เมนู หนอน!!! อาหารจานเด็ด!!! สำหรับนักบินอวกาศ!!! จีนทดลองสำเร็จเป็นครั้งแรกก่อนใคร!!!
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 พฤษภาคม 2557
อาสาสมัครทั้งสามคนขณะอาศัยอยู่ในวังพระจันทร์หนึ่งในกรุงปักกิ่ง – ซินหวา
เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - อาสาสมัครจีนสร้างความคืบหน้าครั้งใหม่แก่โครงการอวกาศแดนมังกร ด้วยการทดลองเพาะตัวหนอน สัตว์เลื้อยคลานยุ่บยั่บ ที่นักวิทยาศาสตร์ชาติตะวันตกส่ายหัว กินเป็นอาหาร ระหว่างการทดลองดำรงชีวิตในห้วงอวกาศเป็นเวลานานกว่า 3 เดือน
อาสาสมัครสำหรับภารกิจท้าทายคราวนี้มีทั้งหมด 3 คน เป็นชายหนึ่ง หญิงสอง การทดลองทำขึ้นภายใน “วังพระจันทร์หนึ่ง” ( Moon Palace One) ห้องทดลอง ซึ่งจำลองโลกของสิ่งมีชีวิต ที่สร้างขึ้นโดยมนุษย์ สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ที่มหาวิทยาลัยการบินและอวกาศแห่งปักกิ่ง วังพระจันทร์หนึ่งเป็นสถานที่พัฒนาระบบการยังชีพในอวกาศ ที่ใหญ่สุดและมีความละเอียดซับซ้อนที่สุดของจีน
อาสาสมัครทั้งสามคนใช้เวลาอยู่ภายในห้องทดลอง ซึ่งถูกปิดผนึกเป็นเวลา 105 วัน และพิสูจน์ให้ประจักษ์แล้วว่าหนอนก็สามารถเป็นแหล่งโปรตีนสำคัญระหว่างการปฏิบัติภารกิจในอวกาศเป็นเวลานาน ๆ ได้เช่นกัน
นักวิทยาศาสตร์จีนเคยเสนอความคิดเป็นครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ. 2552 ให้ใช้หนอนเป็นแหล่งอาหาร ที่สำคัญแหล่งหนึ่งสำหรับการดำรงชีวิตของนักบินอวกาศ แต่ถูกชาติตะวันตกคัดค้าน โดยให้เหตุผลว่า แม้เจ้าหนอนตัวน้อย ๆ ที่ไต่ยั้วเยี้ยนี้จะมีโปรตีนสูงก็จริง แต่มันไม่ชวนให้น้ำลายไหลเลยสักนิดเดียว และจะทำลายขวัญกำลังใจของนักบินอวกาศเสียมากกว่า
อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ที่ร่วมการวิจัยครั้งนี้เปิดเผยว่า อาสาสมัครเกิดอาการกระอักกระอ่วนบ้าง ที่ต้องทนเคี้ยวหนอนในปากและกลืนลงคอวันแล้ววันเล่ากว่า 3 เดือน แต่ก็สามารปรับตัวได้อย่างราบรื่นในที่สุด
วังพระจันทร์หนึ่งมีเนื้อที่กว้าง 160 ตารางเมตร ประกอบด้วย 3 ห้อง โดยห้องหนึ่งสำหรับเป็นที่อาศัย และอีก 2 ห้องสำหรับปลูกพืช มีการใช้เทคโนโลยี รวมทั้งเซลเชื้อเพลิง เพื่อให้อาสาสมัครสามารถพึงพาตัวเองได้
นายหู ต้าเหว่ย นักวิจัยในโครงการเล่าว่า อาสาสมัครจะขุนหนอนนก (mealworm) ให้อ้วนด้วยก้านและใบของพืช โดยหนอนชนิดนี้ประกอบด้วยโปรตีนถึงกว่าร้อยละ 76 และโตขนาดเท่านิ้วมือภายในเวลา 1 เดือน
นายหูระบุว่า อาสาสมัครแต่ละคนจำเป็นต้องบริโภคหนอนหลายสิบตัวเพื่อให้ได้สารอาหารครบถ้วนในแต่ละวัน โดยอาสาสมัครได้นำเครื่องปรุงรสต่าง ๆ เช่น เต้าเจี้ยวมาเหยาะใส่ คลุกเคล้า ดัดแปลงเป็นสูตรอาหารได้หลายเมนู อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ยังต้องพึ่งแหล่งอาหารอื่น ๆ ถึงกว่าครึ่งหนึ่งของอาหาร ที่รับประทานนอกเหนือจากหนอนอีกด้วย
จรวดฉางเอ๋อ-3 พากระต่ายหยก ซึ่งเป็นยานสำรวจ 4 ล้อ ออกเดินทางจากศูนย์ยิงดาวเทียมซีฉางไปดวงจันทร์เมื่อเดือนธ.ค. พ.ศ. 2556 – เอเอฟพี
ขณะนี้คณะนักวิจัยกำลังเตรียมเพิ่มห้องปลูกพืชอีก 1 ห้อง สำหรับการดำรงชีวิตของอาสาสมัครจำนวน 4 คนด้วยผักและหนอนในห้วงอวกาศจำลอง โดยผลสำเร็จจากการทดลองครั้งนี้จะนำไปพิจารณาปรับใช้สำหรับภารกิจท่องอวกาศของนักบินอวกาศจีนในอนาคต
นายหูชี้ว่า องค์การสหประชาชาติเองได้แนะนำให้ผู้คนที่อดอยากหิวโหย ซึ่งอาศัยในพื้นที่ยากจน เช่นในทวีปแอฟริการับประทานหนอนนกเป็นอาหาร จีนจึงคิดว่า เหตุใดจึงไม่นำหนอนชนิดนี้มาให้นักบินอวกาศทดลองบริโภคดูบ้างเล่า
“หนอนอาจดูน่าสะอิดสะเอียน แต่ก็เป็นแหล่งอาหารที่สะอาดและมีประโยชน์ต่อสุขภาพที่สุดจริง ๆ นะครับ” นายหูกล่าว
ทั้งนี้ จีนส่งมนุษย์คนแรกขึ้นสู่วงโคจรโลกในปีพ.ศ. 2546 จากนั้น โครงการอวกาศแดนมังกรก็ก้าวรุดหน้ามาโดยตลอด กระทั่งสามารถส่งรถ 4 ล้อขึ้นไปแล่นสำรวจบนพื้นผิวดวงจันทร์ได้สำเร็จเมื่อปีที่แล้ว และมีแผนสร้างสถานีอวกาศขึ้นภายในปีพ.ศ. 2563
อย่างไรก็ตาม สำหรับการทดลองกินหนอนนี้ นายหลิว เหล่ย ผู้จัดการภัตตาคารและเป็นผู้ชื่นชอบเกี่ยวกับโครงการอวกาศคนหนึ่งกล่าวแสดงความผิดหวัง ที่ให้หนอนมีส่วนร่วมในการเดินทางไปอวกาศด้วย
“ รายการอาหารปรุงด้วยหนอน อาจทำให้บางคนที่อยากเป็นนักบินอวกาศต้องล้มเลิกความใฝ่ฝันก็เป็นได้นะครับ” ชาวปักกิ่งผู้นี้ให้ความเห็น ที่น่าคิดอยู่ไม่น้อย
http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9570000057219
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เทศกิจจีนใจโหด!!! ตีหมาตาย!!! ต่อหน้าเจ้าของ!!! หลังตรวจแล้วว่าไม่ลงทะเบียนสัตว์
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 พฤษภาคม 2557
ซั่งไห่อิสต์- สื่อนอกตีข่าว เทศกิจจีนทำงามหน้าอีกครั้ง ใช้กระบองตีหมาจนตาย ต่อหน้าเจ้าของชาวต่างชาติ หลังขอตรวจเอกสารการลงทะเบียนสุนัข แต่เจ้าของไม่มีให้เพราะอยู่ระหว่างดำเนินการ
“เจ้าแจ็คตาเดียว” ผู้โชคร้าย เหยื่อเทศกิจปักกิ่งใจโหด (ภาพ: ซั่งไห่อิสต์)
เหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา (24 พ.ค.) เมื่อชายเจ้าของสุนัข ชาวอังกฤษ (ไม่เปิดเผยนาม) ซึ่งทำงานในโรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่งในปักกิ่ง จูงสุนัขของเขาชื่อว่า “แจ็คตาเดียว” ออกเดินเล่น ในสวนบริเวณที่พัก ซึ่งมีจุดจัดไว้สำหรับให้สุนัขอึ ฉี่ หลังจากที่เขาเดินไปได้ไม่ถึง 10 นาที เขาก็เห็นชาย 3 คน ซึ่งเดินอยู่ริมถนน ปรี่เข้ามาและสั่งให้เขาหยุดเพื่อตรวจ
“ชาย 2 คน แต่งกายด้วยเครื่องแบบเทศกิจ ส่วนคนที่เหลือแต่งชุดธรรมดา พวกเขาขอดูบัตรประจำตัวการลงทะเบียนสุนัข แต่ผมบอกไปว่า ผมเพิ่งรับหมามาเลี้ยง และอยู่ระหว่างดำเนินการลงทะเบียน ผมยินดีให้ดูเอกสารว่าผมฉีดวัคซีนให้หมาแล้ว และเอกสารที่ผมกำลังเตรียมเพื่อยื่นขอลงทะเบียน แต่พวกเขากลับว่า เป็นปัญหาแล้ว เพราะผมไม่มีเอกสารการขึ้นทะเบียน พอผมบอกพวกเขาว่าผมจะไปละนะ เพราะเราทำอะไรไม่ได้เนื่องจากผมอยู่ระหว่างการเตรียมขึ้นทะเบียน”
“หมาผมเห่าใส่พวกเขาครั้งเดียวเอง และพอผมเริ่มออกเดิน พวกเขาก็ดึงผมไว้ หนึ่งในนั้นคว้าเอาสายจูงหมาของผมไป และใช้กระบองที่พกติดตัว ตีหัวหมาอย่างแรงจนมันร้อง และล้มลง”
“ผมพยายามกันไม่ให้เขาตีหมาของผม แต่พวกเขาก็ดึงผมไว้ และกระหน่ำตีอีก 3 ที เสร็จแล้วก็ลากหมาผมใส่ถุงดำ ขึ้นรถที่ไม่มีเครื่องหมายเทศกิจ ขับออกไป ทิ้งผมไว้ตรงนั้น ผมค่อนข้างแน่ใจว่า 2 คนในนั้นเมานิดหน่อยเพราะหน้าแดง แต่หน้าผมเป็นสีเหล้าไป่จิ่ว (เหล้าขาว) แล้ว”
หลังเกิดเหตุการณ์ เจ้าของสุนัขพยายามแจ้งความกับตำรวจ แต่ก็ถูกปฏิเสธว่า “ทำอะไรไม่ได้เพราะหมาไม่ได้ลงทะเบียนไว้ เพราะฉะนั้นก็ไม่ใช่สมบัติที่ถูกต้องตามกฎหมาย”
“มาถึงตรงนี้ ผมได้แต่รู้สึกหงุดหงิดสุดๆ รู้สึกแพ้และสิ้นหวัง ทั้งรู้สึกผิดและก็เศร้า” ชายชาวอังกฤษเจ้าของสุนัขกล่าว “ผมได้แต่ร้องไห้ รู้สึกป่วย นอนไม่หลับ และก็ลืมไม่ลงจริงๆ”
อนึ่ง ปักกิ่งเข้มงวดเรื่องการลงทะเบียนสุนัขอย่างมาก หลังจากที่จำนวนสุนัขที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้าเพิ่มขึ้นในปีนี้ เนื่องจากขาดการให้วัคซีนป้องกัน ในขณะที่ทางการปักกิ่ง อนุญาตให้เลี้ยงสุนัขที่มีขนาดความสูงไม่เกิน 35 เซนติเมตร จากพื้นถึงไหล่ เท่านั้น รวมทั้งห้ามเลี้ยงสุนัขอีกกว่า 40 สายพันธุ์ ซึ่งในหลายประเทศประกาศแล้วว่าไม่ใช่พันธุ์ที่เป็นอันตราย อาทิ ดัลเมเชียน คอลลี ไวมาราเนอร์ และบอกเซอร์
ส่วนการลงทะเบียนสุนัขนั้น เจ้าของต้องจ่ายเงินถึง 1,000 หยวน หรือราวๆ 5,000 บาท ในปีแรกที่รับสัตว์มาเลี้ยงในปักกิ่ง และปีถัดไปค่าธรรมเนียมก็จะลดลงครึ่งหนึ่ง แต่หลายคนก็หวั่นว่าเจ้าหน้าที่จะมา “ขอตรวจสัตว์ถึงบ้าน” ทุกปี หากลงทะเบียนไว้
http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9570000058992
MADE IN CHINA!!! เมนู หนอน!!! อาหารจานเด็ด!!! สำหรับนักบินอวกาศ!!! จีนทดลองสำเร็จเป็นครั้งแรกก่อนใคร!!!
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 พฤษภาคม 2557
อาสาสมัครทั้งสามคนขณะอาศัยอยู่ในวังพระจันทร์หนึ่งในกรุงปักกิ่ง – ซินหวา
เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - อาสาสมัครจีนสร้างความคืบหน้าครั้งใหม่แก่โครงการอวกาศแดนมังกร ด้วยการทดลองเพาะตัวหนอน สัตว์เลื้อยคลานยุ่บยั่บ ที่นักวิทยาศาสตร์ชาติตะวันตกส่ายหัว กินเป็นอาหาร ระหว่างการทดลองดำรงชีวิตในห้วงอวกาศเป็นเวลานานกว่า 3 เดือน
อาสาสมัครสำหรับภารกิจท้าทายคราวนี้มีทั้งหมด 3 คน เป็นชายหนึ่ง หญิงสอง การทดลองทำขึ้นภายใน “วังพระจันทร์หนึ่ง” ( Moon Palace One) ห้องทดลอง ซึ่งจำลองโลกของสิ่งมีชีวิต ที่สร้างขึ้นโดยมนุษย์ สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ที่มหาวิทยาลัยการบินและอวกาศแห่งปักกิ่ง วังพระจันทร์หนึ่งเป็นสถานที่พัฒนาระบบการยังชีพในอวกาศ ที่ใหญ่สุดและมีความละเอียดซับซ้อนที่สุดของจีน
อาสาสมัครทั้งสามคนใช้เวลาอยู่ภายในห้องทดลอง ซึ่งถูกปิดผนึกเป็นเวลา 105 วัน และพิสูจน์ให้ประจักษ์แล้วว่าหนอนก็สามารถเป็นแหล่งโปรตีนสำคัญระหว่างการปฏิบัติภารกิจในอวกาศเป็นเวลานาน ๆ ได้เช่นกัน
นักวิทยาศาสตร์จีนเคยเสนอความคิดเป็นครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ. 2552 ให้ใช้หนอนเป็นแหล่งอาหาร ที่สำคัญแหล่งหนึ่งสำหรับการดำรงชีวิตของนักบินอวกาศ แต่ถูกชาติตะวันตกคัดค้าน โดยให้เหตุผลว่า แม้เจ้าหนอนตัวน้อย ๆ ที่ไต่ยั้วเยี้ยนี้จะมีโปรตีนสูงก็จริง แต่มันไม่ชวนให้น้ำลายไหลเลยสักนิดเดียว และจะทำลายขวัญกำลังใจของนักบินอวกาศเสียมากกว่า
อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ที่ร่วมการวิจัยครั้งนี้เปิดเผยว่า อาสาสมัครเกิดอาการกระอักกระอ่วนบ้าง ที่ต้องทนเคี้ยวหนอนในปากและกลืนลงคอวันแล้ววันเล่ากว่า 3 เดือน แต่ก็สามารปรับตัวได้อย่างราบรื่นในที่สุด
วังพระจันทร์หนึ่งมีเนื้อที่กว้าง 160 ตารางเมตร ประกอบด้วย 3 ห้อง โดยห้องหนึ่งสำหรับเป็นที่อาศัย และอีก 2 ห้องสำหรับปลูกพืช มีการใช้เทคโนโลยี รวมทั้งเซลเชื้อเพลิง เพื่อให้อาสาสมัครสามารถพึงพาตัวเองได้
นายหู ต้าเหว่ย นักวิจัยในโครงการเล่าว่า อาสาสมัครจะขุนหนอนนก (mealworm) ให้อ้วนด้วยก้านและใบของพืช โดยหนอนชนิดนี้ประกอบด้วยโปรตีนถึงกว่าร้อยละ 76 และโตขนาดเท่านิ้วมือภายในเวลา 1 เดือน
นายหูระบุว่า อาสาสมัครแต่ละคนจำเป็นต้องบริโภคหนอนหลายสิบตัวเพื่อให้ได้สารอาหารครบถ้วนในแต่ละวัน โดยอาสาสมัครได้นำเครื่องปรุงรสต่าง ๆ เช่น เต้าเจี้ยวมาเหยาะใส่ คลุกเคล้า ดัดแปลงเป็นสูตรอาหารได้หลายเมนู อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ยังต้องพึ่งแหล่งอาหารอื่น ๆ ถึงกว่าครึ่งหนึ่งของอาหาร ที่รับประทานนอกเหนือจากหนอนอีกด้วย
จรวดฉางเอ๋อ-3 พากระต่ายหยก ซึ่งเป็นยานสำรวจ 4 ล้อ ออกเดินทางจากศูนย์ยิงดาวเทียมซีฉางไปดวงจันทร์เมื่อเดือนธ.ค. พ.ศ. 2556 – เอเอฟพี
ขณะนี้คณะนักวิจัยกำลังเตรียมเพิ่มห้องปลูกพืชอีก 1 ห้อง สำหรับการดำรงชีวิตของอาสาสมัครจำนวน 4 คนด้วยผักและหนอนในห้วงอวกาศจำลอง โดยผลสำเร็จจากการทดลองครั้งนี้จะนำไปพิจารณาปรับใช้สำหรับภารกิจท่องอวกาศของนักบินอวกาศจีนในอนาคต
นายหูชี้ว่า องค์การสหประชาชาติเองได้แนะนำให้ผู้คนที่อดอยากหิวโหย ซึ่งอาศัยในพื้นที่ยากจน เช่นในทวีปแอฟริการับประทานหนอนนกเป็นอาหาร จีนจึงคิดว่า เหตุใดจึงไม่นำหนอนชนิดนี้มาให้นักบินอวกาศทดลองบริโภคดูบ้างเล่า
“หนอนอาจดูน่าสะอิดสะเอียน แต่ก็เป็นแหล่งอาหารที่สะอาดและมีประโยชน์ต่อสุขภาพที่สุดจริง ๆ นะครับ” นายหูกล่าว
ทั้งนี้ จีนส่งมนุษย์คนแรกขึ้นสู่วงโคจรโลกในปีพ.ศ. 2546 จากนั้น โครงการอวกาศแดนมังกรก็ก้าวรุดหน้ามาโดยตลอด กระทั่งสามารถส่งรถ 4 ล้อขึ้นไปแล่นสำรวจบนพื้นผิวดวงจันทร์ได้สำเร็จเมื่อปีที่แล้ว และมีแผนสร้างสถานีอวกาศขึ้นภายในปีพ.ศ. 2563
อย่างไรก็ตาม สำหรับการทดลองกินหนอนนี้ นายหลิว เหล่ย ผู้จัดการภัตตาคารและเป็นผู้ชื่นชอบเกี่ยวกับโครงการอวกาศคนหนึ่งกล่าวแสดงความผิดหวัง ที่ให้หนอนมีส่วนร่วมในการเดินทางไปอวกาศด้วย
“ รายการอาหารปรุงด้วยหนอน อาจทำให้บางคนที่อยากเป็นนักบินอวกาศต้องล้มเลิกความใฝ่ฝันก็เป็นได้นะครับ” ชาวปักกิ่งผู้นี้ให้ความเห็น ที่น่าคิดอยู่ไม่น้อย
http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9570000057219
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เทศกิจจีนใจโหด!!! ตีหมาตาย!!! ต่อหน้าเจ้าของ!!! หลังตรวจแล้วว่าไม่ลงทะเบียนสัตว์
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 พฤษภาคม 2557
ซั่งไห่อิสต์- สื่อนอกตีข่าว เทศกิจจีนทำงามหน้าอีกครั้ง ใช้กระบองตีหมาจนตาย ต่อหน้าเจ้าของชาวต่างชาติ หลังขอตรวจเอกสารการลงทะเบียนสุนัข แต่เจ้าของไม่มีให้เพราะอยู่ระหว่างดำเนินการ
“เจ้าแจ็คตาเดียว” ผู้โชคร้าย เหยื่อเทศกิจปักกิ่งใจโหด (ภาพ: ซั่งไห่อิสต์)
เหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา (24 พ.ค.) เมื่อชายเจ้าของสุนัข ชาวอังกฤษ (ไม่เปิดเผยนาม) ซึ่งทำงานในโรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่งในปักกิ่ง จูงสุนัขของเขาชื่อว่า “แจ็คตาเดียว” ออกเดินเล่น ในสวนบริเวณที่พัก ซึ่งมีจุดจัดไว้สำหรับให้สุนัขอึ ฉี่ หลังจากที่เขาเดินไปได้ไม่ถึง 10 นาที เขาก็เห็นชาย 3 คน ซึ่งเดินอยู่ริมถนน ปรี่เข้ามาและสั่งให้เขาหยุดเพื่อตรวจ
“ชาย 2 คน แต่งกายด้วยเครื่องแบบเทศกิจ ส่วนคนที่เหลือแต่งชุดธรรมดา พวกเขาขอดูบัตรประจำตัวการลงทะเบียนสุนัข แต่ผมบอกไปว่า ผมเพิ่งรับหมามาเลี้ยง และอยู่ระหว่างดำเนินการลงทะเบียน ผมยินดีให้ดูเอกสารว่าผมฉีดวัคซีนให้หมาแล้ว และเอกสารที่ผมกำลังเตรียมเพื่อยื่นขอลงทะเบียน แต่พวกเขากลับว่า เป็นปัญหาแล้ว เพราะผมไม่มีเอกสารการขึ้นทะเบียน พอผมบอกพวกเขาว่าผมจะไปละนะ เพราะเราทำอะไรไม่ได้เนื่องจากผมอยู่ระหว่างการเตรียมขึ้นทะเบียน”
“หมาผมเห่าใส่พวกเขาครั้งเดียวเอง และพอผมเริ่มออกเดิน พวกเขาก็ดึงผมไว้ หนึ่งในนั้นคว้าเอาสายจูงหมาของผมไป และใช้กระบองที่พกติดตัว ตีหัวหมาอย่างแรงจนมันร้อง และล้มลง”
“ผมพยายามกันไม่ให้เขาตีหมาของผม แต่พวกเขาก็ดึงผมไว้ และกระหน่ำตีอีก 3 ที เสร็จแล้วก็ลากหมาผมใส่ถุงดำ ขึ้นรถที่ไม่มีเครื่องหมายเทศกิจ ขับออกไป ทิ้งผมไว้ตรงนั้น ผมค่อนข้างแน่ใจว่า 2 คนในนั้นเมานิดหน่อยเพราะหน้าแดง แต่หน้าผมเป็นสีเหล้าไป่จิ่ว (เหล้าขาว) แล้ว”
หลังเกิดเหตุการณ์ เจ้าของสุนัขพยายามแจ้งความกับตำรวจ แต่ก็ถูกปฏิเสธว่า “ทำอะไรไม่ได้เพราะหมาไม่ได้ลงทะเบียนไว้ เพราะฉะนั้นก็ไม่ใช่สมบัติที่ถูกต้องตามกฎหมาย”
“มาถึงตรงนี้ ผมได้แต่รู้สึกหงุดหงิดสุดๆ รู้สึกแพ้และสิ้นหวัง ทั้งรู้สึกผิดและก็เศร้า” ชายชาวอังกฤษเจ้าของสุนัขกล่าว “ผมได้แต่ร้องไห้ รู้สึกป่วย นอนไม่หลับ และก็ลืมไม่ลงจริงๆ”
อนึ่ง ปักกิ่งเข้มงวดเรื่องการลงทะเบียนสุนัขอย่างมาก หลังจากที่จำนวนสุนัขที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้าเพิ่มขึ้นในปีนี้ เนื่องจากขาดการให้วัคซีนป้องกัน ในขณะที่ทางการปักกิ่ง อนุญาตให้เลี้ยงสุนัขที่มีขนาดความสูงไม่เกิน 35 เซนติเมตร จากพื้นถึงไหล่ เท่านั้น รวมทั้งห้ามเลี้ยงสุนัขอีกกว่า 40 สายพันธุ์ ซึ่งในหลายประเทศประกาศแล้วว่าไม่ใช่พันธุ์ที่เป็นอันตราย อาทิ ดัลเมเชียน คอลลี ไวมาราเนอร์ และบอกเซอร์
ส่วนการลงทะเบียนสุนัขนั้น เจ้าของต้องจ่ายเงินถึง 1,000 หยวน หรือราวๆ 5,000 บาท ในปีแรกที่รับสัตว์มาเลี้ยงในปักกิ่ง และปีถัดไปค่าธรรมเนียมก็จะลดลงครึ่งหนึ่ง แต่หลายคนก็หวั่นว่าเจ้าหน้าที่จะมา “ขอตรวจสัตว์ถึงบ้าน” ทุกปี หากลงทะเบียนไว้
http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9570000058992