พอดีเพื่อนผมจะปิดกิจการแต่มีปัญหาเรื่องการเลิกจ้างพนักงาน เลยจะขอสอบถามและปรึกษาเรื่องการเลิกจ้างพนักงานครับ
เปิดบริษัทหนึ่งมา3ปี สมมติว่าชือ บริษัท A จำกัด และเปิดหัวรับงานกับบริษัทอื่นๆ
แต่ต่อมาผมทำไม่ไหวเนื่องจากบริษัทในเครืองานเยอะมากเลยให้คนรู้จักมา เช่าสถานที่และเครื่องมือทำต่อ
โดยตั้งบริษัทใหม่ ตามรายละเอียดตามลำดับดังนี้
-ผู้ถือหุ้นชุดใหม่และกรรมการผู้มีอำนาจลงนามชุดใหม่ทั้งหมด
-ให้สิทธิ์ใช้ชื่อนำหน้าเป็นชื่อเดิม แต่เติมปีด้านท้ายเพื่อให้เป็นบริษัทใหม่ เนื่องจากการเปิดหัวรับงานกับลูกค้ายุ่งยากมาก สมมติให้ชื่อบริษัท A 2014 จำกัด เมื่อ1มกราคม 2557
-พนักงานบริษัทยินยอมอย่างสมัครใจที่จะเปลี่ยนสถานะการจ้างงานจากบริษัท A เป็น บริษัท A2014
-แต่บริษัท A 2014 มีผลประกอบการขาดทุนเลยจะเลิกกิจการ จึงไปปรึกษาแรงงานว่าต้องจ่ายค่าชดเชยเท่าไหร่ ทางแรงงานตอบมาว่า 1 เดือนเนื่องจากบริษัทยังเปิดมาไม่ถึง 1ปี ทำให้มีสถานะการจ้างงานไม่ถึง 1 ปี ตามมาตรา 118
-บริษัท A 2014 ได้แจ้งล่วงหน้า 1รอบเงินเดือน ว่าจะเลิกกิจการ คือแจ้งวันที่30เมษายน และเสนอว่าถ้าใครอยากไปทำงานในบริษัทอื่นๆ ทางเจ้าของบริษัท A 2014 หางานรองรับไว้ให้แล้ว แต่ไม่มีใครมีความประสงค์ไป
-31 พค. จึงเลิกจ้างและทยอยปลดพนักงานที่มีความประสงค์จะออกในเดือนพฤษภาคม แต่จะมีพนักงานอยู่จำนวนหนึ่งอยู่ต่ออีก1เดือนเพื่อเคลียร์งานค้างเก่า
-ปรากฎว่าพนักงานจำนวนหนึ่งไปร้องแรงงานว่า ต้องได้3 เดือน และแรงงานได้เข้ามาคุยกับบริษัท A 2014
ทางแรงงานแจ้งว่า การนับเวลาจ้างงานต้องนับตั้งแต่ตอนเป็น บริษัท A คือนับเวลาจ้างงานต่อเนื่องจากบริษัทเก่าด้วย
คำถาม
1.กรณีข้างต้น ในความเห็นส่วนตัวผมคิดว่าการนับเวลาจ้างงานต่อเนื่อง 2 บริษัท นั้นถูกต้องหรือ? เนื่องจากอะไรครับ? ผมคิดว่าไม่น่าจะนับเวลาต่อเพราะทั้งสองบริษัทเป็นคนละบริษัทโดยสิ้นเชิง ยกเว้นเรื่องชื่อนำหน้าที่ผมอนุญาติให้ใช้ชื่อบางส่วน
2.ทางเจ้าของบริษัท A 2014 ผลประกอบการขาดทุนอย่างมากจนต้องมากู้ยืมเงินผมเพื่อจ่ายค่าชดเชยพนักงาน ถ้าต้องให้มากู้ยืมอีกเจ้าของบริษัท A 2014 ก๊ไม่ไหว ผมก๊ไม่ไหว
3.ไม่ได้มีเจตนาไม่จ่ายค่าชดเชย แต่พนักงานในสายงานที่ทำอยู่ ขาดแคลนในตลาดแรงงานอย่างมาก ต่อให้ออกจากที่บริษัท A 2014 ก๊สามารถไปหางานที่อื่นได้อย่างง่ายๆเลย คือ ทุกคนที่ออกไป เลิกจ้างวันที่31 พฤษภาคม วันนี้คือ 2 มิถุนายน ก๊เริ่มทำงานที่ใหม่เลย
ทำให้ผมมองเจตนาว่า "จงใจหาเงินใช้"
รบกวนปรึกษาผู้รู้ทางด้านกฎหมายแรงงานครับว่าควรจะเป็นอย่างไร
ขอบคุณล่วงหน้าครับ
สอบถามเรื่องค่าชดเชยการเลิกจ้างพนักงานครับ
เปิดบริษัทหนึ่งมา3ปี สมมติว่าชือ บริษัท A จำกัด และเปิดหัวรับงานกับบริษัทอื่นๆ
แต่ต่อมาผมทำไม่ไหวเนื่องจากบริษัทในเครืองานเยอะมากเลยให้คนรู้จักมา เช่าสถานที่และเครื่องมือทำต่อ
โดยตั้งบริษัทใหม่ ตามรายละเอียดตามลำดับดังนี้
-ผู้ถือหุ้นชุดใหม่และกรรมการผู้มีอำนาจลงนามชุดใหม่ทั้งหมด
-ให้สิทธิ์ใช้ชื่อนำหน้าเป็นชื่อเดิม แต่เติมปีด้านท้ายเพื่อให้เป็นบริษัทใหม่ เนื่องจากการเปิดหัวรับงานกับลูกค้ายุ่งยากมาก สมมติให้ชื่อบริษัท A 2014 จำกัด เมื่อ1มกราคม 2557
-พนักงานบริษัทยินยอมอย่างสมัครใจที่จะเปลี่ยนสถานะการจ้างงานจากบริษัท A เป็น บริษัท A2014
-แต่บริษัท A 2014 มีผลประกอบการขาดทุนเลยจะเลิกกิจการ จึงไปปรึกษาแรงงานว่าต้องจ่ายค่าชดเชยเท่าไหร่ ทางแรงงานตอบมาว่า 1 เดือนเนื่องจากบริษัทยังเปิดมาไม่ถึง 1ปี ทำให้มีสถานะการจ้างงานไม่ถึง 1 ปี ตามมาตรา 118
-บริษัท A 2014 ได้แจ้งล่วงหน้า 1รอบเงินเดือน ว่าจะเลิกกิจการ คือแจ้งวันที่30เมษายน และเสนอว่าถ้าใครอยากไปทำงานในบริษัทอื่นๆ ทางเจ้าของบริษัท A 2014 หางานรองรับไว้ให้แล้ว แต่ไม่มีใครมีความประสงค์ไป
-31 พค. จึงเลิกจ้างและทยอยปลดพนักงานที่มีความประสงค์จะออกในเดือนพฤษภาคม แต่จะมีพนักงานอยู่จำนวนหนึ่งอยู่ต่ออีก1เดือนเพื่อเคลียร์งานค้างเก่า
-ปรากฎว่าพนักงานจำนวนหนึ่งไปร้องแรงงานว่า ต้องได้3 เดือน และแรงงานได้เข้ามาคุยกับบริษัท A 2014
ทางแรงงานแจ้งว่า การนับเวลาจ้างงานต้องนับตั้งแต่ตอนเป็น บริษัท A คือนับเวลาจ้างงานต่อเนื่องจากบริษัทเก่าด้วย
คำถาม
1.กรณีข้างต้น ในความเห็นส่วนตัวผมคิดว่าการนับเวลาจ้างงานต่อเนื่อง 2 บริษัท นั้นถูกต้องหรือ? เนื่องจากอะไรครับ? ผมคิดว่าไม่น่าจะนับเวลาต่อเพราะทั้งสองบริษัทเป็นคนละบริษัทโดยสิ้นเชิง ยกเว้นเรื่องชื่อนำหน้าที่ผมอนุญาติให้ใช้ชื่อบางส่วน
2.ทางเจ้าของบริษัท A 2014 ผลประกอบการขาดทุนอย่างมากจนต้องมากู้ยืมเงินผมเพื่อจ่ายค่าชดเชยพนักงาน ถ้าต้องให้มากู้ยืมอีกเจ้าของบริษัท A 2014 ก๊ไม่ไหว ผมก๊ไม่ไหว
3.ไม่ได้มีเจตนาไม่จ่ายค่าชดเชย แต่พนักงานในสายงานที่ทำอยู่ ขาดแคลนในตลาดแรงงานอย่างมาก ต่อให้ออกจากที่บริษัท A 2014 ก๊สามารถไปหางานที่อื่นได้อย่างง่ายๆเลย คือ ทุกคนที่ออกไป เลิกจ้างวันที่31 พฤษภาคม วันนี้คือ 2 มิถุนายน ก๊เริ่มทำงานที่ใหม่เลย
ทำให้ผมมองเจตนาว่า "จงใจหาเงินใช้"
รบกวนปรึกษาผู้รู้ทางด้านกฎหมายแรงงานครับว่าควรจะเป็นอย่างไร
ขอบคุณล่วงหน้าครับ