จะทำอย่างไรถ้าหลังจากแต่งงานพบว่าสามี มีหนี้สินรุงรังโดยที่เขาปกปิดมาตลอด

เป็นคำถามจากน้องที่ออฟฟิตคครับ เพราะเขาเห็นผมคอยบริหารเงิน ทำบันทึกรายรับ-รายจ่าย และสนิทกันพอสมควร

เริ่มเลย น้องคนนี้เดินมาปรึกษาหลังจากพ้นพิธีแต่งงานได้ 1 สัปดาห์ ว่าพี่หนูจะทำยังไงดี หนูพึ่งรู้ว่าพี่เขาเป็นหนี้บัตรเครดิต10 กว่าบัตร พี่เขาเต็มวงเงินเกือบทุกบัตร มีบางบัตรที่ยังเหลือเงินในเครดิตเอามาหมุนจ่าย รวมแล้วหลายแสน แค่ผ่อนขั้นต่ำเงินเดือนเขาก็แทบไม่เหลือ หลังแต่งงานกันคุยเรื่องเงิน เขาบอกเขามีหนี้บัตรเครดิตนะ ค่าผ่อนรถที่ขับอยู่ทุกวันนี้คงต้องให้หนูช่วย ส่วนบ้านคงต้องเช่าอยู่ไปก่อนซึ่งเงินส่วนนี้หนูคงต้องรับผิดชอบ

ที่ผ่านมาเขากดบัตรเครดิตมาผ่อนค่ารถ หมุนจนเป็นงูกินหาง โดยที่ก่อนหน้านี้ตอนคบกันไม่เคยแสดงออกว่ามีปัญหาเรื่องนี้เลย ไปเที่ยวไหนก็เลี้ยงหนูตลอด ไม่เคยให้หนูออกเลย คบกันมา3ปี ไม่เคยรู้เลยว่าเป็นแบบนี้ แถมเงินค่าจัดงานแต่งก็ไปกดบัตรเครดิตกับบัตรกดเงินสดมาจ่าย เอาเงินซองหักลบก็ติดลบอยู่เป็นแสน

ตอนนี้หนูเครียดมา แทนที่แต่งงานแล้วจะได้ร่วมกันสร้างครอบครัว กลับกลายเป็นต้องช่วยกันเคลียร์หนี้ ซึ่งเอาเข้าจริงๆเงินเดือนหนูกับพี่เขาไม่รู้ 10 ปีจะหมดไหม

หนูฝันว่าแต่งงานจะซื้อบ้านหลังเล็กๆสักหลัง มีครอบครัวที่อบอุ่น แต่ความฝันของหนูพังหมด หนี้สินที่พี่เขามีมันมากเหลือเกิน หนูจะซื้อโทรศัพท์สักเครื่องหนูคิดไป 3 วัน หนูกลัวการเป็นหนี้ แต่วันนี้หนูไม่คิดว่าการมีครอบครัวจะทำให้มีหนี้มากมายแบบที่ชีวิตนี้ไม่เคยคิดว่าจะมีมาก่อน

แล้วน้องเขาก็ร้องไห้....
ซึ่งบอกตรงๆว่าสงสารมาก ถามว่าจดทะเบียนหรือยังก็บอกว่าจดหลังแต่งเลย เสียดาย ว่าจะแนะนำให้ยังไม่ต้องจดทะเบียนเพราะผลผูกพันหลังจากนี้ จริงอยู่ที่หนี้สินก่อนแต่งงานไม่ต้องรับผิดชอบร่วมกัน แต่ถ้ากู้บ้านร่วมกัน แล้วโดนยึดขายทอดตลาดขึ้นมาจะลำบากเสียเปล่าๆ

จะให้หย่าโดยให้มีผลทางกฏหมายคงเป็นคำแนะนำที่ไม่ดีนักสำหรับคู่รักที่พึ่งแต่งงานได้สัปดาห์เดียว

ไปไม่เป็นเลยงานนี้ เลยมาปรึกษาพี่ๆในนี้ว่าผมควรแนะนำอะไรกับน้องดีครับ โดยรวมผมเคยพบผู้ชายคนนี้นะ เป็นคนดี นิสัยดี ทุกอย่างดูโอเค แต่ติดปัญหาเรื่องเงินนี่แหละที่เป็นคนมือเติบ หน้าใหญ่ ใช้บัตรเครดิตโดยไม่คิด
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
ถ้าเป็นผม  ผมจะแนะนำให้หย่าครับ คนแต่งงานกันแล้ว ก่อนแต่งควรจะเปิดเผยทุกอย่างไม่ใช่เก็บงำไว้แบบนี้แล้วค่อยมาบอกหลังแต่ง

คนแบบนี้อยู่ไปนานๆยิ่งลำบาก......แต่สุดท้ายจะหย่าหรือไม่ก็อยู่ที่น้องเขาเลือก
ความคิดเห็นที่ 11
ส่วนผมแนะนำให้สู้ครับ ต้องถามน้องเค้าว่ารักสามีไหม ถ้ารักเงินส่วนหนึ่งที่เป็นหนี้ก็อาจจะมาจากการที่พาคุณเที่ยว กิน ตลอดสามปีที่ผ่านมา คุณได้แต่งงานก็เพราะเงินตรงนี้นะ ถ้าเค้าบอกก่อนแต่งว่าเค้ามีหนี้สินขนาดนี้ น้องเค้าจะไม่แต่งใช่ไหม ถ้าใช่มันก็ไม่ใช่รักละครับ ถ้าคำตอบคืออันนี้ก็แนะนำให้หย่าไปซะจะได้จบ บอกเค้าไปตรงๆ เลยว่ารับไม่ได้กับหนี้ที่เธอมีอยู่

หรือถ้ารักเค้า ก็ต้องคุยกันว่าจะทำงัย ต้องลองดูสักตั้ง ของผมผมทำบัตรเครดิตช่วยน้องสาวทำธุรกิจ สรุปมันไม่ส่งไม่จ่ายอะไรทั้งนั้นผมก็โดนไปเกือบล้านนะครับ มาบอกภรรยาทีหลังเหมือนกัน เค้าร้องไห้มากมาย แต่สุดท้ายเค้าบอกผมว่า เราจะสู้ไปด้วยกัน ใช้หนี้เท่าที่เราใช้ได้ อันไหนคุยได้ให้ไปคุยก่อน อันไหนด่วนให้รีบจัดการ จากเกือบๆ ล้าน (ประมาณ 7-8 แสน) ตอนนี้เหลืออยู่ประมาณ แสนกว่าๆ ละครับ
ความคิดเห็นที่ 39
พ่อเรา ก็ทำกับแม่เราอย่านี้แหละ ตอนนั้นพ่อกับแม่เรารับราชการครูทั้งคู่ พ่อทำงานต่างอำเภอค่อนข้างไกล
และหลังแต่งงานพ่อก็ย้ายเข้ามาอยู่บ้านแม่ (แม่มีบ้านเองก่อนแต่งงาน) นานๆ พ่อจะกลับบ้านสักที
หลังแต่งงานแม่เราก็ยังไม่รู้ จนมีเจ้าหนี้นอกระบบหลายรายมาก มาถามหาพ่อและทวงเงิน เจ้าหนี้บอกว่าตามหาตั้งนานย้ายมาก็ไม่บอก แม่เราก็ต้องมานั่งใช้หนี้ให้ แต่ไม่หมดหรอกค่ะ พ่อแกหาหนี้ใหม่ๆ มาได้เสมอ พวกเราไม่เคยเห็นเงินนั้นเลย เรากับแม่และน้องชายอยู่กันอย่างลำบากค่ะ เพราะเงินที่หามาได้ต้องเอาไปปลดหนี้ให้พ่อ ซึ่งไม่มีวันหมด
จนสุดท้าย ตอนเราอายุ 19 ปี แม่หย่ากับพ่อค่ะ แต่หนี้สินที่เกิดขึ้นระหว่างแต่งงานแม่เราก็ต้องชดใช้ เพราะพ่อเรา ไม่จ่ายค่ะ แถมพ่อยังถูกไล่ออกจากราชการอีก สงสารแม่มากเลยตอนนั้น

เพื่อนเราเองก็มีประสบการณ์ตรงจากแฟนเก่าค่ะ เพื่อนเรารู้ เพื่อนเราช่วยปลดหนี้ แต่แฟนเก่าเค้ากลับหาหนี้สินเพิ่มเข้ามา แถมมาเกาะเพื่อนเรากินอีก เพื่อนเรารับไม่ได้ค่ะ และไม่ยอมโง่อีกต่อไปแล้ว เพื่อนเราเลิกเลย

จากประสบการณ์ที่เราเจอ เราแนะนำให้หย่าค่ะ หมายถึง อย่ามีพันธะทางกฏหมาย และถ้าตัดอัณฑะนั้นได้ก็ให้ตัดทื้งไป (เรา หมายถึง ให้เลิกกะผู้ชายคนนั้นนะคะ ไม่ใช่ไปตัด "ลูกอัณฑะ" จริงๆ ของเค้านะ)
ความคิดเห็นที่ 1
ต่อไปใครคิดแต่งงานต้องตรวจสอบเครดิตบูโรก่อนทุกครั้ง
ความคิดเห็นที่ 3
ต้องบอกน้องว่า  อย่าเพิ่งสร้างหนี้ใดๆ เพิ่มเป็นอย่างแรกเลย
ยึดบัตรเครดิตผช.คนนี้มา  อย่าให้ไปกดไปรูดอะไรเพิ่มอีก  คนนิสัยแบบนี้เลิกก่อหนี้ยากนะคะ

ต้องดูว่าหนี้บัตรอันไหนดอกเบี้ยมากสุด หรือมีหนี้นอกระบบไหม  แล้วผช.มีทรัพย์สินอะไรติดตัวบ้างไหม  ให้ขายไปใช้ก่อนเลย
ที่เหลือค่อยจัดสรรว่าจะจัดการอย่างไร  อย่างอื่นคิดไม่ออกแล้วเหมือนกัน  เป็นเราเจอคงมึนไปเจ็ดตลบ

อ้อ ลืมไป  เช็คดูว่าผช.คนนี้ติดการพนันหรือเปล่า  บางทีอันนี้เป็นสาเหตุหลักที่หนี้สินรุงรังก็ได้นะ

อาจารย์ของก๋วยเจ๋งสอนว่า  "ถ้าสู้ไม่ได้ ให้หนี"
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่