[CR] ฟ้าคราม-น้ำใส-ทะเลสวย ความอัศจรรย์ของหลีเป๊ะทะเลใต้บ้านเรา (21-24 พ.ค. 57)

สวัสดีค่ะ นี่เป็นครั้งแรกของการตั้งกระทู้ในพันทิปของเราเลย (อาจเป็นครั้งสุดท้ายด้วย ฮา)
เราเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่งที่ทำงาน เก็บเงิน และนำเงินไปเที่ยว
ในขณะที่เรายังมีแรงมีพละกำลัง ก็จงหาความสุขใส่ตัวเสีย จงกิน จงใช้ จงเที่ยวซะ
อย่าได้ทำงาน เก็บเงิน และนำเงินไปเที่ยวตอนแก่เลย ความสนุกมันต่างกันแน่นอน
อันที่จริงมันก็ไม่มีอะไรมาก เราแค่อยากแบ่งปันความน่าอัศจรรย์เหล่านั้นให้เพื่อนๆได้อ่านกัน

เมื่อวันที่ 21-24 พ.ค. 57 ที่ผ่านมา เราไปเที่ยวหลีเป๊ะมาค่ะ
ท่านใดที่ไปมาแล้ว คงทราบดีว่าความน่าทึ่ง, น่าอัศจรรย์และความสวยงามของที่นั่น เป็นอย่างไร
เราเลือกที่จะไปด้วยตัวเองโดยไม่ง้อทัวร์แบบที่กระทู้รีวิวหลีเป๊ะกระทู้อื่นๆได้แนะนำไว้ ซึ่งไปไม่ยากเลยจริงๆ
แต่ละท่านที่ไปมาและได้รีวิวเอาไว้ก่อนหน้านี้ ก็จะมีมุมมองที่ต่างกันออกไป
และแต่ละท่านก็นำมารีวิวในแบบของตัวเอง เราเองก็จะทำเช่นนั้นเช่นกัน
ในส่วนของข้อมูลการเดินทางต่างๆคงไม่ต่างกันมาก แต่ที่ต่างกันน่าจะเป็นภาพถ่ายเสียมากกว่า
เราหวังว่ามันน่าจะเป็นประโยชน์ให้ความบรรเทิงกับทุกท่านที่เข้ามาอ่านไม่มากก็น้อย
เช่นเดียวกันกับที่เราได้ความรู้จากการอ่านกระทู้ของท่านอื่นๆที่รีวิวไว้ค่ะ (:

ป.ล.1 ถ้าหากเป็นกระทู้รีวิวที่ยาวเกินไป ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
เพราะเราอยากใส่รายละเอียดต่างๆที่กระทู้รีวิวหลีเป๊ะกระทู้อื่นๆอาจไม่ได้ลงเอาไว้
ซึ่งรายละเอียดต่างๆเหล่านี้จะเป็นประโยชน์กับท่านที่แพลนว่าจะไปหลีเป๊ะอย่างแน่นอนค่ะ
ป.ล.2 รูปทั้งหมดในกระทู้นี้ เราถ่ายจากกล้องไอโฟน และผ่านการแต่งรูปใน app ต่างๆค่ะ
(เป็นความชอบส่วนตัวล้วนๆเลยค่ะ ^^)



เอาล่ะค่ะ เราจะพาทุกท่านไปเที่ยวพร้อมๆกับเรา ณ บัดนี้ ทาดา~
21 พ.ค. 57
เราเลือกบิน Air Asia ไปลงสนามบินหาดใหญ่ ไฟลท์ 6:40 น. ซึ่งถึงสนามบินหาดใหญ่ประมาณ 8:00 น.



จากนั้นก็นั่งรถ 2 แถวเพื่อไปตลาดเกษตร (ต้องไปต่อรถตู้ไปท่าเรือปากบาราที่นั่นค่ะ)
รถ 2 แถวจะจอดอยู่ลานจอดรถด้านหน้าของสนามบินหาดใหญ่เลย เป็นรถสีฟ้า บนรถมีสติกเกอร์ติดว่า "ขนส่งสนามบิน"
ค่าโดยสารรถ 2 แถว คนละ 30 บาท ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีก็จะถึงตลาดเกษตรค่ะ



พอไปถึงตลาดเกษตร คนขับรถ 2 แถวไม่เลี้ยวเข้าไปจอดด้านในตลาด แกเล่นจอดให้ลงกลางถนนหน้าตลาดเลย ก็เดินลงไปแบบงงๆ -_-"
ตลาดเกษตรคึกคักมากๆค่ะ เต็มไปด้วยคิวรถตู้ประมาณ 8 ล้านคิว (ไม่ถึง)
มันง่ายมากๆเลยค่ะคุณขา เพราะคนที่ทำงานในคิวรถตู้ต่างๆจะถามเราว่าไปไหน และต้องไปซื้อตั๋วตรงไหน
เราเดินไปซื้อตั๋วรถตู้ไปท่าเรือปากบาราที่เคาท์เตอร์หมายเลข 9 ซึ่งคนขายตั๋วพยายามขะยั้นขะยอให้ซื้อตั๋วเรือเฟอร์รี่จากนางเลย
แต่คนขับรถตู้กลับบอกว่ายังไม่ต้องซื้อ ให้ไปซื้อที่ท่าเรือเอา เพราะต้องเผื่อเวลาให้คนขับรถตู้แกหน่อย
รถตู้วิ่งประมาณ 1 ชม.ครึ่ง - 2 ชม. ถ้าไปถึงท่าเรือปากบาราเลทหรือไปไม่ทันขึ้นเรือ ตั๋วเรือเฟอร์รี่ที่ซื้อจากตลาดเกษตรก็จะว่าวทันทีค่ะ
แถมยังต้องซื้อตั๋วเรือในรอบถัดไปแทนใหม่อีก (ต้องเสียเงิน 2 เด้งเลยว่าง่ายๆ)
อีกอย่าง (อันนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆเลยค่ะ) คือ ถ้าเราไปซื้อตั๋วเรือที่ปากบาราเราสามารถต่อรองราคาได้ค่ะท่านผู้อ่าน!!!
ของฟรีไม่มีในโลก แต่ถ้ามีของที่ถูกกว่าและคุณภาพเท่ากัน ผู้บริโภคผู้น่ารักอย่างเราก็ควรรักษาสิทธิ์ไว้นะคะ
อ่อ ค่าโดยสารรถตู้จากตลาดเกษตรไปปากบารา คนละ 100 บ.ค่ะ



เรามาถึงท่าเรือปากบาราตอน 10:30 น.ค่ะ รถตู้พามาซื้อตั๋วเรือที่ออฟฟิศของเอ็มสตาร์ ทราเวล และเป็นอย่างที่ว่าจริงๆ คือต่อราคาได้
ในแผ่นป้ายบอกราคาเรือสปีดโบ๊ทเขียนว่านักท่องเที่ยวคนไทยราคา 1,200 บ. แต่พนักงานขายทำเป็นลดให้ เหลือ 1,000 บ.
เราเลยบอกนางไปว่า เพื่อนเพิ่งมาเที่ยวตอนต้นเดือนค่าตั๋วเรือสปีดโบ๊ทแค่ 900 บ./คนเองนี่ นางจึงลดให้เหลือ 900 บ.
ต้องระวังกันด้วยนะคะ เพราะราคา 900 บ. น่าจะเป็นราคามาตรฐานแล้ว อย่าให้เขาเอาเปรียบในช่องหน้าโลว์ซีซันได้
ตั๋วเรือสปีดโบ๊ทราคา 900 บ.นี้เป็นตั๋วแบบไป-กลับนะคะ ขาไปเขาจะให้เป็นบัตรแข็งที่มีเลขลำดับระบุเอาไว้



ส่วนขากลับ เขาจะให้ตั๋วเป็นกระดาษอ่อนใส่ซอง พร้อมกับเขียนเบอร์โทรติดต่อที่หลีเป๊ะ
เพื่อโทรไปเช็คอินเที่ยวกลับก่อนเดินทางกลับ 1 วัน วันนี้คนน้อยค่ะ เดินทางค่อนข้างคล่อง
พนักงานขายตั๋วเรือบอกให้เราซื้อของในเซเว่นฝั่งนี้ให้เรียบร้อย เพราะราคาของในเซเว่นบนเกาะแพงกว่า 2-3 เท่าเลย
เราซื้ออะไรติดไปไม่มาก นอกจากน้ำเปล่าและพวกขนมปังค่ะ
จากนั้นก็ไปรอที่ท่าเรือ เราได้รอบ 11:30 น.ค่ะ (สปีดโบ๊ทใช้เวลาไปเกาะหลีเป๊ะประมาณ 1 ชม.ครึ่ง)
ลืมบอกไปว่า ระหว่างที่เดินเข้ามาที่ท่าเรือปากบารา เราต้องจ่ายค่าผ่านทางท่าเรือคนละ 20 บ.ด้วย ;)



ใกล้ถึงเกาะหลีเป๊ะแล้วค่ะ! เรือสปีดโบ๊ทจะมาส่งเราลงที่โป๊ะกลางทะเลก่อนเข้าเกาะหลีเป๊ะ
(เนื่องจากเรือใหญ่เข้าไปไม่ได้ เพราะทะเลรอบเกาะค่อนข้างตื้น เขาจึงสร้างโป๊ะมาไว้รับ-ส่งนักท่องเที่ยวแทน)
เราถึงโป๊ะประมาณ 13:00 น. และต้องต่อเรือหางยาวเพื่อเข้าไปที่เกาะหลีเป๊ะเอา ค่าเรือหางยาวคนละ 50 บ. และค่าผ่านทางโป๊ะคนละ 20 บ.
ระหว่างที่นั่งเรือหางยาวเพื่อเข้าเกาะ ไอ่ที่เดินทางมากว่าครึ่งวันตั้งแต่ตี 5 นี่ลืมอาการง่วงและความเพลียแดดไปเลยค่ะ
ฟ้าคราม น้ำใส ทะเลสวยมากๆ โคตรน่าทึ่ง ประทับใจสุดๆเลยค่ะ ^_^



เราพักที่ mountain resort ค่ะ จองผ่าน agoda.com เลยค่ะ ยิ่งช่วงโลว์ซีซันจะได้ห้องพักราคาถูกกว่าปกติมากๆ
พอถึงเกาะ (หาดชาวเล) พนักงานของ mountain resort มารอรับอยู่แล้ว มาถึงรีสอร์ทก็เข้าเช็คอินประมาณ 13:30 น.
ก็เข้าห้องพักอาบน้ำ-จัดของซักเล็กน้อย ตอน 14:30 น. ออกไปทานข้าวที่ร้านอาหารของรีสอร์ท (ราคาสูงสมคำล่ำลือค่ะ ฮา)
เราสั่งกะเพราหมู+กุ้ง จานละ 90 บ. และชาลิปตันไอซ์ที กระป๋องละ 35 บ. แต่ขอบอกว่ารสชาติอาหารอร่อยเลิศเลยล่ะ



พอทานเสร็จเราเดินเล่นแถวๆรีสอร์ท mountain resort มีข้อได้เปรียบอยู่หลายอย่างเลยค่ะ
หนึ่งคืออยู่ติดหน้าหาดเลย ฉะนั้นเราตื่นมาตอนเช้า สิ่งที่เราจะเจออันดับแรกเลยคือทะเลแน่นอนค่ะ
อีกอย่างหนึ่งคือ ฝั่งตรงข้ามของรีสอร์ท คือเกาะอาดังค่ะ แหม่ .. วิวมันกินขาดกันจริงๆ



ตกเย็น 18:30 น. ดูพระอาทิตย์ตกที่รีสอร์ท
(ไม่เห็นพระอาทิตย์หรอกนะคะ ฮา เพราะหาดของ mountain เป็นฝั่งที่พระอาทิตย์ขึ้นค่ะ ^^")
ตอน 19:30 น. ก็นั่งรถรีสอร์ทออกไปถนนคนเดิน
(รีสอร์ทมีบริการรับ-ส่ง ไปถนนคนเดินตั้งแต่เวลา 18:00 - 22:00 น.ค่ะ สะดวกมาก)
ระหว่างเดินเล่นที่ถนนคนเดิน ก็พรางหาติดต่อเช่าเรือสำหรับไปดำน้ำดูปะการังในวันรุ่งขึ้น
ไปเจอบ้านกศิรินทร์ ทัวร์ ไดซ์ แบบเหมาเรือเป็นไพรเวท 1,700 บ. (ไม่มีอาหารกลางวัน ต้องเตรียมไปเอง)
โดยปกติแล้วที่นี่จะมีแบบราคาปกติ 850 บ./คน รวมอาหารกลางวันแล้ว ไปดำน้ำรวมกับคนอื่นๆด้วยเรือใหญ่
แต่เนื่องจากเป็นหน้าโลว์คนค่อยข้างน้อย จำนวนคนจึงไม่พอสำหรับออกเรือใหญ่ เราจำเป็นต้องเช่าแบบไพรเวทไปเองค่ะ
คนเรือนัดเจอที่หาดชาวเลบริเวณที่ลงเรือหางยาวจากโป๊ะขามาล่ะค่ะ ตอน 9:00 น. ของอีกวัน
จากนั้นเราก็เดินไปทานข้าวเย็นที่ร้าน lion restaurant & BBQ
ซึ่งเป็นร้านที่ได้รับการแนะนำจากรุ่นพี่ท่านหนึ่งที่ทำงานอยู่บนเกาะนี่ล่ะ และมันก็อร่อยจริงๆค่ะ
เฉลี่ยค่าอาหารเย็นมื้อนี้ตกคนละไม่ถึง 500 บ.ดี
อาหารที่เราสั่งก็มี ต้มยำกุ้ง 150 บ., ทอดมันกุ้ง 150 บ., ทะเลผัดผงกระหรี่ 200 บ.,
ปลาแดงราดน้ำปลา, หอยหลอดผัดฉ่า และกุ้ง+ปลาหมึกย่าง ราคาตามน้ำหนัก
สิริรวมค่าข้าวเปล่าและค่าน้ำแล้วราคา 2,400 บ.ค่ะ
(ต้องขออภัยที่ไม่ได้ถ่ายภาพอาหารในมื้อนี้มาเลย เนื่องจากร้าน lion ค่อนข้างมืด)



จากนั้นเรานั่งดื่มเบียร์ริมหาดกับเพื่อนๆต่ออีกนิดหน่อย
(เบียร์ลีโอในร้านขายของชำบนเกาะราคากระป๋องละ 50 บ.ค่ะ)
จนกระทั่ง 23:00 น. ซึ่งไม่มีบริการรถรีสอร์ทแล้ว เราจึงเลือกใช้บริการรถ taxi บนเกาะ
ซึ่งมันเปิดโลกทรรศน์เรามากกก เพราะมันเป็นรถมอเตอร์ไซค์ซาเล้งดีๆนี่เอง
คุณลองนึกสภาพเล่นๆ บนเกาะกำลังทำถนน เส้นทางที่ใช้บนเกาะปัจจุบันเป็นถนนลูกรัง
หลุมบ่อเต็มไปหมด นั่งกันเสียวเยี่ยวราด สนุกกันไปข้างนึงเลยล่ะค่ะ ฮา
ค่าโดยสารคนละ 50 บ. และ taxi คันหนึ่งขึ้นได้เพียง 3 คนเท่านั้นจ้า



วันแรกผ่านไปแล้ว เดี๋ยวจะมาต่ออีก 3 วันที่เหลือนะคะ หัวเราะ
ชื่อสินค้า:   เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล , Lipe beach resort
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่