ศาลปกครองกลาง ยกฟ้อง “พิชิต - ศุภศรี” ฟ้องสภานายกพิเศษแห่งสภาทนายความ ลบชื่อออกจากทะเบียน ชี้ศาลฎีกาพิพากษาชัดคดีถุงขนม 2 ล้าน ทำ กก. ใช้ดุลพินิจลงโทษโดยชอบ
วันนี้ (30 พ.ค.) ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษายกฟ้อง คดีที่ นายพิชิต ชื่นบาน อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย กับ น.ส.ศุภศรี ศรีสวัสดิ์ ยื่นฟ้อง สภานายกพิเศษแห่งสภาทนายความ และ คณะกรรมการสภาทนายความ เป็นผู้ฟ้องที่ 1-2 กรณีที่ผู้ถูกฟ้องทั้ง 2 ได้มีคำสั่งชี้ขาด ยืนตามคำสั่งของคณะกรรมการมรรยาททนายความลงโทษผู้ฟ้องให้ลบชื่อออกจากทะเบียนทนายความ
โดยศาลเห็นว่า ผู้ฟ้องคดีเป็นผู้ที่ถูก ศาลฎีกามีคำสั่งลงโทษจำคุก 6 เดือนกรณี เข้าไปส่วนกับกรณีการนำเงิน 2 ล้านบาทใส่ถุงกระดาษไปมอบให้กับ หม่อมหลวง ฐิติพงศ์ ชุมพูนุท นิติกร 5 และเจ้าหน้าที่ในศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อปี 53 ซึ่งเป็นการกระทำที่มิชอบด้วยหน้าที่ จึงถือว่าผู้ฟ้องคดีทั้ง 2 มีพฤติกรรมไม่เรียบร้อยบริเวณศาลเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล และแม้พนักงานอัยการจะมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องผู้ฟ้องคดีทั้ง 2 ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้ฟ้องคดีทั้ง 2 ไม่ได้ประพฤติ ผิดมารยาททนายความ
การที่คณะกรรมการมรรยาททนายความและคณะกรรมการสภาทนายความได้มีคำสั่งลงโทษผู้ฟ้องคดีทั้ง 2 และให้ลบชื่อออกจากทะเบียนทนายความจึงเป็นการใช้ดุลพินิจมีคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายเหมาะกับพฤติการณ์ในการกระทำผิดไม่ได้เป็นการลงโทษที่รุนแรงเกินสัดส่วนแห่งการกระทำความผิด ประกอบกับอำนาจในการวินิจฉัยว่าผู้ใดกระทำการละเมิดอำนาจศาลโดยเฉพาะไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายใด ที่ให้อำนาจองค์กรอื่นมาตรวจสอบทบทวนคำวินิจฉัยของศาลฎีกาได้ เมื่อการกระทำของผู้ฟ้องคดีทั้ง 2 เป็นการกระทำที่อุกอาจท้าทายอำนาจศาล ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ยำเกรงอำนาจศาลจึงเป็นพฤติกรรมที่ผิดมารยาททนายความอย่างร้ายแรง ดังนั้น การที่ผู้ฟ้องคดีอ้างว่าไม่ได้ประพฤติผิดมารยาททนายความ อีกทั้งความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลก็ไม่ใช้ความผิดอาญา และความผิดอาญาตามาตรา144 ของ ประมวลกฎหมายอาญา พนักงานอัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องแล้ว การลงโทษลบชื่อผู้ฟ้องคดีทั้ง 2 ออกจากทะเบียนทนายความเป็นการลงโทษที่รุนแรงเกินสัดส่วนนั้น จึงไม่อาจรับฟังได้ พิพากษายกฟ้อง
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9570000060680
“พิชิต-ศุภศรี” แห้ว! ศาลปกครองกลางยกฟ้องคดีสภาทนายลบชื่อ กรณีถุงขนม 2 ล้าน
วันนี้ (30 พ.ค.) ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษายกฟ้อง คดีที่ นายพิชิต ชื่นบาน อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย กับ น.ส.ศุภศรี ศรีสวัสดิ์ ยื่นฟ้อง สภานายกพิเศษแห่งสภาทนายความ และ คณะกรรมการสภาทนายความ เป็นผู้ฟ้องที่ 1-2 กรณีที่ผู้ถูกฟ้องทั้ง 2 ได้มีคำสั่งชี้ขาด ยืนตามคำสั่งของคณะกรรมการมรรยาททนายความลงโทษผู้ฟ้องให้ลบชื่อออกจากทะเบียนทนายความ
โดยศาลเห็นว่า ผู้ฟ้องคดีเป็นผู้ที่ถูก ศาลฎีกามีคำสั่งลงโทษจำคุก 6 เดือนกรณี เข้าไปส่วนกับกรณีการนำเงิน 2 ล้านบาทใส่ถุงกระดาษไปมอบให้กับ หม่อมหลวง ฐิติพงศ์ ชุมพูนุท นิติกร 5 และเจ้าหน้าที่ในศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อปี 53 ซึ่งเป็นการกระทำที่มิชอบด้วยหน้าที่ จึงถือว่าผู้ฟ้องคดีทั้ง 2 มีพฤติกรรมไม่เรียบร้อยบริเวณศาลเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล และแม้พนักงานอัยการจะมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องผู้ฟ้องคดีทั้ง 2 ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้ฟ้องคดีทั้ง 2 ไม่ได้ประพฤติ ผิดมารยาททนายความ
การที่คณะกรรมการมรรยาททนายความและคณะกรรมการสภาทนายความได้มีคำสั่งลงโทษผู้ฟ้องคดีทั้ง 2 และให้ลบชื่อออกจากทะเบียนทนายความจึงเป็นการใช้ดุลพินิจมีคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายเหมาะกับพฤติการณ์ในการกระทำผิดไม่ได้เป็นการลงโทษที่รุนแรงเกินสัดส่วนแห่งการกระทำความผิด ประกอบกับอำนาจในการวินิจฉัยว่าผู้ใดกระทำการละเมิดอำนาจศาลโดยเฉพาะไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายใด ที่ให้อำนาจองค์กรอื่นมาตรวจสอบทบทวนคำวินิจฉัยของศาลฎีกาได้ เมื่อการกระทำของผู้ฟ้องคดีทั้ง 2 เป็นการกระทำที่อุกอาจท้าทายอำนาจศาล ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ยำเกรงอำนาจศาลจึงเป็นพฤติกรรมที่ผิดมารยาททนายความอย่างร้ายแรง ดังนั้น การที่ผู้ฟ้องคดีอ้างว่าไม่ได้ประพฤติผิดมารยาททนายความ อีกทั้งความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลก็ไม่ใช้ความผิดอาญา และความผิดอาญาตามาตรา144 ของ ประมวลกฎหมายอาญา พนักงานอัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องแล้ว การลงโทษลบชื่อผู้ฟ้องคดีทั้ง 2 ออกจากทะเบียนทนายความเป็นการลงโทษที่รุนแรงเกินสัดส่วนนั้น จึงไม่อาจรับฟังได้ พิพากษายกฟ้อง
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9570000060680