกใจก็บอกว่า ไหนๆทำแล้วก็เอาให้จบเลยดีกว่า
-- สุดท้าย ก็เลยเลือก Supra ลงรถแทนครับ (เพราะ Ecosse สำหรับผมนี่ มันต่อได้แค่ลำโพงคอมแหละ ... ไม่รู้ว่า หลายปีก่อน ทำไมเมืองไทยเชียร์กันจัง ฟังแล้ว "ไม่ผ่าน" ครับ
3. สายไฟ … อันนี้เจาะจงสถานเดียวว่า ต้องเบอร์ 4 เท่านั้น เพื่อที่จะได้จ่ายไฟให้แอมป์ได้เต็มๆครับ แล้วก็พอดีกับที่ร้านมี Bewith No.4 ขายพอดี ก็จบไปแบบง่ายๆ (สายไฟเลี้ยง Front กับ แอมป์ขับกลางแหลม ก็เป็น Bewith No.8 ครับ)
ลองฟังดีกว่า
งานนี้แอมป์ทั้ง 2 ตัว ไม่มี crossover นะครับ เลยเป็นผลงานของ Clarion DXZ786USB แต่เพียงผู้เดียวครับ EQ กับ T/A ไม่ได้ใช้นะครับ มาเล่นกับจุดตัดกันดีกว่า ..
ลองครั้งแรก
ไม่ตัด HPF ปล่อย Full
ตัด LPF ที่ 80Hz
-- ฟังแว้บแรก … เฮ้ยยย เบสลูกใหญ่ใช้ได้แฮะ แต่ยังไม่ค่อยกลมนัก ฟังไป ฟังมา เบสมันตีกันแฮะ ระหว่างจากกลางแหลม และ จาก Sub
ลองครั้งที่สอง
ตัด HPF ที่ 50Hz
ตัด LPF ที่ 80Hz
-- กลางแหลมฟังดีขึ้น เสียงอื้อๆอึงๆบวมๆหายไปเยอะ
ลองครั้งที่สาม
ตัด HPF ที่ 50Hz
ตัด LPF ที่ 125Hz (มัน fix ค่ามาแบบนี้)
-- เบสมาเป็นลูก แต่ลงไม่ลึก ออกแนวรถซิ่ง ทำเครื่องเสียงน่ะครับ เอะอะก็ ตูม อะไรประมาณนั้น
ลองครั้งที่สี่
ตัด HPF ที่ 80Hz
ตัด LPF ที่ 80Hz
-- ผมว่า ผมชอบค่านี้ที่สุดนะ คือ เบสจาก sub ไม่มากวนกลางแหลม แต่พอเพลงที่จะต้องมีเบส เสียงเบสมันก็มา โดยเจ้า Voce AV10 ตัวนี้ จะได้เปรียบ SEAS SW250 ใน G4 คันก่อนนั้นหน่อย ตรงที่ เสียงเบสมันมาเร็ว กระชับ ไม่ยาน ไม่รอ จนต้องตัดกลางแหลมต่ำลงมาช่วยน่ะครับ
-- วันนี้ขับกลับจากกทม. มา ปราจีน … ขับแล้วเพลินดีครับ ฟังเพลงมันส์ๆได้ดีขึ้น แต่ยังติที่ เสียงแหลม มันแผดเสียงมากไปหน่อย ส่วนตัวคิดว่า น่าจะมาจาก เกนแอมป์กลางแหลมแหละ พอกลับมาถึงปราจีน ก็เลยจัดการสักหน่อย ตั้งตามทฤษฎีเป๊ะ นั่นคือ เร่ง volume ที่ front ราวๆ 70% ปรากฎว่า เสียงดังมาก เป็นอันว่า ที่คิดไว้ถูกคือ ตั้งเกนแอมป์ไว้มากไปหน่อย (ของเดิมอยู่ที่เที่ยง) ก็ค่อยๆปรับลงมาครับ ปรับแล้วก็ฟัง สรุปสุดท้าย ลงมาเหลือเกือบๆ 9 โมงเช้าน่ะครับ (8 โมงครึ่ง)
ถามว่า ฟังดีกว่าคัน G4 ไหม? … ถ้า ณ ตอนนี้ ยังสู้ไม่ได้ครับ แต่ไม่ได้ทิ้งห่างแบบหลุดลุ่ย ส่วนหนึ่งเพราะรถคันนั้นเบิร์นไปกว่า 100 ช.ม.แล้ว ผ่านการปรับจูนรอบสองแล้ว ได้หัวเบส ได้จังหวะสนุก แต่อย่างที่บอกครับ รถคันนั้น นิสัย sub เฉื่อย ต้องเอากลางแหลมลงมาช่วย รวมถึงอีกหลายๆอย่าง ทำให้กลางแหลมไม่สะอาดเท่า
ถามว่า ฟังดีกว่าคัน Civic FD ที่ใส่ ID10 ไหม? … สั้นๆก็คือ คนละเรื่อง เทียบกัน ไม่ได้ครับ (แน่ล่ะ ด้วยคุณภาพอุปกรณ์ ด้วยการติดตั้ง ด้วยขนาดตู้ สารพัดเลยล่ะ)
สรุปสุดท้าย
-- Upgrade system รอบนี้ คุยกันด้วยเม็ดเงินร่วม 7 หมื่นบาท ทีแรกไม่รู้สึกอะไรหรอก เพราะซื้อทีละชิ้น สองชิ้น แต่พอเอามาบวกๆกัน อูยยยยยย เดือนหน้ากินแกลบแน่เลยตรู
-- ถามว่า คุ้มมั้ย … ของแบบนี้ ตอบแทนกันไม่ได้ครับ คนชอบก็อาจจะบอกว่า คุ้ม ไม่แพงหรอก แต่คนไม่สนใจเสียงเพลง อาจจะบอกว่า มันบ้าหรือป่าว ??? ก็ได้ครับ