Review: Le Week-End (Roger Michell,2013) คะแนน B
By Form Corleone
“ความยืดยาวของคำว่า ‘รัก’ เกิดขึ้นด้วยความเข้าใจ” หนังปีที่แล้วแต่พึ่งเข้าฉายที่บ้านเราครับ ถ้าใครยังจำหนุ่มขายหนังสือกับดาราสาวชื่อดังจากหนังเรื่อง Notting Hill (1999) เรื่องราวความรักของหนุ่มสาวได้จบลงไปหลายปีแล้ว จนกระทั่ง Roger Michell ได้ทำหนังรัก Rom – Com ขึ้นมาอีกครั้งกับ Le Week-End แต่ในบริบทนี้ไม่ใช่ความรักของหนุ่มสาว แต่เป็นความรักของวัย ‘ชรา’ ที่ “อดีตยาว อนาคตสั้น” ที่อาจจะทำให้คุณเข้าไปสัมผัสและพิสูจน์ความรักในแบบที่คุณต้องการอีกครั้งหนึ่ง ^^
เรื่องราวของ Le Week-End เป็นเรื่องราวง่ายๆ ของชายและหญิงที่อยู่ด้วยกันอย่างยาวนานและเริ่มที่จะเบื่อกันและกัน ไม่อยากเห็นหน้ากันและกัน ตัวผมคงไม่มีความรู้สึกไปถึงจุดนั้นเพราะยังไม่เคยผ่านช่วงเวลาแบบนี้ในชีวิต แต่สิ่งที่หนังมีให้เราเห็นเกือบตลอดทั้งเรื่อง คือ “ความเข้าใจ” บวกกับ “ความพยายาม” ที่จะเข้าใจซึ่งกันและกัน “การพูดคุย” และ “การสนทนา” ที่ดูแสนจะเรียบง่าย เมื่อทั้งคู่ได้รับรู้ว่าความรักของตัวเองเริ่มจะจืดจาง ทำให้ทั้งสองตัดสินใจ ออกฮันนีมูนรอบสองในชีวิต เหมือนเมื่อครั้งยังเป็นหนุ่มสาว เพื่อเติมเต็มหัวใจและความรัก โดยหวังเพียงให้เกิด “ความเข้าใจ” ซึ่งกันและกัน จนเกิดเป็นเรื่องราวที่ชวนให้ผู้ชมรู้สึกอมยิ้มและหัวเราะตามไปกับหนัง
นอกเหนือจาก “ความเข้าใจ” ซึ่งกันและกัน ในที่นี้คงหนี้ไม่พ้น “เวลา” ทั้งสองคนผ่านช่วงเวลามาอย่างยาวนานจนแก่เฒ่า แม้ว่ารักจะจืดจางแต่ “ความผูกพัน” หาซื้อที่ไหนไม่ได้นอกจากต้องใช้ “เวลา” เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งนี้ บทสรุปของหนังคงต้องดูกันเอาเอง แต่ผมรับประกันว่าคุณอาจจะได้แง่คิดความรักรูปแบบใหม่ที่แตกต่างจากผมก็ได้ครับ และถึงแม้ว่า Le Week-End จะเป็นหนัง Rom – Com ที่เข้าถึงง่ายด้วยภาษาและวิธีการนำเสนอที่แสนง่าย แต่ด้วยพล็อตเรื่องที่มีอยู่จำกัดทำให้เรื่องราวทั้งหมดดูหาทางลง และหาทิศทางจบไม่ค่อยดีเท่าที่ควร แม้ว่าช่วงต้นเรื่องจะดูสนุกแต่ความสนุกก็ถูกลดทอนไปเรื่อยๆ จนหนังจบ หรือผมอาจจะรู้สึกไปเอง เพราะผมนั่งดูอยู่ ’คนเดียว’ ครับ!! ไม่มีคู่เหมือนคนอื่นๆ แอบเศร้านิดๆ!!
ทางด้านนักแสดงฝั่งชาย Jim Broadbent แค่เห็นการทำหน้าตาย ก็ตลกแล้วครับ บวกกับฝั่งหญิง Lindsay Duncan ก็ได้อารมณ์ไม่แพ้กัน เข้าขากันได้เป็นอย่างดี ดูแล้ว “น่ารัก กุ๊กกิ๊ก” แอบอิจฉาเล็กน้อย!! จุดเด่นอีกหนึ่งเรื่องคือ "ฉาก" ครับ หนังเรื่องนี้ถ่ายในกรุงปารีส เราจะได้ สัมผัส นครปารีส ทั้งตอนเช้า และแสงไฟยามค่ำคืน แค่นี้ก็ “โรแมนติก” จับใจไม่แพ้ สถานที่แห่งความทรงจำอย่าง ‘น็อตติ้งฮิลล์’ ที่เคยผ่านสายตาและสร้างความประจับใจได้ไม่น้อยไปกว่ากัน เพลงประกอบของ Le Week-End ก็ช่วยบิวท์อารมณ์ได้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่า Le Week-End คือการกลับมาของผู้กำกับ Roger Michell อย่างแท้จริง มุขตลกของหนังก็ตามสไตล์หนัง Rom – Com แต่มันรู้สึกเจ็บแสนเล็กๆน้อยๆ แต่ก็ทำให้คุณหัวเราะได้แทบจะทุกมุข!!
สุดท้าย Le Week-End คือหนัง Rom – Com ที่จะพาคนดูไปสำรวจเรื่องราวความรัก ที่ใช้ความรู้สึกอย่างเดียวคงจะไม่พอ ต้องใช้ “ความเข้าใจ” และ “เวลา” เพื่อเติมเต็มความรัก ช่องว่าง ในหัวใจให้กลับมา “เต็ม” ได้เหมือนเดิม หนังเรื่องนี้เหมาะสำหรับคู่รัก ทั้งวัยรุ่นที่อนาคตยาวแต่อดีตสั้น และวัยชราที่อดีตยาวอนาคตสั้น ได้เป็นอย่างดี ไม่เหมาะแก่การดูคนเดียวครับ เพราะผม “พิสูจน์” มาแล้ว >< มีความสุขกับการดูหนังครับ
ติดตามอ่านเพิ่มเติม
http://moviesdelightclub.blogspot.com/
เพจ
https://www.facebook.com/Criticalme
Review: Le Week-End
By Form Corleone
“ความยืดยาวของคำว่า ‘รัก’ เกิดขึ้นด้วยความเข้าใจ” หนังปีที่แล้วแต่พึ่งเข้าฉายที่บ้านเราครับ ถ้าใครยังจำหนุ่มขายหนังสือกับดาราสาวชื่อดังจากหนังเรื่อง Notting Hill (1999) เรื่องราวความรักของหนุ่มสาวได้จบลงไปหลายปีแล้ว จนกระทั่ง Roger Michell ได้ทำหนังรัก Rom – Com ขึ้นมาอีกครั้งกับ Le Week-End แต่ในบริบทนี้ไม่ใช่ความรักของหนุ่มสาว แต่เป็นความรักของวัย ‘ชรา’ ที่ “อดีตยาว อนาคตสั้น” ที่อาจจะทำให้คุณเข้าไปสัมผัสและพิสูจน์ความรักในแบบที่คุณต้องการอีกครั้งหนึ่ง ^^
เรื่องราวของ Le Week-End เป็นเรื่องราวง่ายๆ ของชายและหญิงที่อยู่ด้วยกันอย่างยาวนานและเริ่มที่จะเบื่อกันและกัน ไม่อยากเห็นหน้ากันและกัน ตัวผมคงไม่มีความรู้สึกไปถึงจุดนั้นเพราะยังไม่เคยผ่านช่วงเวลาแบบนี้ในชีวิต แต่สิ่งที่หนังมีให้เราเห็นเกือบตลอดทั้งเรื่อง คือ “ความเข้าใจ” บวกกับ “ความพยายาม” ที่จะเข้าใจซึ่งกันและกัน “การพูดคุย” และ “การสนทนา” ที่ดูแสนจะเรียบง่าย เมื่อทั้งคู่ได้รับรู้ว่าความรักของตัวเองเริ่มจะจืดจาง ทำให้ทั้งสองตัดสินใจ ออกฮันนีมูนรอบสองในชีวิต เหมือนเมื่อครั้งยังเป็นหนุ่มสาว เพื่อเติมเต็มหัวใจและความรัก โดยหวังเพียงให้เกิด “ความเข้าใจ” ซึ่งกันและกัน จนเกิดเป็นเรื่องราวที่ชวนให้ผู้ชมรู้สึกอมยิ้มและหัวเราะตามไปกับหนัง
นอกเหนือจาก “ความเข้าใจ” ซึ่งกันและกัน ในที่นี้คงหนี้ไม่พ้น “เวลา” ทั้งสองคนผ่านช่วงเวลามาอย่างยาวนานจนแก่เฒ่า แม้ว่ารักจะจืดจางแต่ “ความผูกพัน” หาซื้อที่ไหนไม่ได้นอกจากต้องใช้ “เวลา” เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งนี้ บทสรุปของหนังคงต้องดูกันเอาเอง แต่ผมรับประกันว่าคุณอาจจะได้แง่คิดความรักรูปแบบใหม่ที่แตกต่างจากผมก็ได้ครับ และถึงแม้ว่า Le Week-End จะเป็นหนัง Rom – Com ที่เข้าถึงง่ายด้วยภาษาและวิธีการนำเสนอที่แสนง่าย แต่ด้วยพล็อตเรื่องที่มีอยู่จำกัดทำให้เรื่องราวทั้งหมดดูหาทางลง และหาทิศทางจบไม่ค่อยดีเท่าที่ควร แม้ว่าช่วงต้นเรื่องจะดูสนุกแต่ความสนุกก็ถูกลดทอนไปเรื่อยๆ จนหนังจบ หรือผมอาจจะรู้สึกไปเอง เพราะผมนั่งดูอยู่ ’คนเดียว’ ครับ!! ไม่มีคู่เหมือนคนอื่นๆ แอบเศร้านิดๆ!!
ทางด้านนักแสดงฝั่งชาย Jim Broadbent แค่เห็นการทำหน้าตาย ก็ตลกแล้วครับ บวกกับฝั่งหญิง Lindsay Duncan ก็ได้อารมณ์ไม่แพ้กัน เข้าขากันได้เป็นอย่างดี ดูแล้ว “น่ารัก กุ๊กกิ๊ก” แอบอิจฉาเล็กน้อย!! จุดเด่นอีกหนึ่งเรื่องคือ "ฉาก" ครับ หนังเรื่องนี้ถ่ายในกรุงปารีส เราจะได้ สัมผัส นครปารีส ทั้งตอนเช้า และแสงไฟยามค่ำคืน แค่นี้ก็ “โรแมนติก” จับใจไม่แพ้ สถานที่แห่งความทรงจำอย่าง ‘น็อตติ้งฮิลล์’ ที่เคยผ่านสายตาและสร้างความประจับใจได้ไม่น้อยไปกว่ากัน เพลงประกอบของ Le Week-End ก็ช่วยบิวท์อารมณ์ได้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่า Le Week-End คือการกลับมาของผู้กำกับ Roger Michell อย่างแท้จริง มุขตลกของหนังก็ตามสไตล์หนัง Rom – Com แต่มันรู้สึกเจ็บแสนเล็กๆน้อยๆ แต่ก็ทำให้คุณหัวเราะได้แทบจะทุกมุข!!
สุดท้าย Le Week-End คือหนัง Rom – Com ที่จะพาคนดูไปสำรวจเรื่องราวความรัก ที่ใช้ความรู้สึกอย่างเดียวคงจะไม่พอ ต้องใช้ “ความเข้าใจ” และ “เวลา” เพื่อเติมเต็มความรัก ช่องว่าง ในหัวใจให้กลับมา “เต็ม” ได้เหมือนเดิม หนังเรื่องนี้เหมาะสำหรับคู่รัก ทั้งวัยรุ่นที่อนาคตยาวแต่อดีตสั้น และวัยชราที่อดีตยาวอนาคตสั้น ได้เป็นอย่างดี ไม่เหมาะแก่การดูคนเดียวครับ เพราะผม “พิสูจน์” มาแล้ว >< มีความสุขกับการดูหนังครับ
ติดตามอ่านเพิ่มเติม http://moviesdelightclub.blogspot.com/
เพจ https://www.facebook.com/Criticalme