Review: Edge of Tomorrow (Doug Liman,2014) คะแนน B
By Form Corleone
" again again and again " เป็นหนังแอ็คชั่นไซไฟอีกหนึ่งเรื่องสำหรับปีนี้ ที่น่าดูน่าชมอีกเรื่องหนึ่งเลยทีเดียวครับ Edge of Tomorrow ดัดแปลงมาจากหนังสือเรื่อง All You Need is Kill ของ ฮิโรชิ ซากุระซากะ หนังได้นักแสดงขายดีอย่าง Tom Cruise มารับบทนำในเรื่อง หนังเล่าเรื่องราวโดยมีพื้นหลังเป็นโลกอนาคต ที่เกิดสงครามระหว่างมนุษย์กับเอเลี่ยน ถ้าใครได้รับชมตัวอย่าง คงพอเข้าใจว่าตัวนำของเรื่อง Tom Cruise เมื่อตายไปแล้วเค้าจะกลับมายังอดีตอีกครั้ง ที่เป็นแบบนี้เพราะมีเหตุผลบางอย่างซึ่งต้องไปดูกันเอาเองครับ ^^
งานนี้ถือเป็นความท้าทายของคนสร้างแน่นอนครับ เพราะคนดูติดตากับมุขเดิมๆ ของการตายแล้วฟื้น รู้แล้วว่าเหตุการณ์จะเป็นแบบไหน แต่สำหรับ Edge of Tomorrow จัดว่าทำได้ดีในเกือบทุกองค์ประกอบ หนังข้ามเวลามีข้อจำกัดเรื่องความสมเหตุสมผลและวิธีการต่อเนื่องของหนังหรือเรียกว่า “รอยต่อ” ระหว่างช่วงเวลา ถึงแม้ว่าตัวหนังจะเป็นประเภทเอเลี่ยนทำลายล้างโลก แต่มันก็ไม่ได้จำกัดแค่การทำลายล้างเพียงอย่างเดียว เพราะการข้ามเวลาก็ได้ถ่ายทอดเรื่องราว “ความรัก” ของคนสองคนได้อย่างแนบเนียน
ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครถูกหยิบยก และเสริมสร้างด้วยการทำ “ซ้ำ” หลายๆรอบ ถือเป็นการพัฒนาตัวละครได้เป็นอย่างดี ไหนๆเหตุการณ์ก็เกินซ้ำกันหลายรอบแล้ว อย่าเสียโอกาส ทำให้ตัวละครมีความสัมพันธ์กันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถือเป็นการ “ยิงปืนนัดเดียว ได้นกหลายตัว” ไม่เสียโอกาสและดูไม่น่าเบื่อเมื่อผู้ชมต้องรับชมเหตุการณ์เดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมา เพราะมันไม่ได้เป็นแค่การซ้ำธรรมดา มันเพิ่มความ “สัมพันธ์” เข้าไปด้วย ทางด้านบทหนัง ในส่วนนี้ถือว่าทำได้ดีและดู “พิถีพิถัน” และถูกพัฒนาให้สอดคล้องกับเรื่องราวได้เป็นอย่างดี สิ่งหนึ่งที่ไม่โดดเด่นเท่าไหร่คงจะเป็นซาวด์เอฟเฟค เพราะไมรู้สึกว่าเร้าอารมณ์เท่าที่ควร แต่เหนือสิ่งอื่นใด การแสดงของ Tom Cruise และ Emily Blunt ก็ช่วยกระตุ้มอารมณ์ให้ลุ้นไปกับตัวหนังได้ตลอดทั้งเรื่อง
ด้านฉาก เป็นที่น่าแปลกใจที่หนัง เอเลี่ยนบุกโลก กลับไม่มีฉากของ “เทพีเสรีภาพ” โดนทำลาย เพราะหนังไม่ได้ใช้โลเคชันเป็นอเมริกา แต่เป็น ลอนดอนกับปารีส ซึ่งก็ดูแปลกตาดีครับ และดูน่าตื่นตาตื่นใจมากกว่าเห็น เทพีเสรีภาพโดนทำลาย ผมดูแล้วรู้สึกชอบกับการจัดฉากของหนังเรื่องนี้เอามาก ไม่ได้มีแค่ฉากเพียงอย่างเดียว ชุดเกราะของ Tom Cruise และ Emily Blunt ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน แต่ก็นะครับ มันคงไม่น่าสนใจเท่ากับคนที่ใส่ชุดเกราะอยู่ข้างใน เพราะ Emily Blunt เธอได้ใจจริงๆ ><
สุดท้าย Edge of Tomorrow คงจะเป็นหนังบล็อกบัสเตอร์ประจำปี 2014 และน่าจะถูกใจผู้ชมที่รอคอยหนังแอ็คชั่นไซไฟ ต้องการความบันเทิงแบบจัดเต็ม หนังเรื่องนี้พร้อมเสริฟให้คนดูแบบไม่มีเงื่อนไข เพราะหนัง ได้ทำลายเงื่อนไขของการข้ามเวลาแบบที่คุณไม่ต้องมีเหตุผลใดๆ เพราะการข้ามเวลาครั้งนี้มันแสนที่จะสนุกและแสนเศร้า โดยที่คุณเองก็อยากที่จะให้มัน “again and again” ตลอดไป >< มีความสุขกับการดูหนังครับ
ติมตามอ่านเรื่องอื่น
http://moviesdelightclub.blogspot.com/
หรือเพจ
https://www.facebook.com/Criticalme
Review: Edge of Tomorrow
By Form Corleone
" again again and again " เป็นหนังแอ็คชั่นไซไฟอีกหนึ่งเรื่องสำหรับปีนี้ ที่น่าดูน่าชมอีกเรื่องหนึ่งเลยทีเดียวครับ Edge of Tomorrow ดัดแปลงมาจากหนังสือเรื่อง All You Need is Kill ของ ฮิโรชิ ซากุระซากะ หนังได้นักแสดงขายดีอย่าง Tom Cruise มารับบทนำในเรื่อง หนังเล่าเรื่องราวโดยมีพื้นหลังเป็นโลกอนาคต ที่เกิดสงครามระหว่างมนุษย์กับเอเลี่ยน ถ้าใครได้รับชมตัวอย่าง คงพอเข้าใจว่าตัวนำของเรื่อง Tom Cruise เมื่อตายไปแล้วเค้าจะกลับมายังอดีตอีกครั้ง ที่เป็นแบบนี้เพราะมีเหตุผลบางอย่างซึ่งต้องไปดูกันเอาเองครับ ^^
งานนี้ถือเป็นความท้าทายของคนสร้างแน่นอนครับ เพราะคนดูติดตากับมุขเดิมๆ ของการตายแล้วฟื้น รู้แล้วว่าเหตุการณ์จะเป็นแบบไหน แต่สำหรับ Edge of Tomorrow จัดว่าทำได้ดีในเกือบทุกองค์ประกอบ หนังข้ามเวลามีข้อจำกัดเรื่องความสมเหตุสมผลและวิธีการต่อเนื่องของหนังหรือเรียกว่า “รอยต่อ” ระหว่างช่วงเวลา ถึงแม้ว่าตัวหนังจะเป็นประเภทเอเลี่ยนทำลายล้างโลก แต่มันก็ไม่ได้จำกัดแค่การทำลายล้างเพียงอย่างเดียว เพราะการข้ามเวลาก็ได้ถ่ายทอดเรื่องราว “ความรัก” ของคนสองคนได้อย่างแนบเนียน
ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครถูกหยิบยก และเสริมสร้างด้วยการทำ “ซ้ำ” หลายๆรอบ ถือเป็นการพัฒนาตัวละครได้เป็นอย่างดี ไหนๆเหตุการณ์ก็เกินซ้ำกันหลายรอบแล้ว อย่าเสียโอกาส ทำให้ตัวละครมีความสัมพันธ์กันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถือเป็นการ “ยิงปืนนัดเดียว ได้นกหลายตัว” ไม่เสียโอกาสและดูไม่น่าเบื่อเมื่อผู้ชมต้องรับชมเหตุการณ์เดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมา เพราะมันไม่ได้เป็นแค่การซ้ำธรรมดา มันเพิ่มความ “สัมพันธ์” เข้าไปด้วย ทางด้านบทหนัง ในส่วนนี้ถือว่าทำได้ดีและดู “พิถีพิถัน” และถูกพัฒนาให้สอดคล้องกับเรื่องราวได้เป็นอย่างดี สิ่งหนึ่งที่ไม่โดดเด่นเท่าไหร่คงจะเป็นซาวด์เอฟเฟค เพราะไมรู้สึกว่าเร้าอารมณ์เท่าที่ควร แต่เหนือสิ่งอื่นใด การแสดงของ Tom Cruise และ Emily Blunt ก็ช่วยกระตุ้มอารมณ์ให้ลุ้นไปกับตัวหนังได้ตลอดทั้งเรื่อง
ด้านฉาก เป็นที่น่าแปลกใจที่หนัง เอเลี่ยนบุกโลก กลับไม่มีฉากของ “เทพีเสรีภาพ” โดนทำลาย เพราะหนังไม่ได้ใช้โลเคชันเป็นอเมริกา แต่เป็น ลอนดอนกับปารีส ซึ่งก็ดูแปลกตาดีครับ และดูน่าตื่นตาตื่นใจมากกว่าเห็น เทพีเสรีภาพโดนทำลาย ผมดูแล้วรู้สึกชอบกับการจัดฉากของหนังเรื่องนี้เอามาก ไม่ได้มีแค่ฉากเพียงอย่างเดียว ชุดเกราะของ Tom Cruise และ Emily Blunt ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน แต่ก็นะครับ มันคงไม่น่าสนใจเท่ากับคนที่ใส่ชุดเกราะอยู่ข้างใน เพราะ Emily Blunt เธอได้ใจจริงๆ ><
สุดท้าย Edge of Tomorrow คงจะเป็นหนังบล็อกบัสเตอร์ประจำปี 2014 และน่าจะถูกใจผู้ชมที่รอคอยหนังแอ็คชั่นไซไฟ ต้องการความบันเทิงแบบจัดเต็ม หนังเรื่องนี้พร้อมเสริฟให้คนดูแบบไม่มีเงื่อนไข เพราะหนัง ได้ทำลายเงื่อนไขของการข้ามเวลาแบบที่คุณไม่ต้องมีเหตุผลใดๆ เพราะการข้ามเวลาครั้งนี้มันแสนที่จะสนุกและแสนเศร้า โดยที่คุณเองก็อยากที่จะให้มัน “again and again” ตลอดไป >< มีความสุขกับการดูหนังครับ
ติมตามอ่านเรื่องอื่น http://moviesdelightclub.blogspot.com/
หรือเพจ https://www.facebook.com/Criticalme