ต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมดคงเกิดจากความเดือดเนื้อร้อนใจของชาวบ้านกลุ่มหนึ่งในยุคเซ็นโกคุของญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นช่วงยุคสมัยที่เรียกได้ว่า อันธพาลครองเมือง ชาวบ้านต้องรับใช้ส่งเสบียงอาหารให็กับหมู่โจร เมื่อถึงจุดหนึ่งที่เกินขีดความอดกลั้น ชาวบ้านเหล่านั้นก็ได้ตามหาคนที่จะมาทำหน้าที่คุ้มครอง ซึ่งเป้าหมายของพวกเขาก็คือ กลุ่มซามูไร แต่ด้วยขนบธรรมเนียมความแตกต่างระหว่างชนชั้นแรงงานกับขุนนาง หนทางที่จะเกิดการร่วมมือระหว่างชนนั้นก็เป็นได้ด้วยความยากลำบาก
คงไม่มีรั้วหนามใดจะมาขวางกั้นเหล่าศัตรูไม่ให้มาทำร้ายเหล่าชาวบ้าน ได้ดีเท่ากับการให้ชาวบ้านผู้หวาดกลัวและอ่อนแอรู้จักวิธีการต่อสู้ เช่นเดียวกับคำพูดของซามูไรท่านหนึ่งได้กล่าไว้ในตอนจบ “แท้จริงแล้วสงครามนี้ พวกเราอย่างเราไม่ไ่ด้มีชัยเหนือเหล่าศัตรูหรอกน่ะ ชาวบ้านต่างหากที่เป็นผู้ชนะจากศึกสงครามครั้งนี้” ก็จริงอย่างที่เขาพูดซามูไรก็มีความสามารถที่จะสู้รบปรบมืออยู่แล้ว หากแต่ชาวบ้านนั้นกล้าที่จะต่อสู้ปกป้องตนเองและไม่ตกอยู่ในเงามืดของความหวาดกลัว สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่แสดงถึงชัยชนะของชาวบ้าน
ตัวหนังยังสอดแทรกประเด็นเรื่องจุดเสมอภาคระหว่างชนชั้น นั่นคือ ระหว่างชาวนากับซามูไร ทั้งในเชิงที่ว่าชาวนากับสามูไรสามารถร่วมมือช่วยเหลือกันได้ และในอีกรูปแบบนั่นคือความรัก ระหว่างซามูไรคัตซึชิโร่กับหญิงสาวชาวนาชิโน่ ที่แต่เดิมมีกำแพงประเพณี ความรักของทั้งสองจึงถูกมองว่าเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ สถานะของทั้งคู่พวกเขาจึงไม่ต่างอะไรจากการถูกเปลวไฟที่แผดเผา เช่นในฉากหนึ่ง คืนก่อนที่จะมีการรบครั้งสุดท้าย คัตซึชิโร่กับชิโน่ถูกจับได้ว่าแอบมีเสน่หาต่อกัน ทั้งคู่นอนกอดกันในยุ้งข้าวที่เบื้องหน้ามีกองไฟ แสงของมันลอดผ่านซี่ไม้ไผ่ ภาพที่เราเห็นคือคู่รักที่นอนอยู่บนกองไฟดีๆนี่เอง แต่ภายหลังพ่อของชิโน่ยอมรับในความรักของทั้งคู่ ไม่นานนักสายฝนก็โปรยปรายลงมาบ่งบอกกับเราว่า กำแพงประเพณีได้ทลายลงมาเป็นที่เรียบร้อย
ความจริงแล้วสิ่งที่หนังเรื่องนี้มอบให้กับวงการภาพยนตร์โลกนั่นก็คือ รูปแบบของบทภาพยนตร์ที่เป็นเรื่องราวของการรวมตัวของเหล่าฮีโร่เพื่อขจัดความอยุติธรรมให้หมดไป นี่ก็คงเพียงพอแล้วที่จะทำให้หนังเรื่องนี้ติดโผในรายชื่อหนึ่งในหนังที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ แต่สำหรับผลงานของเพอร์เฟ็กชั่นนิสต์อย่างคุโรซาว่าแล้วแค่เรื่องบทคงยังไม่เพียงพอกับความต้องการของเขา เพราะนอกเหนือจากบทแล้ว วิธีการถ่ายทอด การจัดองค์ประกอบฉาก ดนตรี ตลอดจนการแสดงทั้งหมดก็ล้วนเข้าเคมีกันได้อย่างดีเยี่ยม
ร่วมพูดคุยเกี่ยวกับภาพยนตร์ทางเฟสได้เลยน่ะครับ
https://www.facebook.com/survival.king
Tempy Movies Review วิจารณ์หนัง: Seven Samurai {Akira Kurosawa}, 1954
ต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมดคงเกิดจากความเดือดเนื้อร้อนใจของชาวบ้านกลุ่มหนึ่งในยุคเซ็นโกคุของญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นช่วงยุคสมัยที่เรียกได้ว่า อันธพาลครองเมือง ชาวบ้านต้องรับใช้ส่งเสบียงอาหารให็กับหมู่โจร เมื่อถึงจุดหนึ่งที่เกินขีดความอดกลั้น ชาวบ้านเหล่านั้นก็ได้ตามหาคนที่จะมาทำหน้าที่คุ้มครอง ซึ่งเป้าหมายของพวกเขาก็คือ กลุ่มซามูไร แต่ด้วยขนบธรรมเนียมความแตกต่างระหว่างชนชั้นแรงงานกับขุนนาง หนทางที่จะเกิดการร่วมมือระหว่างชนนั้นก็เป็นได้ด้วยความยากลำบาก
คงไม่มีรั้วหนามใดจะมาขวางกั้นเหล่าศัตรูไม่ให้มาทำร้ายเหล่าชาวบ้าน ได้ดีเท่ากับการให้ชาวบ้านผู้หวาดกลัวและอ่อนแอรู้จักวิธีการต่อสู้ เช่นเดียวกับคำพูดของซามูไรท่านหนึ่งได้กล่าไว้ในตอนจบ “แท้จริงแล้วสงครามนี้ พวกเราอย่างเราไม่ไ่ด้มีชัยเหนือเหล่าศัตรูหรอกน่ะ ชาวบ้านต่างหากที่เป็นผู้ชนะจากศึกสงครามครั้งนี้” ก็จริงอย่างที่เขาพูดซามูไรก็มีความสามารถที่จะสู้รบปรบมืออยู่แล้ว หากแต่ชาวบ้านนั้นกล้าที่จะต่อสู้ปกป้องตนเองและไม่ตกอยู่ในเงามืดของความหวาดกลัว สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่แสดงถึงชัยชนะของชาวบ้าน
ตัวหนังยังสอดแทรกประเด็นเรื่องจุดเสมอภาคระหว่างชนชั้น นั่นคือ ระหว่างชาวนากับซามูไร ทั้งในเชิงที่ว่าชาวนากับสามูไรสามารถร่วมมือช่วยเหลือกันได้ และในอีกรูปแบบนั่นคือความรัก ระหว่างซามูไรคัตซึชิโร่กับหญิงสาวชาวนาชิโน่ ที่แต่เดิมมีกำแพงประเพณี ความรักของทั้งสองจึงถูกมองว่าเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ สถานะของทั้งคู่พวกเขาจึงไม่ต่างอะไรจากการถูกเปลวไฟที่แผดเผา เช่นในฉากหนึ่ง คืนก่อนที่จะมีการรบครั้งสุดท้าย คัตซึชิโร่กับชิโน่ถูกจับได้ว่าแอบมีเสน่หาต่อกัน ทั้งคู่นอนกอดกันในยุ้งข้าวที่เบื้องหน้ามีกองไฟ แสงของมันลอดผ่านซี่ไม้ไผ่ ภาพที่เราเห็นคือคู่รักที่นอนอยู่บนกองไฟดีๆนี่เอง แต่ภายหลังพ่อของชิโน่ยอมรับในความรักของทั้งคู่ ไม่นานนักสายฝนก็โปรยปรายลงมาบ่งบอกกับเราว่า กำแพงประเพณีได้ทลายลงมาเป็นที่เรียบร้อย
ความจริงแล้วสิ่งที่หนังเรื่องนี้มอบให้กับวงการภาพยนตร์โลกนั่นก็คือ รูปแบบของบทภาพยนตร์ที่เป็นเรื่องราวของการรวมตัวของเหล่าฮีโร่เพื่อขจัดความอยุติธรรมให้หมดไป นี่ก็คงเพียงพอแล้วที่จะทำให้หนังเรื่องนี้ติดโผในรายชื่อหนึ่งในหนังที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ แต่สำหรับผลงานของเพอร์เฟ็กชั่นนิสต์อย่างคุโรซาว่าแล้วแค่เรื่องบทคงยังไม่เพียงพอกับความต้องการของเขา เพราะนอกเหนือจากบทแล้ว วิธีการถ่ายทอด การจัดองค์ประกอบฉาก ดนตรี ตลอดจนการแสดงทั้งหมดก็ล้วนเข้าเคมีกันได้อย่างดีเยี่ยม
ร่วมพูดคุยเกี่ยวกับภาพยนตร์ทางเฟสได้เลยน่ะครับ https://www.facebook.com/survival.king