นี้เป็นครั้งแรกที่เราเข้ามาตั้งกระทู้ เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวเองแต่เกิดกับหลาน(ลูกพี่สาว) ปกติแล้วพี่สาวไม่คอยเล่าเรื่องเกี่ยวกับหลานให้ฟังมากนักแต่เมื่อเช้าได้คุยกัน พี่ได้เล่าถึงการกระทำและการใช้คำพูดของคนที่เรียกตัวเองว่าครูให้ฟัง. ต้องขอบอกก่อนว่าตัวเราเองก็ทำอาชีพเป็นครูและเรียนเกี่ยวเด็กโดยเฉพาะ.
เวลาที่ได้ยินเรื่องเกี่ยวกับผู้ปกครองกับครู ตัวเราจะคอยรับฟังและให้คำปรึกษาและทำตัวเป็นกลาง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับหลานเรา เราถือว่าเป็นเรื่องที่แย่มากๆๆสำหรับคุณครูคนหนึ่งที่กระทำต่อเด็ก 6 ขวบ. พี่สาวพึ่งย้ายหลานมาโรงเรียนชื่อดังแหล่งนี้ย่านสาธร.
เราจะไม่ขอกล่าวหรือวิจารณ์ใดๆเกี่ยวกับตัวโรงเรียน. แต่ที่อย่ากจะเล่าเกี่ยวกับตัวคุณครูประจำชั้นของหลาน พฤติกรรมที่ครูท่านนี้ทำต่อหลานครูท่านนี้ควรพิจารณาตัวเองว่าควรเรียกตัวเอกว่าครูหรือไม่ การที่ว่าเด็กต่อหน้าเพื่อนในชั้นเรียนว่าโง่ และทำให้เพื่อนๆๆในชั้นพากันล้อหลาน ว่าหลานโง่เป็นพฤติกรรมที่สำควรหรือ? พี่สาวเป็นหว่งหลานก็คอยถามและฝากครูท่านนี้ดูแลเพราะเธอเป็นครูประจำชั้น แต่สิ่งที่ได้กับมากลายเป็นว่าครูท่านนี้คือประจานหลานต่อหน้าเพื่อนของหลานในห้อง และบอกกับหลานว่า หล่านพูดไม่รู้เรื่องื ไม่ควรเราเรื่องที่โรงเรียนไปเล่าให้พ่อกับแม่ฟัง. (อยากจะขอถามหน่อยว่า ถ้าคุณเป็นผู้ปกครอง คุณทำงานหนักมาทั้งวัน ไม่ได้เจอหน้าลูก พอถึงบ้านคุณก็คงอยากถามลูกว่าเป็นยังไงบ้าง? เรียนเป็นยังไงบ้าง? และเมื่อลูกคุณบอกถึงปัญหาที่เกิดขึ้นที่โรงเรียน คุณเอาปัญหาไปปรึกษาหรือถามครูกับได้รับคำตอบแบบนี้) ข้อความต่อไปนี้เป็นข้อความที่ครูท่านนี้ส่งมาให้พี่สาว. "คุนแม่ค่ะ มิสไม่ทราบหรอกค่ะ ต้องฝึกลูกสาวให้สื่อสารให้รู้เรื่องดูลูกสาวคุนแม่จะปัญหาเยอะทุกวัน ต้องฝึกมากๆค่ะ ถ้าสงสัยก้อตัองถามครูผู้สอนให้รู้เรื่องต้องฝึกให้ได้ เพื่อนคนอื่นทำได้หลายคนแล้วค่ะ" ตัวเราเองเป็นก็ครูเวลาเราคุยกับหลาน เราก็ว่าทักษะการพูดก็เหมาะัสมกับวัยและอายุ. ตัวเราไม่ได้เข้าข้างหลานหรือพี่สาวเพราะเรารู้ว่าบางครั้งผูปกครองก็สามารถมีดารม่าได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับหลานคือคนที่เป็นครูใช้วาจาทำลายความมั่นใจของเด็ก ( self esteem ) หลายๆคนอาจจะคิดว่านี้ไมีใช่เรื่องใหญ่ แต่จริงๆๆแล้วself esteemมีความสำคัญมาก และส่งผลยาวยังเด็กคนนั้นกลายเป็นผู้ใหญ่
เราควรทำยังไงถ้าคุณครูประจำชั้นของลูกว่าลูกเราโง่ต่อหน้าเด็กคนอื่นๆๆในห้อง
เวลาที่ได้ยินเรื่องเกี่ยวกับผู้ปกครองกับครู ตัวเราจะคอยรับฟังและให้คำปรึกษาและทำตัวเป็นกลาง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับหลานเรา เราถือว่าเป็นเรื่องที่แย่มากๆๆสำหรับคุณครูคนหนึ่งที่กระทำต่อเด็ก 6 ขวบ. พี่สาวพึ่งย้ายหลานมาโรงเรียนชื่อดังแหล่งนี้ย่านสาธร.
เราจะไม่ขอกล่าวหรือวิจารณ์ใดๆเกี่ยวกับตัวโรงเรียน. แต่ที่อย่ากจะเล่าเกี่ยวกับตัวคุณครูประจำชั้นของหลาน พฤติกรรมที่ครูท่านนี้ทำต่อหลานครูท่านนี้ควรพิจารณาตัวเองว่าควรเรียกตัวเอกว่าครูหรือไม่ การที่ว่าเด็กต่อหน้าเพื่อนในชั้นเรียนว่าโง่ และทำให้เพื่อนๆๆในชั้นพากันล้อหลาน ว่าหลานโง่เป็นพฤติกรรมที่สำควรหรือ? พี่สาวเป็นหว่งหลานก็คอยถามและฝากครูท่านนี้ดูแลเพราะเธอเป็นครูประจำชั้น แต่สิ่งที่ได้กับมากลายเป็นว่าครูท่านนี้คือประจานหลานต่อหน้าเพื่อนของหลานในห้อง และบอกกับหลานว่า หล่านพูดไม่รู้เรื่องื ไม่ควรเราเรื่องที่โรงเรียนไปเล่าให้พ่อกับแม่ฟัง. (อยากจะขอถามหน่อยว่า ถ้าคุณเป็นผู้ปกครอง คุณทำงานหนักมาทั้งวัน ไม่ได้เจอหน้าลูก พอถึงบ้านคุณก็คงอยากถามลูกว่าเป็นยังไงบ้าง? เรียนเป็นยังไงบ้าง? และเมื่อลูกคุณบอกถึงปัญหาที่เกิดขึ้นที่โรงเรียน คุณเอาปัญหาไปปรึกษาหรือถามครูกับได้รับคำตอบแบบนี้) ข้อความต่อไปนี้เป็นข้อความที่ครูท่านนี้ส่งมาให้พี่สาว. "คุนแม่ค่ะ มิสไม่ทราบหรอกค่ะ ต้องฝึกลูกสาวให้สื่อสารให้รู้เรื่องดูลูกสาวคุนแม่จะปัญหาเยอะทุกวัน ต้องฝึกมากๆค่ะ ถ้าสงสัยก้อตัองถามครูผู้สอนให้รู้เรื่องต้องฝึกให้ได้ เพื่อนคนอื่นทำได้หลายคนแล้วค่ะ" ตัวเราเองเป็นก็ครูเวลาเราคุยกับหลาน เราก็ว่าทักษะการพูดก็เหมาะัสมกับวัยและอายุ. ตัวเราไม่ได้เข้าข้างหลานหรือพี่สาวเพราะเรารู้ว่าบางครั้งผูปกครองก็สามารถมีดารม่าได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับหลานคือคนที่เป็นครูใช้วาจาทำลายความมั่นใจของเด็ก ( self esteem ) หลายๆคนอาจจะคิดว่านี้ไมีใช่เรื่องใหญ่ แต่จริงๆๆแล้วself esteemมีความสำคัญมาก และส่งผลยาวยังเด็กคนนั้นกลายเป็นผู้ใหญ่