สวัสดีค่ะ เราเป็นเด็กแอด 56 กำลังจะขึ้นปีสองในคณะเกี่ยวกับการสื่อสารแถวๆสามย่าน
ส่วนนี้ข้อมูลพื้นฐาน ยาวหน่อยนะคะ
เดิมทีเราเรียนสายวิทย์มาค่ะ แต่ตอนที่เรียนม.ปลายเรายอมรับเลยว่าไม่ตั้งใจเรียน เรียนแบบเอาพอผ่าน เพราะใจนึงก็รู้สึกว่าไม่อยากเรียนวิทย์ อยากเป็นนักเขียน พอมองย้อนกลับไปมันก็เหมือนเราสะกดจิตตัวเองให้เชื่ออย่างนั้นด้วยแหละว่าเราเรียนไม่ได้ เราไม่เหมาะ เพราะฉะนั้นความรู้ในหัวตอนนี้แทบไม่มีเลย ในตอนนั้นเราก็ทำกิจกรรมบ้าง เช่น แต่งเรื่องสั้นส่งประกวด เขียนการ์ตูนร่วมกับเพื่อน กิจกรรมพวกนี้ก็ได้รับการสนับสนุนจากครูที่โรงเรียน เราเห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีก็เลยทำไปแต่เราก็ไม่ได้ทำอะไรจริงจังให้เป็นรูปธรรมขนาดนั้น
ต่อมา ตอนมอห้าเทอมสองเราก็ถูกแม่หว่านล้อมแกมขู่เข็ญให้ไปเรียนคอร์สติวเอ็นทรานส์ของโรงเรียนกวดวิชาชื่อดังในจังหวัด และแม่ก็อยากให้เราเข้าทันตะเพราะเห็นว่าเป็นอาชีพที่รายได้ดี มั่นคง ลักษณะการทำงานที่เข้ากับนิสัยเราที่ไม่ค่อยชอบวุ่นวายกับใครมาก ค่อนข้างปัจเจก เราพยายามเปิดใจกับวิทยาศาสตร์อีกครั้ง แต่คราวยี้เหมือนกับพื้นฐานเราไม่ดีไงคะ เริ่มจะต่อยาก บวกกับเราก็เริ่มมีอคติกับครูที่สอนเลยยิ่งกลับมาไม่ชอบวิทยาศาสตร์เข้าไปอีก ในตอนนั้นบอกตัวเองว่าเราไม่เหมาะกับวิทยาศาสตร์จริงๆ แต่พอมองกลับไปก็รู้สึกว่าทำไมเราทำอะไรโง่ๆอยากนี้วะ เรารู้เลยว่าเรามีอคติกับครู อคติกับวิธีการสอนไม่ยอมตั้งใจเรียนเองแล้ก็มาบอกว่าตัวเองไม่ชอบ ตัวเองไม่ถนัด พอมาถึงตอนเลือกคณะเราก็สับสนแหละค่ะว่าจะเลือกคณะอะไรดี สุดท้ายก็เลือกเรียนนิเทศเพราะคิดว่าเราเคยทำงานเขียน นิเทศนี่แหละ
เราเข้ามาเรียนได้สมใจ ช่วงแรกเราพยายามเข้าร่วมกิจกรรมในคณะ ลองอะไรใหม่ๆ เข้าทำฝ่ายต่างๆในละครเพื่อที่ว่าจะได้หาตัวเองว่าเราถนัดอะไร ตอนนั้นสนุกมากค่ะ ชีวิตดีมีความสุข ได้ลองแต่งเนื้อร้องละครเพลง แต่พอผ่านไปซักพักเราก็รู้สึกว่าถึงเราจะทำแล้วมีความสุขแต่เราก็ไม่ได้อยากจะทำมันขนาดนั้น พอมาดูเรื่องวิชาที่เรียนได้ลองเรียนวิชาพื้นฐานคณะ ลองดูรายวิชาในหลักสูตรจริงๆ เราเริ่มรู้สึกว่ามันเริ่มไม่ใช่แล้วแหละ
ส่วนที่เราคิดว่าไม่ใช่เพราะถึงเราจะบอกว่าเราเคยทำงานเขียน เราชอบทำละคร เราก็ไม่ได้รู้สึกอยากจะทำมันต่อ เราคิดว่างานสายนี้สำคัญคือต้องทำเยอะ(จริงๆไม่ว่าสาขาไหนก็ต้องทุ่นเทกันทั้งนั้นอันนี้เผื่อเข้าใจผิดนะคะ)ถึงจะเก่ง การเรียนในห้องเรียนสอนได้แต่ทฤษฎีบวกการปฏิบัติอีกเล็กน้อย สุดท้ายต้องมาทำเองข้างนอก(รู้ซึ้งเลย เจอกะตัวเมื่อเทอมที่ผ่านมา)
ต่อมาเราไม่ชอบทำงานกับคนเยอะๆ ไม่ชอบที่พลุกพล่าน ไม่มีความคิดริเริ่มเท่าไหร่ คือคิดงานตามโจทย์ แล้วก็คืดไม่ออกค่ะ เทอมที่ผ่านมาเจอวิชาแนวครีเอทไปแทบร่วง ความมั่นใจที่ผ่านมาหายวับ เราเป็นคนแบบเป๊ะๆนิดนึงด้วย ไม่ค่อยยืดหยุ่น แต่ก่อนเรามองว่าเราชอบอะไรที่ไม่ตายตัว พอมาเจอจริงๆเงิบพอควร คราวนี้เริ่มรู้ตัวเองแล้วว่าเรามันเด็นเรียเต็มที่เลยนี่หว่า คิดอะไรอยู่ในกรอบพอควรเลย
พอเรียนเทอมสองไปได้พักใหญ่ๆเราก็วางแผนอ่านหนังสือซิ่วไปคณะทางวิทย์ๆ แต่ก็ยังไม่ทิ้งการเรียนในคณะนะคะ เกรดยังดีอยู่ พอหมดเทอมสองก็ไปเรียนกวดวิชาเลข เรียนๆไปเพราะพื้นเดิมอ่อน ไปลงคอร์สตะลุบโจทย์ แทบอ้วกค่ะ ก็ลังเลไปๆมาๆอยู่หลายรอบว่าจะซิ่วดีมั้ย คอนนี้ก็เลยเรียนภาษาจีนไปพลางๆ คิดว่าถ้าอยู่คณะนี้ต่อคงจะมีประโยชน์บ้าง ก่อนหน้านี้ก็บอกพ่อแม่ไปแล้วว่าจะไม่ซิ่วแน่ๆซึ่งก่อนหน้านี้ก็สับสนไปหลายรอบแล้ว ตอนนี้พ่อแม่คงปลงแล้วแหละ เราเองก็ปลงตัวเองเหมือนกัน
เราก็ปรึกษาหลายๆคนดูแล้ว เพื่อนสนิทคนหนึ่งของเราบอกว่า
ส่วนคำถาม พี่มีความเห็นยังไงบ้างคะ
ถ้าจะซิ่วไปวิศวะ มันจะเรียนได้มั้ยคะ พื้นฐานคำนวณไม่ดี มีเพื่อนที่เก่งคำนวณโรงเรียนเรายังบอกว่ายากเลย แล้วเราไม่ชอบเคมีมากๆด้วยค่ะ แต่เรามองว่ามันเป็นอะไรที่เห็นอนาคตชัดเจนว่าจะทำอะไร และพอเป็นพื้นให้ต่อทางอื่นได้
จะซิ่วดีมั้ย สับสนมากๆ รบกวนเพื่อนๆพี่ๆมาพูดคุยกันค่ะ
ส่วนนี้ข้อมูลพื้นฐาน ยาวหน่อยนะคะ
เดิมทีเราเรียนสายวิทย์มาค่ะ แต่ตอนที่เรียนม.ปลายเรายอมรับเลยว่าไม่ตั้งใจเรียน เรียนแบบเอาพอผ่าน เพราะใจนึงก็รู้สึกว่าไม่อยากเรียนวิทย์ อยากเป็นนักเขียน พอมองย้อนกลับไปมันก็เหมือนเราสะกดจิตตัวเองให้เชื่ออย่างนั้นด้วยแหละว่าเราเรียนไม่ได้ เราไม่เหมาะ เพราะฉะนั้นความรู้ในหัวตอนนี้แทบไม่มีเลย ในตอนนั้นเราก็ทำกิจกรรมบ้าง เช่น แต่งเรื่องสั้นส่งประกวด เขียนการ์ตูนร่วมกับเพื่อน กิจกรรมพวกนี้ก็ได้รับการสนับสนุนจากครูที่โรงเรียน เราเห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีก็เลยทำไปแต่เราก็ไม่ได้ทำอะไรจริงจังให้เป็นรูปธรรมขนาดนั้น
ต่อมา ตอนมอห้าเทอมสองเราก็ถูกแม่หว่านล้อมแกมขู่เข็ญให้ไปเรียนคอร์สติวเอ็นทรานส์ของโรงเรียนกวดวิชาชื่อดังในจังหวัด และแม่ก็อยากให้เราเข้าทันตะเพราะเห็นว่าเป็นอาชีพที่รายได้ดี มั่นคง ลักษณะการทำงานที่เข้ากับนิสัยเราที่ไม่ค่อยชอบวุ่นวายกับใครมาก ค่อนข้างปัจเจก เราพยายามเปิดใจกับวิทยาศาสตร์อีกครั้ง แต่คราวยี้เหมือนกับพื้นฐานเราไม่ดีไงคะ เริ่มจะต่อยาก บวกกับเราก็เริ่มมีอคติกับครูที่สอนเลยยิ่งกลับมาไม่ชอบวิทยาศาสตร์เข้าไปอีก ในตอนนั้นบอกตัวเองว่าเราไม่เหมาะกับวิทยาศาสตร์จริงๆ แต่พอมองกลับไปก็รู้สึกว่าทำไมเราทำอะไรโง่ๆอยากนี้วะ เรารู้เลยว่าเรามีอคติกับครู อคติกับวิธีการสอนไม่ยอมตั้งใจเรียนเองแล้ก็มาบอกว่าตัวเองไม่ชอบ ตัวเองไม่ถนัด พอมาถึงตอนเลือกคณะเราก็สับสนแหละค่ะว่าจะเลือกคณะอะไรดี สุดท้ายก็เลือกเรียนนิเทศเพราะคิดว่าเราเคยทำงานเขียน นิเทศนี่แหละ
เราเข้ามาเรียนได้สมใจ ช่วงแรกเราพยายามเข้าร่วมกิจกรรมในคณะ ลองอะไรใหม่ๆ เข้าทำฝ่ายต่างๆในละครเพื่อที่ว่าจะได้หาตัวเองว่าเราถนัดอะไร ตอนนั้นสนุกมากค่ะ ชีวิตดีมีความสุข ได้ลองแต่งเนื้อร้องละครเพลง แต่พอผ่านไปซักพักเราก็รู้สึกว่าถึงเราจะทำแล้วมีความสุขแต่เราก็ไม่ได้อยากจะทำมันขนาดนั้น พอมาดูเรื่องวิชาที่เรียนได้ลองเรียนวิชาพื้นฐานคณะ ลองดูรายวิชาในหลักสูตรจริงๆ เราเริ่มรู้สึกว่ามันเริ่มไม่ใช่แล้วแหละ
ส่วนที่เราคิดว่าไม่ใช่เพราะถึงเราจะบอกว่าเราเคยทำงานเขียน เราชอบทำละคร เราก็ไม่ได้รู้สึกอยากจะทำมันต่อ เราคิดว่างานสายนี้สำคัญคือต้องทำเยอะ(จริงๆไม่ว่าสาขาไหนก็ต้องทุ่นเทกันทั้งนั้นอันนี้เผื่อเข้าใจผิดนะคะ)ถึงจะเก่ง การเรียนในห้องเรียนสอนได้แต่ทฤษฎีบวกการปฏิบัติอีกเล็กน้อย สุดท้ายต้องมาทำเองข้างนอก(รู้ซึ้งเลย เจอกะตัวเมื่อเทอมที่ผ่านมา)
ต่อมาเราไม่ชอบทำงานกับคนเยอะๆ ไม่ชอบที่พลุกพล่าน ไม่มีความคิดริเริ่มเท่าไหร่ คือคิดงานตามโจทย์ แล้วก็คืดไม่ออกค่ะ เทอมที่ผ่านมาเจอวิชาแนวครีเอทไปแทบร่วง ความมั่นใจที่ผ่านมาหายวับ เราเป็นคนแบบเป๊ะๆนิดนึงด้วย ไม่ค่อยยืดหยุ่น แต่ก่อนเรามองว่าเราชอบอะไรที่ไม่ตายตัว พอมาเจอจริงๆเงิบพอควร คราวนี้เริ่มรู้ตัวเองแล้วว่าเรามันเด็นเรียเต็มที่เลยนี่หว่า คิดอะไรอยู่ในกรอบพอควรเลย
พอเรียนเทอมสองไปได้พักใหญ่ๆเราก็วางแผนอ่านหนังสือซิ่วไปคณะทางวิทย์ๆ แต่ก็ยังไม่ทิ้งการเรียนในคณะนะคะ เกรดยังดีอยู่ พอหมดเทอมสองก็ไปเรียนกวดวิชาเลข เรียนๆไปเพราะพื้นเดิมอ่อน ไปลงคอร์สตะลุบโจทย์ แทบอ้วกค่ะ ก็ลังเลไปๆมาๆอยู่หลายรอบว่าจะซิ่วดีมั้ย คอนนี้ก็เลยเรียนภาษาจีนไปพลางๆ คิดว่าถ้าอยู่คณะนี้ต่อคงจะมีประโยชน์บ้าง ก่อนหน้านี้ก็บอกพ่อแม่ไปแล้วว่าจะไม่ซิ่วแน่ๆซึ่งก่อนหน้านี้ก็สับสนไปหลายรอบแล้ว ตอนนี้พ่อแม่คงปลงแล้วแหละ เราเองก็ปลงตัวเองเหมือนกัน
เราก็ปรึกษาหลายๆคนดูแล้ว เพื่อนสนิทคนหนึ่งของเราบอกว่า
ส่วนคำถาม พี่มีความเห็นยังไงบ้างคะ
ถ้าจะซิ่วไปวิศวะ มันจะเรียนได้มั้ยคะ พื้นฐานคำนวณไม่ดี มีเพื่อนที่เก่งคำนวณโรงเรียนเรายังบอกว่ายากเลย แล้วเราไม่ชอบเคมีมากๆด้วยค่ะ แต่เรามองว่ามันเป็นอะไรที่เห็นอนาคตชัดเจนว่าจะทำอะไร และพอเป็นพื้นให้ต่อทางอื่นได้