- ผมซื้อสารานุกรมไทยฉบับราชบัณฑิตยสถานตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก ตอนนี้อายุสามสิบกว่าแล้ว ยังพิมพ์ออกมาไม่เสร็จ
จำได้ว่าตอนที่เริ่มซื้อก็ไม่เหลือเล่มแรกๆแล้ว เล่มแรกๆที่ผมซื้อได้ก็พิมพ์มาตั้งแต่ผมยังไม่เกิด
คิดดูว่าราคาปกแค่ สามสี่สิบบาท จนล่าสุดที่เพิ่งออกมา(หลายปีแล้ว) คืออักษร ส.เสือ ราคาเล่มละเกือบสี่ร้อยบาท (ขนาดหนังสือเท่าๆกันทุกเล่ม)
- ต่อมาก็มีสารานุกรมประวัติศาสตร์สากลสมัยใหม่ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน แยกตามภูมิภาค เอเชีย ยุโรป อเมริกา ไทย
อันนี้ก็เคลื่อนไหวเหมือนเต่าเช่นเดียวกัน อันนี้ซื้อเล่มอักษรA ตั้งแต่เด็ก จนบัดนี้ ยังไม่ถึงไหน
ที่เร็วสุดคงเป็นยุโรป ที่ถึงตัวK (หรือตัว O ไม่แน่ใจเพราะไม่ได้อยู่ที่บ้าน) ส่วนของเอเชียกับอเมริกานี่ไม่ถึงไหนเลย
สารานุกรมประวัติศาสตร์ไทยยิ่งแล้วใหญ่ หนังสือชุดนี้ผมคิดว่าน่าจะเริ่มทำมาซัก10ปีได้ แต่ตอนนี้ สารานุกรมประวัติศาสตร์ไทย ออกมาได้แค่...2เล่ม คือเล่ม1อักษร ก. และเล่ม2อักษร ข.-จ.
- เรื่องสารานุกรมไทยฉบับราชบัณฑิตยสถาน อันนี้ผมไปลองหาๆดูแล้ว พบว่า เล่มแรกๆ(อักษรก.)ออกมาตั้งแต่ผมยังไม่เกิด เห็นว่าเขียนกันตั้งแต่สมัยรัฐบาลคณะราษฎร์นู้นเลย ลองคิดๆดูแล้ว เดาเอาอย่างมั่นใจได้ว่า ผู้เขียนหลายท่านคงไม่อยู่แล้ว คิดดูสิครับ เห็นว่าเล่มล่าสุดออกมาถึงอักษร อ.อ่าง แล้ว อ.อ่างห่างจากก.ไก่กี่สิบปีครับนี่ โลกเปลี่ยนไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้ว องค์กรราชบัณฑิตไม่ควรปล่อยให้องค์ความรุ้มันล่าช้าล้าสมัยขนาดนี้นะครับ ตัวอย่างนะครับ --> กรีก ประเทศที่มีอาณาเขตติดกับยูโกสลาเวีย -->กรุงเก่า ชื่ออำเภอในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
- เรื่องสารานุกรมไทยนี่ ผมเดาเอาว่า เราคงจะเลียนแบบสารานุกรมบริเตนิก้า กับอเมริกาน่า ซึ่งมีอัพเดทตลอด ผ่านกาลเวลามานานจนตอนนี้คนเริ่มไม่ค่อยซื้อสารานุกรมแล้ว เพราะองค์ความรู้ลอยขึ้นฟุ้งไปในอากาศให้ตักตวงง่ายดาย จนแทบจะพ้นยุคของสารานุกรมเล่มหนาๆแล้ว ราชบัณฑิตไทยก็ยังจัดทำสารานุกรมไม่เสร็จ
- ผมเคยสงสัยว่า ทำไมถึงใช้เวลานานขนาดนี้ จำได้ว่าช่วงก่อนเกิดวิกฤตการเมือง เคยมีความพยายามเร่งรัดปฏิรูปราชบัณทิตยสถาน มีการตราพรบ.ราชบัณฑิตใหม่แทนที่ฉบับเดิมที่เก่าแก่มาก เคยมีรายการโทรทัศน์อันหนึ่งนานมาแล้ว พูดถึงเรี่องนี้ แล้วได้คำตอบจากเจ้าหน้าที่ธุรการท่านหนึ่งอธิบายว่า เพราะราชบันทิตแต่ละท่านเป็นผู้หลักผู้ใหญ่มีงานล้นมือ บางท่านก็อายุมากแล้ว การจะเรียบเรียงองค์ความรู้แต่ละคำออกมาให้สมบูรณ์ต้องมีการประชุม และการจะประชุมแต่ละครั้งก็ค่อนข้างยากเย็น ทำให้สารานุกรมไทยเดินช้าเหมือนเต่าคลานเช่นนี้
สารานุกรมราชบัณฑิต จากรุ่นปู่สู่รุ่นหลาน ก็ยังไม่เสร็จ
จำได้ว่าตอนที่เริ่มซื้อก็ไม่เหลือเล่มแรกๆแล้ว เล่มแรกๆที่ผมซื้อได้ก็พิมพ์มาตั้งแต่ผมยังไม่เกิด
คิดดูว่าราคาปกแค่ สามสี่สิบบาท จนล่าสุดที่เพิ่งออกมา(หลายปีแล้ว) คืออักษร ส.เสือ ราคาเล่มละเกือบสี่ร้อยบาท (ขนาดหนังสือเท่าๆกันทุกเล่ม)
- ต่อมาก็มีสารานุกรมประวัติศาสตร์สากลสมัยใหม่ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน แยกตามภูมิภาค เอเชีย ยุโรป อเมริกา ไทย
อันนี้ก็เคลื่อนไหวเหมือนเต่าเช่นเดียวกัน อันนี้ซื้อเล่มอักษรA ตั้งแต่เด็ก จนบัดนี้ ยังไม่ถึงไหน
ที่เร็วสุดคงเป็นยุโรป ที่ถึงตัวK (หรือตัว O ไม่แน่ใจเพราะไม่ได้อยู่ที่บ้าน) ส่วนของเอเชียกับอเมริกานี่ไม่ถึงไหนเลย
สารานุกรมประวัติศาสตร์ไทยยิ่งแล้วใหญ่ หนังสือชุดนี้ผมคิดว่าน่าจะเริ่มทำมาซัก10ปีได้ แต่ตอนนี้ สารานุกรมประวัติศาสตร์ไทย ออกมาได้แค่...2เล่ม คือเล่ม1อักษร ก. และเล่ม2อักษร ข.-จ.
- เรื่องสารานุกรมไทยฉบับราชบัณฑิตยสถาน อันนี้ผมไปลองหาๆดูแล้ว พบว่า เล่มแรกๆ(อักษรก.)ออกมาตั้งแต่ผมยังไม่เกิด เห็นว่าเขียนกันตั้งแต่สมัยรัฐบาลคณะราษฎร์นู้นเลย ลองคิดๆดูแล้ว เดาเอาอย่างมั่นใจได้ว่า ผู้เขียนหลายท่านคงไม่อยู่แล้ว คิดดูสิครับ เห็นว่าเล่มล่าสุดออกมาถึงอักษร อ.อ่าง แล้ว อ.อ่างห่างจากก.ไก่กี่สิบปีครับนี่ โลกเปลี่ยนไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้ว องค์กรราชบัณฑิตไม่ควรปล่อยให้องค์ความรุ้มันล่าช้าล้าสมัยขนาดนี้นะครับ ตัวอย่างนะครับ --> กรีก ประเทศที่มีอาณาเขตติดกับยูโกสลาเวีย -->กรุงเก่า ชื่ออำเภอในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
- เรื่องสารานุกรมไทยนี่ ผมเดาเอาว่า เราคงจะเลียนแบบสารานุกรมบริเตนิก้า กับอเมริกาน่า ซึ่งมีอัพเดทตลอด ผ่านกาลเวลามานานจนตอนนี้คนเริ่มไม่ค่อยซื้อสารานุกรมแล้ว เพราะองค์ความรู้ลอยขึ้นฟุ้งไปในอากาศให้ตักตวงง่ายดาย จนแทบจะพ้นยุคของสารานุกรมเล่มหนาๆแล้ว ราชบัณฑิตไทยก็ยังจัดทำสารานุกรมไม่เสร็จ
- ผมเคยสงสัยว่า ทำไมถึงใช้เวลานานขนาดนี้ จำได้ว่าช่วงก่อนเกิดวิกฤตการเมือง เคยมีความพยายามเร่งรัดปฏิรูปราชบัณทิตยสถาน มีการตราพรบ.ราชบัณฑิตใหม่แทนที่ฉบับเดิมที่เก่าแก่มาก เคยมีรายการโทรทัศน์อันหนึ่งนานมาแล้ว พูดถึงเรี่องนี้ แล้วได้คำตอบจากเจ้าหน้าที่ธุรการท่านหนึ่งอธิบายว่า เพราะราชบันทิตแต่ละท่านเป็นผู้หลักผู้ใหญ่มีงานล้นมือ บางท่านก็อายุมากแล้ว การจะเรียบเรียงองค์ความรู้แต่ละคำออกมาให้สมบูรณ์ต้องมีการประชุม และการจะประชุมแต่ละครั้งก็ค่อนข้างยากเย็น ทำให้สารานุกรมไทยเดินช้าเหมือนเต่าคลานเช่นนี้