อุปมาแม้นเหมือนนางสีดาอันภักดี ต่อสามีรามบัณฑิต ฤๅประหนึ่งว่าศิษย์กับอาจารย์ พระคุณเอ่ย เกล้ากระหม่อมฉานทำผิดแต่เพียงนี้ เพราะว่าล่วงราตรีจึงมีโทษ ขอพระองค์จงทรงพระกรุณาโปรด ซึ่งโทษานุโทษแห่งข้ามัทรี แต่ในครั้งเดียวนี้เถิด
เดิน เมื่อสมเด็จพระยอดมิ่งเยาวมาลย์มัทรี กราบทูลพระราชสามีสักเท่าใดๆ ท้าวเธอจะได้ปราศรัยก็ไม่มี พระนางก็ยิ่งหมองศรีโศกกำสรดสะอื้น ถวายบังคมคืนออกมาเที่ยวเสาะแสวงหาพระลูกรักทุกหนทุกแห่ง กระจ่างแจ้งด้วยแสงพระจันทร์ ส่องสว่างพื้นอัมพรประเทศวิถี พระนางเสด็จจรลีไปหยุดยืน ในภาคพื้นปริมณฑลใต้ต้นหว้าจึงตรัสว่า เดิน อิเม เต ชมฺพุกา รุกฺขา ควรจะสงสารเอ่ย ด้วยต้นหว้าใหญ่ใกล้อาราม งามด้วยกิ่งก้านประกวดกัน ใบชอุ่มประชุมช่อเป็นชั้นๆ ดังฉัตรทอง แสงพระจันทร์ดั้นส่องต้องน้ำค้างที่ขังใบไหลลงหยดย้อย เสมือนหนึ่งน้ำพลอยพร้อยอยู่พรายๆ ต้องกับแสงกรวดทรายที่ใต้ต้น อร่ามวามวาววนดูเป็นวงแวว ดังบุคคลเอาแก้วมาระแนงแกล้งปรายโปรย โรยรอบปริมณฑลก็เหมือนกัน งามดังเอาไม้ปาริกชาติในเมืองสวรรค์มาปลูกไว้ ลูกรักเจ้าแม่เอ่ย เจ้าเคยมาอาศัยได้นั่งนอน ประทับร้อนสำราญร่มรื่นๆสำรวลเล่นเย็นสบาย พระพายรำเพยพัดมาฉิวเฉื่อย เรไรระรี่เรื่อยร้องอยู่หริ่งๆ โอ้ลูกรักของแม่ทั้งชายหญิงไปอยู่ไหนไม่เห็นเลย มหานิโคฺรธชาตํ อนิจจาเอ่ย ต้นไทรทองที่ถัดไป กิ่งก้านใบรากห้อยเป็นระย้า เจ้าเคยมาห้อยโหนโยนชิงช้าชวนกันแกว่งไกว แล้วเล่นไล่ปิดตาหาเร้น แทบหลังบริเวณพระอาวาส อิมา ตา โปกฺขรณี รมฺมา เจ้าเคยไปประพาสสรงสนานในสระศรี โบกขรณีตำแหน่งนอกพระอาวาส พระนางเสด็จลีลาศไปเที่ยวเวียนรอบ จึงตรัสว่าน้ำเอ่ยเคยเปี่ยมขอบเป็นไรจึงขอดข้นลงขุ่นหมอง พระพายเจ้าเอ่ยเคยพัดมาต้องกลีบอุบล พากลิ่นสุคนธขจรรสมารวยรื่น เป็นไรจึงเสื่อมหอมหายชื่นไม่เฉื่อยฉ่ำ ฝูงปลาเจ้าเอ่ยเคยผุดคล่ำดำแฝงฟอง บ้างก็ขึ้นล่องแล้วลอยเลื่อน ชมแสงเดือนอยู่พรายๆเป็นไรจึงไม่มาว่ายเวียนวง ฝูงนกเจ้าเอ่ยเคยบินลงไล่จิกเหยื่อทุกเวลา วันนี้ช่างแปลกเปล่าตาไม่แลเห็น พระลูกเอ่ยเจ้าเคยมาเที่ยวเล่นไม่เห็นแล้ว โอ้แลเห็นแต่สระแก้วอยู่อ้างว้างวังเวงใจ พระนางก็เสด็จครรไลล่วงตำบลเที่ยวค้นพระลูกตามลำเนาเนินป่า ทุกสุมทุมพุ่มพฤกษาป่าสูงยูงยางใหญ่ไพรระหง พนัสแดนดงเย็นยะเยียบเงียบสงัดเหงา ได้ยินแต่เสียงดุเหว่าละเมอร้องก้องพนาเวศ พระกรรณเธอสังเกตว่าสองดรุณเยาวเรศเจ้าร้องขานอยู่แว่วๆ ให้หวาดว่าสำเนียงเสียงพระลูกแก้วเจ้าขานรับพระมารดา นางเสด็จลีลาเข้าไปดูเห็นแต่หมู่สัตว์จัตุบาทกลาดกลุ่มเข้าสุมนอน นางก็ยิ่งสะท้อนถอนพระทัยเทวษครวญ เสด็จด่วนดะดุ่มเดินเมินมุ่งละเมาะไม้แล้วมองหมอบ แต่ย่างเหยียบเกรียบกรอบก็เหลียวหลัง พระโสตฟังให้หวาดแว่ว ว่าสำเนียงเสียงพระลูกแก้วเจ้าบ่นอยู่งึมๆ พุ่มไม้ครึ้มเป็นเงาๆ ชะโงกเงื้อม อยู่คล้ายๆ แล้วหายไป สมเด็จอรทัยเธอเที่ยวตะโกนกู้ก้อง พระพักตร์เธอฟูมฟองนองไปด้วยน้ำพระเนตรที่โศกา จึงตรัสว่าโอ้โอ๋เวลาป่านฉะนี้จะมิดึกดื่น จวนจะสิ้นคืนค่อนรุ่งแล้วหรือกระไรไม่รู้เลย พระพายรำเพยพัดมาระรี่เรื่อยอยู่เฉื่อยฉิว อกแม่นี้ให้อ่อนหิวสุดละห้อย ทั้งดาวเดือนก็เคลื่อนคล้อยลงลับไม้ สุดที่แม่จะติดตามเจ้าไปในยามนี้ ฝูงลิงค่างบ่างชะนีที่นอนหลับ ก็กลิ้งกลับเกลือกตัวอยู่ยั้วเยี้ย ทั้งนกหกก็งัวเงียเหงาเงียบทุกรวงรัง แต่แม่เซซังเสาะแสวงทุกแห่งห้องหิมเวศ ทั่วประเทศทุกราวป่า สุดสายนัยนาที่แม่จะตามไปเล็งแล สุดโสตแล้วที่แม่จะซับทราบฟังสำเนียง สุดสุรเสียงที่แม่จะร่ำเรียกพิไรร้อง สุดฝีเท้าที่แม่จะเยื้องย่องยกย่างลงเหยียบดิน เป็นสุดสิ้นสุดปัญญา สุดหาสุดค้นเห็นสุดคิด จะได้พานพบประสบรอยพระลูกน้อยแต่สักนิดไม่มีเลย จึงตรัสว่าเจ้าดวงมณฑาทองทั้งคู่ของแม่เอ๋ย หรือว่าเจ้าทิ้งขว้างวางจิตไปเกิดอื่น เหมือนแม่ฝันเมื่อคืนนี้แล้วแล
ถอดคำประพันธ์ให้หน่อยครับ
เดิน เมื่อสมเด็จพระยอดมิ่งเยาวมาลย์มัทรี กราบทูลพระราชสามีสักเท่าใดๆ ท้าวเธอจะได้ปราศรัยก็ไม่มี พระนางก็ยิ่งหมองศรีโศกกำสรดสะอื้น ถวายบังคมคืนออกมาเที่ยวเสาะแสวงหาพระลูกรักทุกหนทุกแห่ง กระจ่างแจ้งด้วยแสงพระจันทร์ ส่องสว่างพื้นอัมพรประเทศวิถี พระนางเสด็จจรลีไปหยุดยืน ในภาคพื้นปริมณฑลใต้ต้นหว้าจึงตรัสว่า เดิน อิเม เต ชมฺพุกา รุกฺขา ควรจะสงสารเอ่ย ด้วยต้นหว้าใหญ่ใกล้อาราม งามด้วยกิ่งก้านประกวดกัน ใบชอุ่มประชุมช่อเป็นชั้นๆ ดังฉัตรทอง แสงพระจันทร์ดั้นส่องต้องน้ำค้างที่ขังใบไหลลงหยดย้อย เสมือนหนึ่งน้ำพลอยพร้อยอยู่พรายๆ ต้องกับแสงกรวดทรายที่ใต้ต้น อร่ามวามวาววนดูเป็นวงแวว ดังบุคคลเอาแก้วมาระแนงแกล้งปรายโปรย โรยรอบปริมณฑลก็เหมือนกัน งามดังเอาไม้ปาริกชาติในเมืองสวรรค์มาปลูกไว้ ลูกรักเจ้าแม่เอ่ย เจ้าเคยมาอาศัยได้นั่งนอน ประทับร้อนสำราญร่มรื่นๆสำรวลเล่นเย็นสบาย พระพายรำเพยพัดมาฉิวเฉื่อย เรไรระรี่เรื่อยร้องอยู่หริ่งๆ โอ้ลูกรักของแม่ทั้งชายหญิงไปอยู่ไหนไม่เห็นเลย มหานิโคฺรธชาตํ อนิจจาเอ่ย ต้นไทรทองที่ถัดไป กิ่งก้านใบรากห้อยเป็นระย้า เจ้าเคยมาห้อยโหนโยนชิงช้าชวนกันแกว่งไกว แล้วเล่นไล่ปิดตาหาเร้น แทบหลังบริเวณพระอาวาส อิมา ตา โปกฺขรณี รมฺมา เจ้าเคยไปประพาสสรงสนานในสระศรี โบกขรณีตำแหน่งนอกพระอาวาส พระนางเสด็จลีลาศไปเที่ยวเวียนรอบ จึงตรัสว่าน้ำเอ่ยเคยเปี่ยมขอบเป็นไรจึงขอดข้นลงขุ่นหมอง พระพายเจ้าเอ่ยเคยพัดมาต้องกลีบอุบล พากลิ่นสุคนธขจรรสมารวยรื่น เป็นไรจึงเสื่อมหอมหายชื่นไม่เฉื่อยฉ่ำ ฝูงปลาเจ้าเอ่ยเคยผุดคล่ำดำแฝงฟอง บ้างก็ขึ้นล่องแล้วลอยเลื่อน ชมแสงเดือนอยู่พรายๆเป็นไรจึงไม่มาว่ายเวียนวง ฝูงนกเจ้าเอ่ยเคยบินลงไล่จิกเหยื่อทุกเวลา วันนี้ช่างแปลกเปล่าตาไม่แลเห็น พระลูกเอ่ยเจ้าเคยมาเที่ยวเล่นไม่เห็นแล้ว โอ้แลเห็นแต่สระแก้วอยู่อ้างว้างวังเวงใจ พระนางก็เสด็จครรไลล่วงตำบลเที่ยวค้นพระลูกตามลำเนาเนินป่า ทุกสุมทุมพุ่มพฤกษาป่าสูงยูงยางใหญ่ไพรระหง พนัสแดนดงเย็นยะเยียบเงียบสงัดเหงา ได้ยินแต่เสียงดุเหว่าละเมอร้องก้องพนาเวศ พระกรรณเธอสังเกตว่าสองดรุณเยาวเรศเจ้าร้องขานอยู่แว่วๆ ให้หวาดว่าสำเนียงเสียงพระลูกแก้วเจ้าขานรับพระมารดา นางเสด็จลีลาเข้าไปดูเห็นแต่หมู่สัตว์จัตุบาทกลาดกลุ่มเข้าสุมนอน นางก็ยิ่งสะท้อนถอนพระทัยเทวษครวญ เสด็จด่วนดะดุ่มเดินเมินมุ่งละเมาะไม้แล้วมองหมอบ แต่ย่างเหยียบเกรียบกรอบก็เหลียวหลัง พระโสตฟังให้หวาดแว่ว ว่าสำเนียงเสียงพระลูกแก้วเจ้าบ่นอยู่งึมๆ พุ่มไม้ครึ้มเป็นเงาๆ ชะโงกเงื้อม อยู่คล้ายๆ แล้วหายไป สมเด็จอรทัยเธอเที่ยวตะโกนกู้ก้อง พระพักตร์เธอฟูมฟองนองไปด้วยน้ำพระเนตรที่โศกา จึงตรัสว่าโอ้โอ๋เวลาป่านฉะนี้จะมิดึกดื่น จวนจะสิ้นคืนค่อนรุ่งแล้วหรือกระไรไม่รู้เลย พระพายรำเพยพัดมาระรี่เรื่อยอยู่เฉื่อยฉิว อกแม่นี้ให้อ่อนหิวสุดละห้อย ทั้งดาวเดือนก็เคลื่อนคล้อยลงลับไม้ สุดที่แม่จะติดตามเจ้าไปในยามนี้ ฝูงลิงค่างบ่างชะนีที่นอนหลับ ก็กลิ้งกลับเกลือกตัวอยู่ยั้วเยี้ย ทั้งนกหกก็งัวเงียเหงาเงียบทุกรวงรัง แต่แม่เซซังเสาะแสวงทุกแห่งห้องหิมเวศ ทั่วประเทศทุกราวป่า สุดสายนัยนาที่แม่จะตามไปเล็งแล สุดโสตแล้วที่แม่จะซับทราบฟังสำเนียง สุดสุรเสียงที่แม่จะร่ำเรียกพิไรร้อง สุดฝีเท้าที่แม่จะเยื้องย่องยกย่างลงเหยียบดิน เป็นสุดสิ้นสุดปัญญา สุดหาสุดค้นเห็นสุดคิด จะได้พานพบประสบรอยพระลูกน้อยแต่สักนิดไม่มีเลย จึงตรัสว่าเจ้าดวงมณฑาทองทั้งคู่ของแม่เอ๋ย หรือว่าเจ้าทิ้งขว้างวางจิตไปเกิดอื่น เหมือนแม่ฝันเมื่อคืนนี้แล้วแล