ก่อนจะเริ่มหนังยาว .... ขอเกริ่นอย่างเวิ่นเว้อให้ฟัง
เราเป็นคนชอบเดินทางมาก จะว่าติดเลยก็ได้ เราเดินทางไปมากกว่า 25 ประเทศแค่ในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา แล้วก็เริ่มจดรายละเอียดการเดินทางทุกทริปทุกวันอย่างนี้มาสี่ปีแล้ว ด้วยความฝันว่าอยากมีหนังสือเดินทางเป็นของตัวเองซักเล่ม แต่ไม่เคยได้เริ่มทำเพราะคิดว่าเรื่องราวตัวเองไม่น่าสนใจพอ .. จนกระทั่งทริปนี้ โคตรแห่งการสร้างแรงบันดาลใจ
จะว่าเป็นทริปที่น่าสนใจที่สุดที่เคยไปมาเลยก็ได้ เพราะทุกอย่างแปลกตา บ้านเมืองในแบบที่ไม่เคยรู้จัก หลายอย่างที่คิดไม่ถึง ทำมัยทำวีซ่าต้องอยู่นอกพาสปอร์ต ทำมัยที่สนามบินต้องใช้เวลาตรวจตั้งสามชั่วโมง ทำมัยเค้าเพิ่งสร้างประเทศได้แค่ห้าสิบกว่าปีแล้วประเทศเจริญยิ่งกว่าไทยเป็นหลายเท่า ค่าครองชีพนี่เรียกอเมริกาเป็นน้องได้เลย ทำมัยเป็นประเทศที่มีคนอพยพย้ายกลับเข้ามาที่สุดในโลก ทำมัยตำรวจถือปืน M79 ถึงเต็มเมือง ทำมัยถึงมีการแบ่งแยกประเทศเป็นส่วนปาเลสไตน์ ส่วนกาซ่า ทำมัยผู้หญิงทุกคนต้องเป็นทหาร ฯลฯ บ่องตงสำหรับเรา ทุกอย่างน่าสนใจมากอ่ะ ตลอดการเดินทางเราเลยถกเถียงกับนังเพื่อนร่วมทริปเยอะมาก ว่างๆก็ไปสัมภาษณ์คนแปลกหน้า อยากรู้จัด 555 อีกอย่างแค่ปัญหาที่เจอก่อนไปก็ทำให้รู้แล้วว่าพี่เค้าไม่ธรรมดา
แล้วทำไมถึงเลือกไปอิสราเอลในตอนแรก
ถ้าตอบอย่างแรดๆคือ ไปยุโรปจนเบื่อแล้ว ซึ่งเราไม่ได้กระแดะแต่อย่างใด แต่ลองดูสิ ถ้าเที่ยวประเทศยุโรปมามากกว่า 15 ประเทศ ลองอยู่ยุโรปเกือบปี ตอนนี้ก็ทำงานอยู่ลอนดอน ความอินเป็นนางเอกเกาหลีเดินอยู่ในตึกสวยๆ จะลดลงไปตามระดับ ความฝันที่จะเจอชายยุโรปหล่อมันไม่เป็นความจริง มันเลยเกิดอาการเบื่อ ต้องการความท้าทาย
แต่จะต้องการความท้าทายโดยการเป็นหญิงเดี่ยวไปก็จะแนวไป เราไม่ได้เลือกที่จะไปอิสราเอลเองแต่พอดีมีเพื่อนที่ทำงานที่มาแลกเปลี่ยนจากอเมริกาสองคน (เราก็มาทำงานแลกเปลี่ยนอยู่ที่ลอนดึ๊นเหมือนกัน) อยากไปอิสราเอลช่วงวันหยุด Easter ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลสำคัญของชาวคริสต์ เพราะเป็นช่วงวันที่พระเยซูถูกตรึงบนไม้กางเขนและฟื้นคืนชีพขึ้นมาในสามวัน เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในเมืองเยรูซาเล็ม เพื่อนอยากอิน ส่วนเราแค่กลัวเหงาติดอยู่ลอนดึ๊นคนเดียวในช่วงวันหยุดยาว และอยากแนวเป็นหญิงไทยใจกล้าไปเมืองที่การยังมีร่องรอยความไม่สงบ (สามจังหวัดชายแดนคือยังไม่พอ) ยิ่งพอลองหาข้อมูลแล้วเห็นไม่ค่อยมีคนไทยรีวิวไปเลย เลยคิดว่าเด็ด เอาเลย หารู้ไม่ว่าการไปไม่ง่ายอย่างที่คิด
คือผ่านการท่องเที่ยวมาเยอะจนจะตั้งบริษัทเองได้อยู่แล้ว เพิ่งเคยเจอครั้งนี้แหละที่เกือบจะต้องยกเลิกทุกอย่างเพราะหมดปัญญาการแก้ปัญหา แค่ยังไม่ไป พี่อิสราเอลก็สร้างความเครียดให้กินไม่ได้นอนไม่กลับอยู่หลายวันเหมือนกัน
ปัญหาเรื่องวีซ่า ปกติจะขอวีซ่าก็ต้องจองตั๋วก่อนไปขอเป็นเรื่องธรรมดา ใครจะไปรู้ว่าพอซื้อตั๋วราคาแพงใช้ได้แล้ว (เพราะเป็นช่วงเทศกาล ขนาดยอมต่อเครื่องเป็น 7-9 ชั่วโมงต่อครั้ง นั่งแบบเวลาที่เห่ยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ อดนอนทั้งสองขา) เตรียมเอกสารทั้งหมดครบ ไปถึงหน้าสถานฑูตอิสราเอลแล้วจะเจอคุณตำรวจถือปืน M16 สองคนบอกว่าเค้าประท้วงไม่ให้เข้า ลองไปเช็กในเว๊บไซด์ดู ปิดมาเป็นอาทิตย์แล้ว ไม่รู้ด้วยจะเปิดเมื่อไหร่ O.O' ไม่เป็นไร เราคิดว่าอย่างน้อยยังมีเวลาอีกสองอาทิตย์เรื่องราวคงไม่เลวร้ายมาก เค้าปิดสถานฑูตนานๆไม่ได้หรอก เสียหายประเทศเค้า
ใครจะไปรู้ นี่มันคือพี่ยิว คนจริงของจริง
กลับมาเช็ก พี่แกงดให้วีซ่ามาเดือนกว่าแล้ว เกิดจากการที่กระทรวงการต่างประเทศไม่พอใจกับค่าแรงที่ได้ เป็นความขัดแย้งกับกระทรวงการคลัง พี่แกบอกว่าเราทำหน้าที่เป็นตัวแทนของประเทศอยู่ในประเทศอื่นๆด้วยความเสี่ยง ใยเราจึงได้ค่าแรงน้อย (อันนี้อ่านมาหลายข่าวยังไม่เจอตัวเลขที่แน่นอน) แต่พี่กระทรวงการคลังบอกว่าเนี่ย พวกเมิงได้มากสุดแล้วจะเอาอะไรอีก ความขัดแย้งบานปลายมาเกือบเดือนเริ่มตั้งแต่ต้นมีนา พี่การต่างประเทศเลยงดให้บริการและการออกวีซ่า แต่ยังเปิดอยู่ ผ่านไปหนึ่งเดือนพอพี่การคลังยังไม่สนใจ พี่การต่างประเทศเลยสั่งปิดทุกอย่างทั่วโลกเลย คือแบบใครจะไปทำได้ถ้าไม่ใช่พี่ยิว ใครจะกล้าปิดกงสุลทั่วโลก คิดดูนะ สถานกงสุลมีหน้าที่อะไรบ้าง นอกจากการขอวีซ่าทั้งท่องเที่ยวและทำงานซึ่งนำเงินมหาศาลเข้าประเทศแล้ว สถานกงสุลยังทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของคนสำคัญต่างๆที่จะเดินทางเข้าและออกประเทศ ใครทำพาสปอร์ตหาย หมดสิทธิ์กลับบ้านในเมื่อกงสุลไม่เปิด ยิ่งไปกว่านั้นหากใครมีญาติเกิดอุบัติเหตุหรือเสียชีวิต คนเดินทางไม่ได้เลยนะ คือผลกระทบมันเยอะมากจนเราไม่คิดว่ามันจะเป็นไปได้ พี่ยิวเหนือคาดจริงๆ ยิ่งอ่านข่าวยิ่งเช็กกับคนใกล้ตัวที่พอมีข้อมูลทั้งหลายยิ่งเครียด ขนาดทริปของคุณนายกรัฐมนตรีอังกฤษ David Cameron ยังต้องเลื่อน หรือแม้กระทั่งทริปของพระสันตปาปายังมีความเสี่ยง แล้วอิชั้นเป็นใคร ใยพี่ยิวต้องแคร์
ไม่เป็นไร การเตรียมการเดินทางไม่เคยราบรื่น ร้อยเปอร์เซนต์อยู่แล้ว แต่การเตรียมการเดินทางสอนให้เราพอรู้ว่าต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้ายังไง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีปัญหาแต่ถึงจะแปลกหน่อยเหอะ แต่เราหัวแล่นทันทีว่าต้องทำอะไรบ้าง ตอนนี้มีสามทางเลือก
หนึ่ง ติดต่อขอคืนตั๋ว คุยอยู่นานติดต่อกันหลายครั้งสุดท้ายเค้าบอกว่าจะได้เงินคืนแค่ไม่ถึง20% ถึงขั้นเกือบจะเขียนเมล์ถึง CEO ของบริษัทสายการบินถึงการกระทำนี้ แต่รอให้วีซ่าไม่ได้ก่อนจริงๆ
สอง ติดต่อบริษัทประกันของเคลมเงินคืน สุดท้ายก็ไม่ได้อีกเพราะเข้าข่ายมีการเตือนถึงเหตุการณ์นี้ก่อนที่จะซื้อตั๋วแล้ว อันนี้ทำอะไรไม่ได้อีกจริงๆ ยกเว้นติดต่อคอนเฟิร์มกับทางบริษัท
สาม ภาวนา สวดมนต์ทั้งพุทธและภาวนาขอพระเจ้าของศาสนาคริสต์ เราขอว่า ถ้าเราควรจะไปที่อิสราเอลในช่วง Easter นี้จริง ขอให้สถานฑูตเปิดในเร็ววันและให้ได้วีซ่าทันการ เพราะจังหวะนั้นเราทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้แล้ว หากเราไม่ได้ไป ก็จะยอมรับในการตัดสินใจของสิ่งศักดิ์สิทธิ์
เชื่อหรือไม่ อิชั้นอยากเรียกว่าปาฏิหาริย์ วันถัดมา หลังจากประท้วงมาเดือนกว่า สถานฑูตเปิด ไม่เพียงแค่นั้น เราคิดว่าคนต้องต่อคิวเยอะมาก วีซ่าอาจจะได้ไม่ทันก็ได้ ไปถึงพี่ยามโคตรหล่อโคตรบึกบอกว่า น้องน่าจะเป็นคนเดียวในนี้สถานฑูตตอนนี้ คือแบบช็อคมากอ่ะ ไม่พอถามเจ้าหน้าที่ว่าจะเดินทางในอีกอาทิตย์กว่า จะทันไหม เพราะเคยอ่านของคนอื่นบางคนใช้เวลาตั้งสี่เดือน พี่แกบอก น้องคะ ไปเดินเล่นนะคะ แล้วกลับมาภายในครึ่งชั่วโมง ได้เลย
อึ้งค่ะ น้ำตาคลอ (เว่อร์ไป) อิชั้นไม่ต้องอยู่ลอนดึ๊นในช่วงหยุดยาวคนเดียวแล้ว
จัดไปวีซ่านอกพาสปอร์ตของช้าน ที่ต้องห้ามอยู่ในพาสปอร์ตเพราะบางประเทศอาหรับไม่ยอมรับประเทศอิสราเอล ถ้าหากรู้ว่าเคยไปเยือนอิสราเอลมา อาจจะโดนแบนการเข้าประเทศได้
แต่ปัญหายังไม่จบแค่นี้หรอก ....
ได้วีซ่า แล้วงัยต่อหล่ะ ไม่มีรถขนส่งมวลชนบริการ!
ทุกวันศุกร์บ่ายถึงเสาร์เย็น (บางคนถึงเช้าอาทิตย์) ถือเป็นวันสะบาโต (Sabbath) ของคนยิว ซึ่งแปลว่า "พัก" เป็นวันหยุดที่ตามศาสนาที่เชื่อว่าเป็นวันที่พระเจ้าสร้างโลกแล้วหยุดพัก ชาวยิวห้ามทำกิจกรรม 39 อย่างเช่น ทำกับข้าว เขียนหนังสือ ย้อมผ้า ปลูกพืช ทำธุรกิจ หรือแม้กระทั่งการติดไฟ ซึ่งหมายถึงการสตาร์ถรถด้วย แล้วงัยหล่ะ ทุกอย่างก็ปิดหมดหน่ะสิ คือส่วนมากจะเป็นพวกยิว Orthodox ที่เคร่งจัด คนยิวส่วนมากในปัจจุบันยิ่งคนรุ่นใหม่จะไม่ค่อยเคร่งแล้ว มีการออกไปเที่ยวตอนกลางคืนหลังกินข้าวเย็นวันศุกร์เสร็จบ้าง แต่วันนี้ก็ยังถือเป็นวันหยุดของประเทศอยู่ดี รถเมล์ รถประจำทางเดินทางไปต่างเมืองทุกอย่างก็หยุดชะงักหมดเลย ถึงขั้นไปอ่านเจอในหนังสือเล่มนึงว่า ในที่ๆเคร่งมากๆ ลองไปขึ้นลิฟท์ไปชั้น 25 วัน Sabbath ดูสิ เค้าเปิดเป็นอัตโนมัติ คือไม่ให้กดลิฟท์ (น่าจะถือว่าเป็นการทำงานอย่างหนึ่ง) มันจะจอดทุกชั้นเอง ขึ้นกันครึ่งชั่วโมงพอดี (อันนี้ไม่เจอเองอ่ะ) หรือคนท้องถิ่นที่คุยด้วยก็เล่าให้ฟังว่าลองขับรถไปที่เคร่งมากๆในกรุงเยรูซาเล็มสิเค้าปาของหรือ
น้ำลายใส่แน่ (ก็ไม่ได้เจอด้วยตัวเองเหมือนกัน) วันที่เราไปถึงตรงกับวันศุกร์พอดี และตามแผนการคือจะไปทั้งสามเมืองในวันแรกด้วย จากกลางประเทศฝั่งตะวันตกที่เมือง Tel Aviv ขึ้นไปจบที่เมือง Haifa เกือบบนสุด
โอ้ว ความรู้ใหม่ แล้วงัยต่อหล่ะ ก็เช่ารถสิ
ถึงตอนนี้คงต้องแนะนำตัวละครหลักอีกสองคนแล้วหล่ะ น้องคามิ กับนังเอรี่ (คือชื่อจริงทั้งคู่แมนกว่านี้แต่ต่างกว่านี้ไม่มาก แต่อยากเรียกอย่างนี้ที่บทที่จะเขียนต่อไปนี้เพราะมันดูแรดๆดี) ทั้งคู่มาจากอเมริกา แต่น้องคามิเกิดและโตที่โคลัมเบีย มีญาติเป็นชาวโอมานเคยขับรถแถบๆนั้นมาก่อน ทริปนี้น้องคามิเลยจัดการเรื่องรถให้ เป็นคนขับรถส่วนตัว ส่วนนังเอรี่เป็น ผู้จัดการนำเที่ยวส่วนตัว
เช่ารถหน่ะไม่ลำบากหรอก รถที่นั่นก็ขับฝั่งตรงข้ามกับบ้านเรา ซึ่งน้องคามิถนัด ไม่มีปัญหา แต่ที่เป็นปัญหาคือเส้นทางและการแบ่งแยกระหว่างปาเลสไตน์และอิสราเอลหน่ะสิ รถเช่าอิสราเอลไม่สามารถขับเข้าดินแดนปาเลสไตน์หรือที่เรียกว่า West Bank ได้ ส่วนรถอิสราเอลปกติเข้าได้ในบางส่วนแต่ก็ต้องผ่านการตรวจอย่างเข้มงวด คล้ายๆกับการเข้าอีกประเทศมีด่านตรวจรถทุกคัน ที่เด็ดคือถ้าเกิดการสงสัยหรือมีการพยายามข้ามดินแดนโดยผิดกฏหมายพี่แกจะหยุดรถทุกคันไม่ให้เข้าทันที ซึ่งพี่แกจะไม่ใช้แค่ที่กั้นถนนปกติเหมือนบ้านเรา พี่แกมีสิ่งมหัศจรรย์ที่ไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อนในโลก ยกเว้นในหนัง FBI หรือ CIA หรือในการ์ตูนโดเรมอน ซึ่งก็คือที่เจาะยางอัตโนมัติขึ้นมาจากพื้นอย่างกับเวลาปล่อยน้ำพุจากพื้นอ่ะ สุดยอดป่ะหล่ะ
คือต้องวางแผนดีๆมากๆ ถ้าดูตามในแผนที่ข้างล่าง ตรงที่เลยเส้นประนั่นคือของปาเลสไตน์ ห้ามเข้า
แล้วยังงัยต่อหล่ะ ก็ตื่นเต้นสิ คือตอนนี้ไม่แน่ใจว่าตัวเองโรคจิตหรือเปล่าจริงๆ แต่ชอบอ่ะ รู้สึกมันส์เหมือนไปเข้าสงครามยังไงก็ไม่รู้
#จำได้ตอนนั้นดีใจ #แบบอย่างกับเป็นนักข่าวภาคสนามได้ลงสนามจริง #คามิกับเอรี่มองแบบ #คือไม่ได้เป็นเรื่องดีเลยนะ #เมิงรู้ตัวบ้างหรือเปล่า #ลั้ลลาาาาาไปแล้ว #แค่ยังไม่ไปก็เหนื่อยแล้ว #ทริปนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ #เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปคุณตำรวจหน้าสถานฑูตมาให้ #เค้าถือปืน #น่ากลัวเกิน #เด๋วครั้งหน้ามีรูปประกอบ #เดี๋ยวมาต่อ #นี่แค่เริ่มต้น
___________________________________________________________________________________________
ตอนที่ 2 :
http://ppantip.com/topic/32159874
___________________________________________________________________________________________
[CR] ตอนที่ 1: +++ ชวนเที่ยวแหวกแนว ผจญภัยในอิสราเอล 10 วัน 11 เมือง +++ เยือนถิ่นสำคัญคริสต์ รู้จักยิวจากคนแปลกหน้า
เราเป็นคนชอบเดินทางมาก จะว่าติดเลยก็ได้ เราเดินทางไปมากกว่า 25 ประเทศแค่ในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา แล้วก็เริ่มจดรายละเอียดการเดินทางทุกทริปทุกวันอย่างนี้มาสี่ปีแล้ว ด้วยความฝันว่าอยากมีหนังสือเดินทางเป็นของตัวเองซักเล่ม แต่ไม่เคยได้เริ่มทำเพราะคิดว่าเรื่องราวตัวเองไม่น่าสนใจพอ .. จนกระทั่งทริปนี้ โคตรแห่งการสร้างแรงบันดาลใจ
จะว่าเป็นทริปที่น่าสนใจที่สุดที่เคยไปมาเลยก็ได้ เพราะทุกอย่างแปลกตา บ้านเมืองในแบบที่ไม่เคยรู้จัก หลายอย่างที่คิดไม่ถึง ทำมัยทำวีซ่าต้องอยู่นอกพาสปอร์ต ทำมัยที่สนามบินต้องใช้เวลาตรวจตั้งสามชั่วโมง ทำมัยเค้าเพิ่งสร้างประเทศได้แค่ห้าสิบกว่าปีแล้วประเทศเจริญยิ่งกว่าไทยเป็นหลายเท่า ค่าครองชีพนี่เรียกอเมริกาเป็นน้องได้เลย ทำมัยเป็นประเทศที่มีคนอพยพย้ายกลับเข้ามาที่สุดในโลก ทำมัยตำรวจถือปืน M79 ถึงเต็มเมือง ทำมัยถึงมีการแบ่งแยกประเทศเป็นส่วนปาเลสไตน์ ส่วนกาซ่า ทำมัยผู้หญิงทุกคนต้องเป็นทหาร ฯลฯ บ่องตงสำหรับเรา ทุกอย่างน่าสนใจมากอ่ะ ตลอดการเดินทางเราเลยถกเถียงกับนังเพื่อนร่วมทริปเยอะมาก ว่างๆก็ไปสัมภาษณ์คนแปลกหน้า อยากรู้จัด 555 อีกอย่างแค่ปัญหาที่เจอก่อนไปก็ทำให้รู้แล้วว่าพี่เค้าไม่ธรรมดา
แล้วทำไมถึงเลือกไปอิสราเอลในตอนแรก
ถ้าตอบอย่างแรดๆคือ ไปยุโรปจนเบื่อแล้ว ซึ่งเราไม่ได้กระแดะแต่อย่างใด แต่ลองดูสิ ถ้าเที่ยวประเทศยุโรปมามากกว่า 15 ประเทศ ลองอยู่ยุโรปเกือบปี ตอนนี้ก็ทำงานอยู่ลอนดอน ความอินเป็นนางเอกเกาหลีเดินอยู่ในตึกสวยๆ จะลดลงไปตามระดับ ความฝันที่จะเจอชายยุโรปหล่อมันไม่เป็นความจริง มันเลยเกิดอาการเบื่อ ต้องการความท้าทาย
แต่จะต้องการความท้าทายโดยการเป็นหญิงเดี่ยวไปก็จะแนวไป เราไม่ได้เลือกที่จะไปอิสราเอลเองแต่พอดีมีเพื่อนที่ทำงานที่มาแลกเปลี่ยนจากอเมริกาสองคน (เราก็มาทำงานแลกเปลี่ยนอยู่ที่ลอนดึ๊นเหมือนกัน) อยากไปอิสราเอลช่วงวันหยุด Easter ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลสำคัญของชาวคริสต์ เพราะเป็นช่วงวันที่พระเยซูถูกตรึงบนไม้กางเขนและฟื้นคืนชีพขึ้นมาในสามวัน เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในเมืองเยรูซาเล็ม เพื่อนอยากอิน ส่วนเราแค่กลัวเหงาติดอยู่ลอนดึ๊นคนเดียวในช่วงวันหยุดยาว และอยากแนวเป็นหญิงไทยใจกล้าไปเมืองที่การยังมีร่องรอยความไม่สงบ (สามจังหวัดชายแดนคือยังไม่พอ) ยิ่งพอลองหาข้อมูลแล้วเห็นไม่ค่อยมีคนไทยรีวิวไปเลย เลยคิดว่าเด็ด เอาเลย หารู้ไม่ว่าการไปไม่ง่ายอย่างที่คิด
คือผ่านการท่องเที่ยวมาเยอะจนจะตั้งบริษัทเองได้อยู่แล้ว เพิ่งเคยเจอครั้งนี้แหละที่เกือบจะต้องยกเลิกทุกอย่างเพราะหมดปัญญาการแก้ปัญหา แค่ยังไม่ไป พี่อิสราเอลก็สร้างความเครียดให้กินไม่ได้นอนไม่กลับอยู่หลายวันเหมือนกัน
ปัญหาเรื่องวีซ่า ปกติจะขอวีซ่าก็ต้องจองตั๋วก่อนไปขอเป็นเรื่องธรรมดา ใครจะไปรู้ว่าพอซื้อตั๋วราคาแพงใช้ได้แล้ว (เพราะเป็นช่วงเทศกาล ขนาดยอมต่อเครื่องเป็น 7-9 ชั่วโมงต่อครั้ง นั่งแบบเวลาที่เห่ยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ อดนอนทั้งสองขา) เตรียมเอกสารทั้งหมดครบ ไปถึงหน้าสถานฑูตอิสราเอลแล้วจะเจอคุณตำรวจถือปืน M16 สองคนบอกว่าเค้าประท้วงไม่ให้เข้า ลองไปเช็กในเว๊บไซด์ดู ปิดมาเป็นอาทิตย์แล้ว ไม่รู้ด้วยจะเปิดเมื่อไหร่ O.O' ไม่เป็นไร เราคิดว่าอย่างน้อยยังมีเวลาอีกสองอาทิตย์เรื่องราวคงไม่เลวร้ายมาก เค้าปิดสถานฑูตนานๆไม่ได้หรอก เสียหายประเทศเค้า
ใครจะไปรู้ นี่มันคือพี่ยิว คนจริงของจริง
กลับมาเช็ก พี่แกงดให้วีซ่ามาเดือนกว่าแล้ว เกิดจากการที่กระทรวงการต่างประเทศไม่พอใจกับค่าแรงที่ได้ เป็นความขัดแย้งกับกระทรวงการคลัง พี่แกบอกว่าเราทำหน้าที่เป็นตัวแทนของประเทศอยู่ในประเทศอื่นๆด้วยความเสี่ยง ใยเราจึงได้ค่าแรงน้อย (อันนี้อ่านมาหลายข่าวยังไม่เจอตัวเลขที่แน่นอน) แต่พี่กระทรวงการคลังบอกว่าเนี่ย พวกเมิงได้มากสุดแล้วจะเอาอะไรอีก ความขัดแย้งบานปลายมาเกือบเดือนเริ่มตั้งแต่ต้นมีนา พี่การต่างประเทศเลยงดให้บริการและการออกวีซ่า แต่ยังเปิดอยู่ ผ่านไปหนึ่งเดือนพอพี่การคลังยังไม่สนใจ พี่การต่างประเทศเลยสั่งปิดทุกอย่างทั่วโลกเลย คือแบบใครจะไปทำได้ถ้าไม่ใช่พี่ยิว ใครจะกล้าปิดกงสุลทั่วโลก คิดดูนะ สถานกงสุลมีหน้าที่อะไรบ้าง นอกจากการขอวีซ่าทั้งท่องเที่ยวและทำงานซึ่งนำเงินมหาศาลเข้าประเทศแล้ว สถานกงสุลยังทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของคนสำคัญต่างๆที่จะเดินทางเข้าและออกประเทศ ใครทำพาสปอร์ตหาย หมดสิทธิ์กลับบ้านในเมื่อกงสุลไม่เปิด ยิ่งไปกว่านั้นหากใครมีญาติเกิดอุบัติเหตุหรือเสียชีวิต คนเดินทางไม่ได้เลยนะ คือผลกระทบมันเยอะมากจนเราไม่คิดว่ามันจะเป็นไปได้ พี่ยิวเหนือคาดจริงๆ ยิ่งอ่านข่าวยิ่งเช็กกับคนใกล้ตัวที่พอมีข้อมูลทั้งหลายยิ่งเครียด ขนาดทริปของคุณนายกรัฐมนตรีอังกฤษ David Cameron ยังต้องเลื่อน หรือแม้กระทั่งทริปของพระสันตปาปายังมีความเสี่ยง แล้วอิชั้นเป็นใคร ใยพี่ยิวต้องแคร์
ไม่เป็นไร การเตรียมการเดินทางไม่เคยราบรื่น ร้อยเปอร์เซนต์อยู่แล้ว แต่การเตรียมการเดินทางสอนให้เราพอรู้ว่าต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้ายังไง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีปัญหาแต่ถึงจะแปลกหน่อยเหอะ แต่เราหัวแล่นทันทีว่าต้องทำอะไรบ้าง ตอนนี้มีสามทางเลือก
หนึ่ง ติดต่อขอคืนตั๋ว คุยอยู่นานติดต่อกันหลายครั้งสุดท้ายเค้าบอกว่าจะได้เงินคืนแค่ไม่ถึง20% ถึงขั้นเกือบจะเขียนเมล์ถึง CEO ของบริษัทสายการบินถึงการกระทำนี้ แต่รอให้วีซ่าไม่ได้ก่อนจริงๆ
สอง ติดต่อบริษัทประกันของเคลมเงินคืน สุดท้ายก็ไม่ได้อีกเพราะเข้าข่ายมีการเตือนถึงเหตุการณ์นี้ก่อนที่จะซื้อตั๋วแล้ว อันนี้ทำอะไรไม่ได้อีกจริงๆ ยกเว้นติดต่อคอนเฟิร์มกับทางบริษัท
สาม ภาวนา สวดมนต์ทั้งพุทธและภาวนาขอพระเจ้าของศาสนาคริสต์ เราขอว่า ถ้าเราควรจะไปที่อิสราเอลในช่วง Easter นี้จริง ขอให้สถานฑูตเปิดในเร็ววันและให้ได้วีซ่าทันการ เพราะจังหวะนั้นเราทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้แล้ว หากเราไม่ได้ไป ก็จะยอมรับในการตัดสินใจของสิ่งศักดิ์สิทธิ์
เชื่อหรือไม่ อิชั้นอยากเรียกว่าปาฏิหาริย์ วันถัดมา หลังจากประท้วงมาเดือนกว่า สถานฑูตเปิด ไม่เพียงแค่นั้น เราคิดว่าคนต้องต่อคิวเยอะมาก วีซ่าอาจจะได้ไม่ทันก็ได้ ไปถึงพี่ยามโคตรหล่อโคตรบึกบอกว่า น้องน่าจะเป็นคนเดียวในนี้สถานฑูตตอนนี้ คือแบบช็อคมากอ่ะ ไม่พอถามเจ้าหน้าที่ว่าจะเดินทางในอีกอาทิตย์กว่า จะทันไหม เพราะเคยอ่านของคนอื่นบางคนใช้เวลาตั้งสี่เดือน พี่แกบอก น้องคะ ไปเดินเล่นนะคะ แล้วกลับมาภายในครึ่งชั่วโมง ได้เลย
อึ้งค่ะ น้ำตาคลอ (เว่อร์ไป) อิชั้นไม่ต้องอยู่ลอนดึ๊นในช่วงหยุดยาวคนเดียวแล้ว
จัดไปวีซ่านอกพาสปอร์ตของช้าน ที่ต้องห้ามอยู่ในพาสปอร์ตเพราะบางประเทศอาหรับไม่ยอมรับประเทศอิสราเอล ถ้าหากรู้ว่าเคยไปเยือนอิสราเอลมา อาจจะโดนแบนการเข้าประเทศได้
แต่ปัญหายังไม่จบแค่นี้หรอก ....
ได้วีซ่า แล้วงัยต่อหล่ะ ไม่มีรถขนส่งมวลชนบริการ!
ทุกวันศุกร์บ่ายถึงเสาร์เย็น (บางคนถึงเช้าอาทิตย์) ถือเป็นวันสะบาโต (Sabbath) ของคนยิว ซึ่งแปลว่า "พัก" เป็นวันหยุดที่ตามศาสนาที่เชื่อว่าเป็นวันที่พระเจ้าสร้างโลกแล้วหยุดพัก ชาวยิวห้ามทำกิจกรรม 39 อย่างเช่น ทำกับข้าว เขียนหนังสือ ย้อมผ้า ปลูกพืช ทำธุรกิจ หรือแม้กระทั่งการติดไฟ ซึ่งหมายถึงการสตาร์ถรถด้วย แล้วงัยหล่ะ ทุกอย่างก็ปิดหมดหน่ะสิ คือส่วนมากจะเป็นพวกยิว Orthodox ที่เคร่งจัด คนยิวส่วนมากในปัจจุบันยิ่งคนรุ่นใหม่จะไม่ค่อยเคร่งแล้ว มีการออกไปเที่ยวตอนกลางคืนหลังกินข้าวเย็นวันศุกร์เสร็จบ้าง แต่วันนี้ก็ยังถือเป็นวันหยุดของประเทศอยู่ดี รถเมล์ รถประจำทางเดินทางไปต่างเมืองทุกอย่างก็หยุดชะงักหมดเลย ถึงขั้นไปอ่านเจอในหนังสือเล่มนึงว่า ในที่ๆเคร่งมากๆ ลองไปขึ้นลิฟท์ไปชั้น 25 วัน Sabbath ดูสิ เค้าเปิดเป็นอัตโนมัติ คือไม่ให้กดลิฟท์ (น่าจะถือว่าเป็นการทำงานอย่างหนึ่ง) มันจะจอดทุกชั้นเอง ขึ้นกันครึ่งชั่วโมงพอดี (อันนี้ไม่เจอเองอ่ะ) หรือคนท้องถิ่นที่คุยด้วยก็เล่าให้ฟังว่าลองขับรถไปที่เคร่งมากๆในกรุงเยรูซาเล็มสิเค้าปาของหรือน้ำลายใส่แน่ (ก็ไม่ได้เจอด้วยตัวเองเหมือนกัน) วันที่เราไปถึงตรงกับวันศุกร์พอดี และตามแผนการคือจะไปทั้งสามเมืองในวันแรกด้วย จากกลางประเทศฝั่งตะวันตกที่เมือง Tel Aviv ขึ้นไปจบที่เมือง Haifa เกือบบนสุด
โอ้ว ความรู้ใหม่ แล้วงัยต่อหล่ะ ก็เช่ารถสิ
ถึงตอนนี้คงต้องแนะนำตัวละครหลักอีกสองคนแล้วหล่ะ น้องคามิ กับนังเอรี่ (คือชื่อจริงทั้งคู่แมนกว่านี้แต่ต่างกว่านี้ไม่มาก แต่อยากเรียกอย่างนี้ที่บทที่จะเขียนต่อไปนี้เพราะมันดูแรดๆดี) ทั้งคู่มาจากอเมริกา แต่น้องคามิเกิดและโตที่โคลัมเบีย มีญาติเป็นชาวโอมานเคยขับรถแถบๆนั้นมาก่อน ทริปนี้น้องคามิเลยจัดการเรื่องรถให้ เป็นคนขับรถส่วนตัว ส่วนนังเอรี่เป็น ผู้จัดการนำเที่ยวส่วนตัว
เช่ารถหน่ะไม่ลำบากหรอก รถที่นั่นก็ขับฝั่งตรงข้ามกับบ้านเรา ซึ่งน้องคามิถนัด ไม่มีปัญหา แต่ที่เป็นปัญหาคือเส้นทางและการแบ่งแยกระหว่างปาเลสไตน์และอิสราเอลหน่ะสิ รถเช่าอิสราเอลไม่สามารถขับเข้าดินแดนปาเลสไตน์หรือที่เรียกว่า West Bank ได้ ส่วนรถอิสราเอลปกติเข้าได้ในบางส่วนแต่ก็ต้องผ่านการตรวจอย่างเข้มงวด คล้ายๆกับการเข้าอีกประเทศมีด่านตรวจรถทุกคัน ที่เด็ดคือถ้าเกิดการสงสัยหรือมีการพยายามข้ามดินแดนโดยผิดกฏหมายพี่แกจะหยุดรถทุกคันไม่ให้เข้าทันที ซึ่งพี่แกจะไม่ใช้แค่ที่กั้นถนนปกติเหมือนบ้านเรา พี่แกมีสิ่งมหัศจรรย์ที่ไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อนในโลก ยกเว้นในหนัง FBI หรือ CIA หรือในการ์ตูนโดเรมอน ซึ่งก็คือที่เจาะยางอัตโนมัติขึ้นมาจากพื้นอย่างกับเวลาปล่อยน้ำพุจากพื้นอ่ะ สุดยอดป่ะหล่ะ
คือต้องวางแผนดีๆมากๆ ถ้าดูตามในแผนที่ข้างล่าง ตรงที่เลยเส้นประนั่นคือของปาเลสไตน์ ห้ามเข้า
แล้วยังงัยต่อหล่ะ ก็ตื่นเต้นสิ คือตอนนี้ไม่แน่ใจว่าตัวเองโรคจิตหรือเปล่าจริงๆ แต่ชอบอ่ะ รู้สึกมันส์เหมือนไปเข้าสงครามยังไงก็ไม่รู้
#จำได้ตอนนั้นดีใจ #แบบอย่างกับเป็นนักข่าวภาคสนามได้ลงสนามจริง #คามิกับเอรี่มองแบบ #คือไม่ได้เป็นเรื่องดีเลยนะ #เมิงรู้ตัวบ้างหรือเปล่า #ลั้ลลาาาาาไปแล้ว #แค่ยังไม่ไปก็เหนื่อยแล้ว #ทริปนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ #เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปคุณตำรวจหน้าสถานฑูตมาให้ #เค้าถือปืน #น่ากลัวเกิน #เด๋วครั้งหน้ามีรูปประกอบ #เดี๋ยวมาต่อ #นี่แค่เริ่มต้น
___________________________________________________________________________________________
ตอนที่ 2 : http://ppantip.com/topic/32159874
___________________________________________________________________________________________