วันนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ เพื่อนครับ
เมื่ออาทิตย์ก่อน ฉันได้รับพัสดุไปรษณีย์ที่ส่งมาจากเพื่อนคนนึง เพื่อนซึ่งฉันทำเค้าหล่นหายไปกับกาลเวลานานพอดู
เกือบปีที่ไม่ได้เจอะเจอกันเลย ครั้งสุดท้ายฉันรู้จากเพื่อนอีกคนเพียงว่า เค้าป่วย แล้วลาออกจากงาน แล้วพาตัวเองหนีความวุ่นวายของสังคมเมืองกลับไปช่วยกิจการขายของที่บ้านที่เกาะแห่งหนึ่งในจังหวัด ตราด...
ฉันแกะกล่องพัสดุฯ แล้วฉันก็ได้พบ Diary สีน้ำเงิน เล่มหนา ที่ดูเหมือนผ่านการใช้งานมาอย่างหนัก พร้อมกับข้อความที่เขียนด้วยปากกาเส้นเล็กๆว่า สำหรับความรู้สึกที่ดีของความเป็นเพื่อน พร้อมกับลายเซ็นของตัวเอง ....
นี่มัน Diary ของฉันที่เคยเขียนไปได้เพียงครึ่งหน้าและได้ให้กับเพื่อนคนนี้ในวันหนึ่งที่ฉันได้รู้เรื่องราวไม่สบายใจของเขา และพบว่าที่เขาเล่าให้ฉันฟังมันไม่ใช่ความทุกข์ที่เค้าอยากจะระบายออกมาทั้งหมด
ฉันเลยแนะนำให้เขาเขียนในสิ่งที่เขาอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ และให้บรรยายมันลงใน Diary ของฉันเล่มนี้ แล้วบอกเขาด้วยว่า ถ้าวันนึงที่เขาไว้ใจเพื่อนอย่างฉันเขาคงเล่าความทุกข์ของเขาทั้งหมดให้ฉันได้รับรู้
ฉันพลิกดู Diary สีน้ำเงินเล่มนี้อย่างคร่าวๆ จากหน้าแรกจนหน้าสุดท้าย ไม่หน้าเชื่อเพื่อนของฉันคนนี้เขียนมาจนหมดทุกหน้า ...ไม่บ่อยครั้งนักที่ฉันจะได้เห็นผู้ชายมานั่งเขียนอะไรมากมายอย่างนี้ และในหน้าสุดท้าย ฉันก็พบรูปของตัวเองที่ถูกแปรเปลี่ยนมาเป็นที่คั่นหนังสือ
กับข้อความหลังภาพที่ว่า ? หากเธอมองฉันผ่านมิตรภาพของความเป็นเพื่อน ฉันก็คงเป็นได้แค่เพียงเพื่อน?
ฉันพลิกกลับมาที่หน้าแรก ตั้งต้นอ่านอย่างตั้งใจ จากหนึ่ง เป็นสอง สาม และสี่ ตามลำดับเรื่อยมา ...ฉันได้พบชื่อของตัวเองบ่อยครั้งใน Diary สีน้ำเงินเล่มนี้ เหมือนกับเป็นการเล่าสู่กันฟังของเพื่อนกับเพื่อน เรื่องราวที่ฉันได้รับรู้จาก Diary หลายต่อหลายครั้งทำเอาฉันนั่งน้ำตาซึม ...
ไม่น่าเชื่อนะ ผู้ชายแข็งๆ กระด้างๆ ที่มักจะทำอะไรให้คนอื่นได้ยิ้มได้หัวเราะอยู่ตลอดเวลาจะเก็บเอาอะไรมาคิดได้มากมายอย่างนี้ ฉันอ่านมันหน้าแล้วหน้าเล่า...แล้วฉันก็พบว่าเพื่อนที่ฉันเคยคิดว่าฉันรู้จักเขามากพอดู มาวันนี้ฉันกลับรู้สึกว่าฉันไม่ได้รู้จักในตัวตนของเขาสักเท่าไหร่เลย ฉันสัมผัสเค้าได้แค่เพียงเปลือกนอกที่เค้าแสดงออกมาให้คนอื่นได้รับรู้เพียงแค่นั้น...
มีบางแง่มุมที่ไม่เคยได้รู้ ฉันก็ได้รู้ บางเรื่องที่ฉันลืมไปอย่างไม่ได้ใส่ใจก็กลับมาอยู่ในความทรงจำอีกครั้ง ฉันได้อ่าน Diary สีน้ำเงินเล่มนี้ได้มากพอดู ถึงได้รู้ว่า สาเหตุที่เธอกลับมาอยู่ที่เกาะ มาช่วยกิจการที่บ้าน
เพราะอาการป่วยของเธอนั่นเอง เธออยากกลับมาอยู่ใกล้ๆ กลับมาดูแลแม่ของเธอในวาระสุดท้ายของตัวเอง ..หมอบอกเธอว่า โรคมะเร็งที่เธอเป็นอยู่มันจะทำให้เธอมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานนัก เธอไม่กล้าแม้แต่จะบอกเรื่องนี้กับแม่ซึ่งทำงานหนักมาทั้งชีวิต โดยที่ทั้งแม่และเธอไม่เคยได้รับการใส่ใจดูแลจากผู้เป็นพ่อเลย ..เธอกลัวแม่ของเธอรับไม่ได้..เธอไม่เคยบอกใครถึงสิ่งที่เธอเป็นอยู่ ทางบ้านรับรู้เพียงว่าเธอสุขภาพไม่ดี ....
ฉันนั่งนึกถึงแม่เธอที่เคยเจอะเจอเมื่อปีก่อน ผู้หญิงที่ดูเข้มแข็ง แกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ แม่เธอบอกเสมอว่าที่ท่านอยู่ได้ทุกวันนี้ก็เพราะเธอ
เธอเป็นกำลังใจในการต่อสู้และการดำเนินไปของชีวิต..... แม่เธอจะรับได้ไหม ถ้าวันนึงรู้ว่า กำลังใจของแม่กำลังจะจากไป... ฉันรับรู้ถึงความเจ็บปวดที่เธอได้รับจากอาการข้างเคียงของโรคผ่านตัวหนังสือ ใน Diary สีน้ำเงิน
เธอเขียนไว้ว่า หลายต่อหลายครั้งที่เธอร้องไห้ และคิดถึงเพื่อนอย่างฉัน ยิ่งช่วงท้ายๆของ Diary ฉันได้เห็นชื่อของตัวเองบ่อยครั้งขึ้น บ่อยมากจนรู้สึกว่าเวลานั้นเธอคงอยากให้ฉันอยู่ใกล้ๆ เธอจริงๆ แต่เธอไม่เคยโกรธที่ฉันห่างหายมาอย่างนี้ เธอบอกว่า เธอรู้ข่าวคราวและความเป็นไปของฉันตลอดจากเพื่อนอีกคน เธอรู้ว่าฉันเองก็มีเรื่องทุกข์ใจที่ต้องเผชิญอยู่เช่นกัน เธอถึงไม่เคยเรียกร้องจะให้ฉันไปอยู่ข้างเธอยามนี้ ฉันอ่าน Diary สีน้ำเงินเล่มนี้จนจบ ข้อความท้ายๆ ของ Diary คล้ายจะเป็นการสั่งเสีย เหมือนเธอรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นกับเธอ และเธอกำลังต้องการเพื่อนสักคนในเวลานี้ และคนๆนั้นก็คือฉัน
หากเธอมองฉันผ่านมิตรภาพของความเป็นเพื่อน ฉันก็คงเป็นได้แค่เพียงเพื่อน แล้วฉันก็พบข้อความนี้อีกครั้ง มันเป็นข้อความสุดท้ายใน Diary สีน้ำเงินเล่มนี้
..ฉันอ่านมันจนจบ พร้อมกับปิดมันลงด้วยความรู้สึกผิด นานแค่ไหนแล้วที่ฉันทำเพื่อนคนหนึ่งหายไปกับกาลเวลา นี่ฉันเป็นเพื่อนชนิดไหนกันนี่ ยามที่เธอต้องการฉัน ฉันกลับห่างหายมาอย่างนี้ ฉันขอโทษ ขอโทษจริงๆ ฉันสัญญา พรุ่งนี้ฉันจะกลับไปเป็นเพื่อนที่ดีของเธอเหมือนก่อน กลับไปอยู่ข้างๆเธอ ยามที่เธอต้องการเพื่อนสักคน ....แล้วพรุ่งนี้ฉันจะรีบไปหาเธอแต่เช้า กลับไปทำหน้าที่ของเพื่อนที่พึงทำให้เพื่อน ..ฉันสัญญา เธอคงกำลังรอฉันอยู่ ....
วันนี้ฉันมาหาเธอที่บ้าน แต่สิ่งที่ฉันพบ .... คือร่างของเธอที่นอนสงบนิ่งอยู่ตรงหน้า....พบแม่ของเธอที่กำลังร้องไห้แทบขาดใจ แม่โผเข้ากอดฉันเหมือนกำลังจะบอกว่า เธอไปแล้ว เธอจากไปแล้ว...... ฉันมาช้าไป มาช้าไปจริงๆ ฉันมาไม่ทันลมหายใจสุดท้ายของเธอด้วยซ้ำ ...
แม่เธอเล่าให้ฉันฟังหลังจากงานศพของเธอผ่านไป ... แม่บอกว่าเธอมักจะพูดคุยถึงเรื่องราวของฉันให้แม่เธอได้รับรู้เสมอ ...เมื่อไหร่ที่เธอรับรู้ว่าฉันกำลังทุกข์ก็ดูเหมือนเธอกำลังทุกข์ไปกับฉันด้วย แม่เคยบอกให้เธอมาหาฉันแต่เธอปฏิเสธ เพราะเธอไม่อยากให้ฉันเห็นเธอในสภาพก่อนที่เธอจะจากไป เธอกลัวว่าฉันจะเป็นห่วงเป็นกังวลไปกับเรื่องราวของเธอ
..แม่เธอบอกกับฉันว่าเธอห่วงฉันมาก แม้กระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิตเธอ เธอยังบอกกับแม่ว่า ถ้าฉันมาที่บ้าน แสดงว่าฉันคงไม่ค่อยสบายใจ รู้สึกแย่กับชีวิต ..ฉันถึงพาตัวเองมาหาทะเลมาหาเพื่อนอย่างเธอ ..เธอฝากให้แม่ดูแลฉันแทนเธอด้วย น้ำตาฉันยังคงอาบแก้ม ขอบคุณ ขอบคุณสำหรับทุกๆความห่วงใยที่เธอมีให้กันเสมอจนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิตเธอ ทะเลหน้าบ้านเธอที่ฉันเคยบอกว่า เป็นทะเลที่สวยที่สุด วันนี้มันดูเศร้าไปถนัดตา
...หลับให้สบายเถอะเพื่อน ฉันจะไม่มีวันลืมเพื่อนอย่างเธอไปได้เลย ..ฉันสัญญา...
วันนี้ฉันนั่งสำรวจตัวเองอีกครั้ง พร้อมกับถามตัวเองว่า ฉันทำใครหล่นหายไปกับกาลเวลาอีกไหม ... แล้วถ้าฉันพบว่ามี ฉันจะรีบกลับไปทวงถามให้เค้ากลับมาด้วยความรู้สึกดีๆ และจะพยายามอย่างที่สุดที่จะรักษาเค้าไว้กับฉันตลอดไป อ่านจบแล้วอย่านะ........อย่าแอบร้องให้คนเดียว
ถ้าเพื่อนดี มีหนึ่ง ถึงจะน้อย
ดีกว่าร้อย เพื่อนคิด ริษยา
เหมือนมีเกลือ นิดหน่อย น้อยราคา
ยังดีกว่า น้ำเค็ม เต็มทะเลฯ
ลองทบทวนดูว่าคุณลืมสิ่งใดไปบ้างระหว่างมิตรภาพของคำว่า " เพื่อน"
ราตรีสวัสดิ์พี่น้องชาวไทย...
CR :
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://bondsnet.net/memo01.html
ตามนั้นย์...ครับ
[>รักยามดึก<]...Diary สีน้ำเงิน แด่เพื่อนที่ลืมเลือนกัน
เมื่ออาทิตย์ก่อน ฉันได้รับพัสดุไปรษณีย์ที่ส่งมาจากเพื่อนคนนึง เพื่อนซึ่งฉันทำเค้าหล่นหายไปกับกาลเวลานานพอดู
เกือบปีที่ไม่ได้เจอะเจอกันเลย ครั้งสุดท้ายฉันรู้จากเพื่อนอีกคนเพียงว่า เค้าป่วย แล้วลาออกจากงาน แล้วพาตัวเองหนีความวุ่นวายของสังคมเมืองกลับไปช่วยกิจการขายของที่บ้านที่เกาะแห่งหนึ่งในจังหวัด ตราด...
ฉันแกะกล่องพัสดุฯ แล้วฉันก็ได้พบ Diary สีน้ำเงิน เล่มหนา ที่ดูเหมือนผ่านการใช้งานมาอย่างหนัก พร้อมกับข้อความที่เขียนด้วยปากกาเส้นเล็กๆว่า สำหรับความรู้สึกที่ดีของความเป็นเพื่อน พร้อมกับลายเซ็นของตัวเอง ....
นี่มัน Diary ของฉันที่เคยเขียนไปได้เพียงครึ่งหน้าและได้ให้กับเพื่อนคนนี้ในวันหนึ่งที่ฉันได้รู้เรื่องราวไม่สบายใจของเขา และพบว่าที่เขาเล่าให้ฉันฟังมันไม่ใช่ความทุกข์ที่เค้าอยากจะระบายออกมาทั้งหมด
ฉันเลยแนะนำให้เขาเขียนในสิ่งที่เขาอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ และให้บรรยายมันลงใน Diary ของฉันเล่มนี้ แล้วบอกเขาด้วยว่า ถ้าวันนึงที่เขาไว้ใจเพื่อนอย่างฉันเขาคงเล่าความทุกข์ของเขาทั้งหมดให้ฉันได้รับรู้
ฉันพลิกดู Diary สีน้ำเงินเล่มนี้อย่างคร่าวๆ จากหน้าแรกจนหน้าสุดท้าย ไม่หน้าเชื่อเพื่อนของฉันคนนี้เขียนมาจนหมดทุกหน้า ...ไม่บ่อยครั้งนักที่ฉันจะได้เห็นผู้ชายมานั่งเขียนอะไรมากมายอย่างนี้ และในหน้าสุดท้าย ฉันก็พบรูปของตัวเองที่ถูกแปรเปลี่ยนมาเป็นที่คั่นหนังสือ
กับข้อความหลังภาพที่ว่า ? หากเธอมองฉันผ่านมิตรภาพของความเป็นเพื่อน ฉันก็คงเป็นได้แค่เพียงเพื่อน?
ฉันพลิกกลับมาที่หน้าแรก ตั้งต้นอ่านอย่างตั้งใจ จากหนึ่ง เป็นสอง สาม และสี่ ตามลำดับเรื่อยมา ...ฉันได้พบชื่อของตัวเองบ่อยครั้งใน Diary สีน้ำเงินเล่มนี้ เหมือนกับเป็นการเล่าสู่กันฟังของเพื่อนกับเพื่อน เรื่องราวที่ฉันได้รับรู้จาก Diary หลายต่อหลายครั้งทำเอาฉันนั่งน้ำตาซึม ...
ไม่น่าเชื่อนะ ผู้ชายแข็งๆ กระด้างๆ ที่มักจะทำอะไรให้คนอื่นได้ยิ้มได้หัวเราะอยู่ตลอดเวลาจะเก็บเอาอะไรมาคิดได้มากมายอย่างนี้ ฉันอ่านมันหน้าแล้วหน้าเล่า...แล้วฉันก็พบว่าเพื่อนที่ฉันเคยคิดว่าฉันรู้จักเขามากพอดู มาวันนี้ฉันกลับรู้สึกว่าฉันไม่ได้รู้จักในตัวตนของเขาสักเท่าไหร่เลย ฉันสัมผัสเค้าได้แค่เพียงเปลือกนอกที่เค้าแสดงออกมาให้คนอื่นได้รับรู้เพียงแค่นั้น...
มีบางแง่มุมที่ไม่เคยได้รู้ ฉันก็ได้รู้ บางเรื่องที่ฉันลืมไปอย่างไม่ได้ใส่ใจก็กลับมาอยู่ในความทรงจำอีกครั้ง ฉันได้อ่าน Diary สีน้ำเงินเล่มนี้ได้มากพอดู ถึงได้รู้ว่า สาเหตุที่เธอกลับมาอยู่ที่เกาะ มาช่วยกิจการที่บ้าน
เพราะอาการป่วยของเธอนั่นเอง เธออยากกลับมาอยู่ใกล้ๆ กลับมาดูแลแม่ของเธอในวาระสุดท้ายของตัวเอง ..หมอบอกเธอว่า โรคมะเร็งที่เธอเป็นอยู่มันจะทำให้เธอมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานนัก เธอไม่กล้าแม้แต่จะบอกเรื่องนี้กับแม่ซึ่งทำงานหนักมาทั้งชีวิต โดยที่ทั้งแม่และเธอไม่เคยได้รับการใส่ใจดูแลจากผู้เป็นพ่อเลย ..เธอกลัวแม่ของเธอรับไม่ได้..เธอไม่เคยบอกใครถึงสิ่งที่เธอเป็นอยู่ ทางบ้านรับรู้เพียงว่าเธอสุขภาพไม่ดี ....
ฉันนั่งนึกถึงแม่เธอที่เคยเจอะเจอเมื่อปีก่อน ผู้หญิงที่ดูเข้มแข็ง แกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ แม่เธอบอกเสมอว่าที่ท่านอยู่ได้ทุกวันนี้ก็เพราะเธอ
เธอเป็นกำลังใจในการต่อสู้และการดำเนินไปของชีวิต..... แม่เธอจะรับได้ไหม ถ้าวันนึงรู้ว่า กำลังใจของแม่กำลังจะจากไป... ฉันรับรู้ถึงความเจ็บปวดที่เธอได้รับจากอาการข้างเคียงของโรคผ่านตัวหนังสือ ใน Diary สีน้ำเงิน
เธอเขียนไว้ว่า หลายต่อหลายครั้งที่เธอร้องไห้ และคิดถึงเพื่อนอย่างฉัน ยิ่งช่วงท้ายๆของ Diary ฉันได้เห็นชื่อของตัวเองบ่อยครั้งขึ้น บ่อยมากจนรู้สึกว่าเวลานั้นเธอคงอยากให้ฉันอยู่ใกล้ๆ เธอจริงๆ แต่เธอไม่เคยโกรธที่ฉันห่างหายมาอย่างนี้ เธอบอกว่า เธอรู้ข่าวคราวและความเป็นไปของฉันตลอดจากเพื่อนอีกคน เธอรู้ว่าฉันเองก็มีเรื่องทุกข์ใจที่ต้องเผชิญอยู่เช่นกัน เธอถึงไม่เคยเรียกร้องจะให้ฉันไปอยู่ข้างเธอยามนี้ ฉันอ่าน Diary สีน้ำเงินเล่มนี้จนจบ ข้อความท้ายๆ ของ Diary คล้ายจะเป็นการสั่งเสีย เหมือนเธอรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นกับเธอ และเธอกำลังต้องการเพื่อนสักคนในเวลานี้ และคนๆนั้นก็คือฉัน
หากเธอมองฉันผ่านมิตรภาพของความเป็นเพื่อน ฉันก็คงเป็นได้แค่เพียงเพื่อน แล้วฉันก็พบข้อความนี้อีกครั้ง มันเป็นข้อความสุดท้ายใน Diary สีน้ำเงินเล่มนี้
..ฉันอ่านมันจนจบ พร้อมกับปิดมันลงด้วยความรู้สึกผิด นานแค่ไหนแล้วที่ฉันทำเพื่อนคนหนึ่งหายไปกับกาลเวลา นี่ฉันเป็นเพื่อนชนิดไหนกันนี่ ยามที่เธอต้องการฉัน ฉันกลับห่างหายมาอย่างนี้ ฉันขอโทษ ขอโทษจริงๆ ฉันสัญญา พรุ่งนี้ฉันจะกลับไปเป็นเพื่อนที่ดีของเธอเหมือนก่อน กลับไปอยู่ข้างๆเธอ ยามที่เธอต้องการเพื่อนสักคน ....แล้วพรุ่งนี้ฉันจะรีบไปหาเธอแต่เช้า กลับไปทำหน้าที่ของเพื่อนที่พึงทำให้เพื่อน ..ฉันสัญญา เธอคงกำลังรอฉันอยู่ ....
วันนี้ฉันมาหาเธอที่บ้าน แต่สิ่งที่ฉันพบ .... คือร่างของเธอที่นอนสงบนิ่งอยู่ตรงหน้า....พบแม่ของเธอที่กำลังร้องไห้แทบขาดใจ แม่โผเข้ากอดฉันเหมือนกำลังจะบอกว่า เธอไปแล้ว เธอจากไปแล้ว...... ฉันมาช้าไป มาช้าไปจริงๆ ฉันมาไม่ทันลมหายใจสุดท้ายของเธอด้วยซ้ำ ...
แม่เธอเล่าให้ฉันฟังหลังจากงานศพของเธอผ่านไป ... แม่บอกว่าเธอมักจะพูดคุยถึงเรื่องราวของฉันให้แม่เธอได้รับรู้เสมอ ...เมื่อไหร่ที่เธอรับรู้ว่าฉันกำลังทุกข์ก็ดูเหมือนเธอกำลังทุกข์ไปกับฉันด้วย แม่เคยบอกให้เธอมาหาฉันแต่เธอปฏิเสธ เพราะเธอไม่อยากให้ฉันเห็นเธอในสภาพก่อนที่เธอจะจากไป เธอกลัวว่าฉันจะเป็นห่วงเป็นกังวลไปกับเรื่องราวของเธอ
..แม่เธอบอกกับฉันว่าเธอห่วงฉันมาก แม้กระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิตเธอ เธอยังบอกกับแม่ว่า ถ้าฉันมาที่บ้าน แสดงว่าฉันคงไม่ค่อยสบายใจ รู้สึกแย่กับชีวิต ..ฉันถึงพาตัวเองมาหาทะเลมาหาเพื่อนอย่างเธอ ..เธอฝากให้แม่ดูแลฉันแทนเธอด้วย น้ำตาฉันยังคงอาบแก้ม ขอบคุณ ขอบคุณสำหรับทุกๆความห่วงใยที่เธอมีให้กันเสมอจนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิตเธอ ทะเลหน้าบ้านเธอที่ฉันเคยบอกว่า เป็นทะเลที่สวยที่สุด วันนี้มันดูเศร้าไปถนัดตา
...หลับให้สบายเถอะเพื่อน ฉันจะไม่มีวันลืมเพื่อนอย่างเธอไปได้เลย ..ฉันสัญญา...
วันนี้ฉันนั่งสำรวจตัวเองอีกครั้ง พร้อมกับถามตัวเองว่า ฉันทำใครหล่นหายไปกับกาลเวลาอีกไหม ... แล้วถ้าฉันพบว่ามี ฉันจะรีบกลับไปทวงถามให้เค้ากลับมาด้วยความรู้สึกดีๆ และจะพยายามอย่างที่สุดที่จะรักษาเค้าไว้กับฉันตลอดไป อ่านจบแล้วอย่านะ........อย่าแอบร้องให้คนเดียว
ถ้าเพื่อนดี มีหนึ่ง ถึงจะน้อย
ดีกว่าร้อย เพื่อนคิด ริษยา
เหมือนมีเกลือ นิดหน่อย น้อยราคา
ยังดีกว่า น้ำเค็ม เต็มทะเลฯ
ลองทบทวนดูว่าคุณลืมสิ่งใดไปบ้างระหว่างมิตรภาพของคำว่า " เพื่อน"
ราตรีสวัสดิ์พี่น้องชาวไทย...
CR : [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้