ถ้าวางแผนว่าจะปลูกต้นยูคาไปตลอด หรือตัดขายหลายรุ่น ไม่คิดจะเปลี่ยนไปปลูกอย่างอื่น
อันนี้ก็สนับสนุนให้ปลูก เพราะดูแลง่าย โตเร็ว มีตลาดรับซื้อ
แต่ถ้ากะจะปลูกทิ้งไว้เผื่อขาย แล้วค่อยรื้อปลูกอย่างอื่นในอนาคตอันใกล้ อันนี้ไม่แนะนำเด็ดขาด
แม้เขาจะบอกว่ายูคาเนื้อเยื่อ(ต้นยูคาจากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ชื่อการตลาดคือต้นกระดาษ หรือต้น AAA) จะดันตอทิ้งง่าย
แต่ไม่ง่ายอย่างที่เราคิดหรอก คุณจะเสียค่าบุกเบิกดันตอเพิ่มจากการไถปกติอีกไร่ละหลายพันบาทเลย
สรุปได้ว่า กำไรจากการขายไม้ยูคา 1-2 รอบ มากเท่าๆกับค่าไถดันตอทีเดียว
หักค่าดูแลมาหลายปี กับความอุดมสมบูรณ์ที่เสียไป ขาดทุนเห็นๆ

อีกเดี๋ยวจะมีคนมาตอบเพิ่มเติม แต่จากที่อยู่ห้องนี้มานาน คาดว่าคำแนะนำน่าจะประมาณนี้
1. สภาพที่ดินเป็นอย่างไร ถนน ไฟฟ้า น้ำ เข้าถึงแค่ไหน น้ำกับไฟฟ้าเป็นตัวกำหนดพืชด้วย ถ้าน้ำกับไฟฟ้าถึง ปลูกได้ทุกอย่าง
2. ไม่มีน้ำก็ต้องบุดบ่อ หรือเจาะบาดาลไว้รดต้นไม้ ถ้าอยู่บริเวณเนิน บ่อไม่เก็บน้ำก็ต้องเจาะบ่อบาดาล แต่ต้องมีไฟฟ้าด้วย
3. พืชทนแล้ง ไม่ต้องรดน้ำ ขายเป็นปี ก็มีพวกมัน กับอ้อย กับพืชระยะสั้นอย่างข้าวโพด
4. มีเวลาดูแลมากน้อยแค่ไหน ไม่ค่อยมีเวลาก็ให้เขาเช่า
5. ถ้ามีไฟฟ้ากับน้ำพร้อม มักจะแนะนำเกษตรผสมผสาน ปลูกผัก ผลไม้หลายๆชนิด เลี้ยงสัตว์ควบคู่ บางคนก็สนับสนุนปลูกไผ่ทำหน่อไม้นอกฤดู
6. ยางพารา ก็ยังพอไปได้ แต่ลงทุนปลูกนาน ปาล์มน้ำมันต้องดูสถานที่ว่าน้ำเยอะไหม และที่ขาย

ถ้าสวนอยู่ไม่ไกล แต่ยังไม่วางแผนจะทำอะไรก็ปลูกพวก กล้วย ไผ่ มะม่วง ลงไปในที่ว่างๆ จะทำให้เราแวะลงไปดูบ่อยๆ(เพื่อไปเก็บของมากิน)