วิเคราะห์ [[ X-Men: Days of Future Past]] เมื่อนาคตมาบรรจบกับอดีต [[Spoil]]

วิเคราะห์ [[ X-Men: Days of Future Past]] เมื่อนาคตมาบรรจบกับอดีต



ในช่วงนี้ถือได้ว่าเป็นนาทีทองของภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ ซึ่งคงปฏิเสธไม่ได้ว่า X-Men: Days of Future Past หรือในชื่อภาษาไทย "สงครามวันพิฆาตกู้อนาคต" (ผมว่าเป็นชื่อที่โอเคกว่าเรื่องอื่นนะ แหะๆ) ได้รับความสนใจจากหลายๆองค์ประกอบของภาพยนตร์ ไม่ว่าจะเป็นการโปรโมทที่ทำได้ค่อนข้างดี และนักแสดงมากฝีมือจากซีรีส์ X-men ในภาคก่อนๆ เช่น Hugh Jackman ในบทวูล์ฟเวอรีน (ที่ภาคนี้ไม่แย่งซีนตัวละครอื่นเหมือนภาคก่อนๆ) Patrick Stewart, Ian Mckellen,Halle Berry, Ellen Page รวมถึงนักแสดงหน้าใหม่จาก X-men First Class อาทิ James Mcavoy, Michael Fassbender, Jennifer Lawrence และ Nicholas Hoult

หนังเปิดตัวด้วยเหตุการณ์ของเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ในอนาคตปี 2023 ที่ถูกนำเสนอด้วยโทนมืด เป็นเหตุการณ์ภายหลังหุ่นsentinel ได้ถูกพัฒนาความสามารถล่าล้างมนุษย์กลายพันธุ์จนแทบหมดไปจากโลก เหตุการณ์ดำเนินไปแบบดิสโทเปีย และส่งเสริมภาพความเก่งจาจของเซนติเนลด้วยการกำจัดกลุ่มมนุษย์กลายพันธุ์ได้ในเวลาอันสั้น



ตัวเซนติเนลนั้น ถือกำเนิดมาจากแนวคิดของ Bolivar Trask (Peter Dinklage หลายๆคนคงติดใจการแสดงของเขาในบททีเรียน แลนนิสเตอร์จากซีรีส์ Game of Thrones) นักวิทยาศาสตร์ผู้จับตามองการเคลื่อนไหวของมนุษย์กลายพันธุ์ตั้งแต่วิกฤตการณ์คิวบา ซึ่งทราสก์นั้น ในใจลึกๆก็อดอิจฉาการกลั่นแกล้งของยีนไม่ได้ ทำไมเขาจึงต้องรับสภาพผิดปกติของความแคระ แต่มนุษย์กลายพันธุ์กลับได้พลังที่เป็นประโยชน์

ดังนั้น เซนติเนล ก็เท่ากับเครื่องมือที่มนุษย์ใช้ล่าสังหาร หรือพูดง่ายๆคือปิดปากมนุษย์กลายพันธุ์

เราเคยเห็นปรากฏการณ์อย่างนี้ในสังคมมานานแล้วในประวัติศาสตร์ของสังคมมนุษย์ การล่าล้างคนที่แปลกประหลาดให้ออกไปจากสังคม ไม่ว่าจะเป็นการล่าแม่มด หรือการล่าสังหารชาวยิว

เซนติเนลคือเครื่องมือควบคุมคนที่เห็นต่าง จนท้ายที่สุดในภาพยนตร์ก็เล่าว่ามันกลับมาทำร้ายมนุษย์เอง ไม่ต่างกับการกดหัวปิดปากคนที่คิดต่างด้วยอำนาจเผด็จการ สุดท้ายมันจะกลับมาปิดปากคนทั้งสังคมเอง



ดังนั้นเพื่อแก้ไขเหตุการณ์ไม่ให้มีการพัฒนาเซนติเนลขึ้นมา Kitty Pryde(Ellen Page) จึงต้องใช้พลังของตนส่งวูล์ฟเวอรีนไปแก้ไขเหตุการณ์ในอดีต เพราะมีเพียงเขาเท่านั้นที่ทนทริปย้อนเวลาโหดนี้ได้ เนื่องจากสมองของคนอื่นไม่อาจทนความต่างของช่วงเวลา แต่เขาเป็นคนเดียวที่สามารถเยียวยาตนเองได้ในทันที จึงสามารถข้ามเวลาไปในอดีตได้ 50 ปี โดยเขาต้องไปพบกับ ศาสตราจารย์ ชาร์ลส์ เซเวียร์ (James Mcavoy) ในวัยหนุ่ม เพื่อเกลี้ยกล่อมไม่ให้มิสทีค (Jennifer Lawrence) สังหารทราสก์ได้สำเร็จ

หนังกำลังจะบอกอะไรกับเรา

หนังกำลังบอกกับผู้ชมว่า จงเรียนรู้จากประวัติศาสตร์ ว่าการฆ่าฟันนั้น นอกจากจะไม่ได้แก้ไขปัญหาใดๆ แล้ว ยังจะช่วยจุดชนวนความเกลียดชัง ให้ลุกโหมเป็นไฟโทสะของสองเผ่าพันธุ์ที่จะห้ำหั่นกัน ฉะนั้น มนุษย์เช่นเราควรแล้วหรือที่จะหลงลืมประวัติศาสตร์?



เรื่องราวดำเนินต่อไปในปี 1973 โลแกนในวัยหนุ่ม (หนุ่มตลอดกาลอยู่แล้ว) ไปหาชาร์ลส์ถึงโรงเรียน และพบว่าโรงเรียนมนุษย์กลายพันธุ์ของศาสตราจารย์X รกร้างและสิ้นหวังเหมือนตัวเจ้าของโรงเรียน มีเพียง Hank Mccoy(Nicholas Hoult) ที่อยู่ข้างศาสตราจารย์ผู้กำลังสูญเสียทุกอย่างแม้กระทั่งศรัทธาในการดำเนินชีวิตต่อไป

ชาร์ลส์สูญเสียนักเรียนของเขาไปเนื่องจากสงครามเวียดนาม เขาสอนได้แค่เทอมเดียวเท่านั้น สงครามกลับพรากปณิธานในการรวบรวมมนุษย์กลายพันธุ์ของเขา ภาพของชาร์ลส์ในลักษณะคล้ายคนติดยา หัวหูดูไม่ได้ ซ้ำยังสูญพลัง เป็นภาพสะท้อนของครอบครัวผู้สูญเสียจากสงคราม ดังนั้น เมื่อโลแกนนำข้อความจากตัวเขาเองในอนาคตมาแจ้งให้รีบไปหว่านล้อมเรเวน หรือมิสทีค ผู้ที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขา ชาร์ลส์ลังเลเพียงระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่จะตกลงกับโลแกนว่าเขาจะไปตามตัวเรเวนกลับมา แต่ก่อนหน้านั้น พวกเขาต้องช่วยอีริค(Michael Fassbender) ออกมาจากการจองจำเสียก่อน




เดี๋ยวมาต่อนะครับ...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่