Hokkaido Trip: รองเท้าผ้าใบ กับ ใจถึงๆ | Day I: ตะลุยแดนออนเซ็น

เป็นทริปส่วนตัว กับที่บ้านครับ เมื่อสองปีก่อน คุณแม่ติดใจอยากไป ญี่ปุ่นอีก
เลยใช้เวลาเตรียมทริปเอง เดินทางเอง ตั๋วก็หาเอง ราวๆ 6 เดือนครับ

ก่อนอื่น อยากขอบคุณพี่ๆน้องๆ ใน Pantip ที่แชร์ประสบการณ์ ทำให้เอามาใช้วางแผนในทริปเยอะ เลยขอนำแผนมาลงบ้างเผื่อใครจะลอกไปใช้ ก็ไม่ว่ากันครับ

ทริปตะลอนทัวร์ เริ่มเมื่อวันศุกร์ที่ 16 พ.ค. ที่ผ่านมาครับ โดยตอนนั้นยังไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับการบินไทย
ผมจองตั๋วการบินไทย Flight ตรง จากไทยไป Sapporo (ฮอกไกโด) ก็ราคาตั๋วประมาณ 23,700 บาท pax
ซึ่งผมเองก็ตรวจสอบหลายแหล่ง ทั้ง Skyscanner, สายการบินอื่นๆ ก็เจอที่บินตรงของการบินไทยที่แหละ ถูกสุด
แต่ผมลืมไปตรวจกับ H.I.S. , JTB, ....
ซึ่งน่าจะราคาถูกกว่าหน่อย เพราะเป็นตั๋วเหมามาขายอีกทีครับ



ผมและครอบครัว เดินทางด้วย TG670 ครับ วันศุกร์ตอนดึก จะได้ไม่ต้องลางานเพิ่ม



เป็น A380 ครับ ลำใหญ่ สบาย Air ก็ดีนะครับ เอาใจใส่ ว่างๆก็มาชวนคุยกับครอบครัวผมด้วย :3
และที่สำคัญ Landing นุ่มดีครับ

ใช้เวลาบินประมาณ 6:10 ชม.
เช้าวันเสาร์ ตอนประมาณ 8:30 ก็ถึงสนามบิน นิวชินโตเซะ ตรงตามเวลาแป๊ะๆ



พอถึงปุ๊บ หลังเปลี่ยนเสื้อผ้า เปลี่ยนเสื้อกันหนาว ก็เริ่มเดินทางไปยัง สถานี JR แรกกันเลย
ภาระกิจแรกคือ แลกตั๋ว Hokkaido JR Rail Pass ซึ่งซื้อมาจากไทยแล้ว

สำหรับคนที่ยังไม่รู้จัก Hokkaido JR Rail Pass ก็เปรียบเสมือนตั๋วเหมา ตามจำนวนวันที่ตกลงกัน เช่น 3 วัน 5 วัน
แต่ราคาก็ไม่เบาเหมือนกันครับ ของผมก็จัดไป 3 วัน 15,xxx yen

สำหรับการแลก ก็ไม่ยากครับ ไปที่ Tourism Information และต่อคิว กรอกเอกสารขอแลก ตั๋วที่ได้รับมาตอนซื้อ และที่สำคัญ Passport ครับ
แลกเสร็จก็ลุยเดินตามแผนเลยครับ

+Day I
---Landing
---New Chitose AP --> Noboribetsu
---Noboribetsu
---หุบเขานรก
---เดินเที่ยวรอบเมือง
---แช่ออนเซ็น

ณ ตอนนั้น คือ มี คุณแม่ น้องสาว และ ผม กับกระเป๋า 3 ใบ (2 ใบเล็ก และ 30 Kg อีกใบ)
แน่นอนครับ คนที่รับกระเป๋า 30 kg ไปจะเป็นใครไปไม่ได้.....​ผมเองคับ = o ="

แรกๆ ที่สถานี New Chitose AP ก็ชิมลาง..... แบกกระเป๋าลงบันไดครับ
มันจะเป็นอะไรที่แบบว่า...... ไม่มีวันลืมอะครับ = ="


พอขึ้นรถไฟ ขาแรก จาก New Chitose AP ---> Minami-Chitose เป็นต้นทางครับ ได้นั่งสบายๆ พักจากการลากกระเป๋าลงบันได
แต่ความสุขก็แสนสั้นครับ พอถึง Minami-Chitose ก็เปลี่ยนรถ เพื่อขึ้นไปยัง Noboribetsu JR
ผมก็ได้รู้ซึ้งถึงคำว่า "Reserved Seat" ครับ

"Reserved Seat" คือที่นั่งในรถไฟ ที่ทำการจองที่นั่งไว้แล้ว ซึ่งจำนวนที่นั่ง ก็จะไม่เยอะ เช่น ขบวนนึงจะมี Reseved ซัก 1 ขบวน ซึ่งจะมีสัญลักษณ์ตัว U ใหญ่ๆข้างตู้ครับ

สภาพเหมือน คนตจว.มาเที่ยวกรุงเทพฯครับ
รถไฟฟ้า ขบวนแน่นมากกกกกก
สำหรับคนที่นึกบรรยากาศไม่ออก นึกถึง BTS ตอนเลิกงาน แถวสีลมดูครับ เทียบเท่ากันเลย

ผมและครอบครัว ได้แต่ยืนช่วงระหว่าง ขบวนครับ
ตรงช่วงนั่นก็มี พี่ยุ่นที่ยืนเป็นเพื่อนอยู่หลายคนคับ ไม่เหงาแน่ >__<"

ยืนไปก็เกาะกระเป๋าไป โยกไปตามขบวนรถ โขกผนังมั่ง ชนป้าข้างๆมั่ง
ก็ได้แต่ทน และมองวิวที่รถไฟผ่านครับ
อมยิ้ม20

ราวๆ 40 นาทีที่แสนนานก็มาถึงสถานี Noboribetsu JR เสียที
เป็นความโชคดีที่ถึงตรงเวลา บนความโชคร้ายที่ต้องลง Platform 2 และต้องข้ามไป Platform 1 เพื่อออกสถานี พร้อมกระเป๋า 30 โล ร้องไห้
เมื่อถึงสถานี ก็รอรถบัสครับ
แนะนำให้ซื้อตั๋ว Round-Trip 600 Yen pax ครับ เพราะอย่างไรก็ตาม ก็ต้องกลับมาขึ้นรถไฟที่นี่อยู่แล้วครับ


รถบัสก็หน้าตาประมาณนี้แหละครับ มาเป็นรอบๆ แนะนำให้เช็คกับนายสถานีครับ

วิธีขึ้นรถ แนะนำให้ดูตามเว็บนี้ครับ
http://www.noboribetsu-spa.jp/?page_id=94&lang=th#howtobus


นั่งไปก็กินบรรยากาศรอบๆเมืองไปในตัวครับ

สำหรับของทานเล่นของที่นี่ และหลายๆที่ใน Hokkaido ที่ชวนให้ผู้คนต้องมาลิ้มลอง
ที่ขาดไม่ได้ตือ Icecream ครับ

จะถือว่าเป็น Checkpoint ก็ว่าได้นะครับ ที่ทุกคนควรจะลอง
แม้ว่า สภาพอากาศจะเย็นสบาย 9 C เองครับ
เม่าผิงไฟ
ผมกับครอบครัวจึงเรียกว่า "Icecream ร่วมสาบาน" ช่วยกันหม่ำจนกว่าจะหมด !!!!
คือจะว่าไป มันก็ไม่ได้เลวร้ายเลยนะ เพราะ icecream อร่อยมาก จริงๆ อยากให้ลองร้านนี้ (อีกร้านมีชาเขียวไม่ได้ลอง เพราะลิ้นชา = =")
และ ขนมแป้งที่ขายคู่กัน...​ถ้าหิวและอยากกินของร้อนๆ ผมว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยนะ อร่อยดี
พนักงานขายก็น่ารักดี เข้ามาดู

ของผมลงสถานีที่ 13: Daiichi-Takimotokan
http://www.booking.com/hotel/jp/daiichi-takimotokan.th.html

ทีพักแรกของเราคือ โรงแรมที่ได้ขึ้นชื่อว่า เป็น Top ๆ ของย่านนี้ครับ เพราะเป็นโรงแรมที่มีสายน้ำแร่มากที่สุด (ชนิดน้ำแร่หลากหลาย) บ่อน้ำร้อนเยอะมากกก ก็ประมาณ 11 บ่อ++ ทั้งในและนอกอาคาร และสายน้ำแร่ไม่ต่ำกว่า 5 ชนิดครับ
ศึกษาได้จาก
http://www.noboribetsu-spa.jp/?stay=%E7%AC%AC%E4%B8%80%E6%BB%9D%E6%9C%AC%E9%A4%A8-2&lang=&lang=th

ส่วนเรื่องน้ำแร่ เปิดไปหน้า 5 ของหนังสือ หรือ Page 3 ของ PDF
http://www.noboribetsu-spa.jp/wp-content/uploads/2012/09/yunokuni_thai3.pdf

สำหรับเรื่องโรงแรม ผมและครอบครับ ประทับใจในแง่บริการ, ห้องพัก, ทำเล
ทำเล มาง่าย เพราะแค่ลงรสบัสสถานี หน้าโรงแรมก็ถึงเลย นอกจากนั้นที่พักยังใกล้หุบเขานรกอีกด้วย
บริการ ประทับใจ แม้บางคนที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ก็พยายามหาคนอื่นแทน และช่วยจนเสร็จครับ
ห้องพัก  ห้องไม่ใหม่ เก่าไหม ไม่เลวนะ ห้องกว้าง สะดวกดี ของใช้ครบ เรียกว่า มาแต่ตัวก็อยู่ได้เลยครับ
Buffet ตามประสาโรงแรมครับ แต่อาหารอร่อย มีหลายอย่าง และเป็นระบบครับ
ห้องอาบน้ำร้อน ใหญ่ สะอาด คนเยอะแต่ไม่อึดอัด อาบน้ำได้สบายๆ สายน้ำแร่เยอะ และเป็นสัดส่วน




ทีนี้ก่อนที่จะแช่ออนเซ็น ก็ใช้เวลาช่วงเย็นเดินเล่น ไปหุบเขานรกก่อน



มุมมองจากหลังโรงแรมครับ



หุบเขานรก บริเวณนี้ จะมีกลิ่นกำมะถันแรงมาก และจะแรงมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อเข้าไปลึกครับ

จะมีสะพานทางเชื่อมให้เดินเล่นได้รอบบริเวณ แต่อยู่ในระเบียงเท่านั้นนะครับ

เมื่อสุดปลายทางจะเป็นบ่อ ที่ผุดน้ำแร่ขึ้นมาครับ เป็นบ่อที่เค้าอนุรักษ์เอาไว้ครับ
สำหรับคนที่ถือกล้องไป ระวังหน่อยนะครับ ละอองน้ำเยอะ แต่แปรปรวนครับ ผมยังต้องเก็บกล้องบ้างจังหวะเลย

แต่สิ่งมีชีวิตที่อยู่ได้แม้สภาพอากาศเลวร้าย ก็สวยไปอีกแบบ :3

Panorama

พอชื่นชม หุบเขานรกจนพอใจ ก็ปวดห้องน้ำขึ้นมา
อยากจะบอกว่า ห้องน้ำสวยราวกะร้านขายของเลย


----------------------------------------------------------------

อีกเรื่องที่ลืมเล่า สำหรับอาหารมื้อแรกของเราคือ ร้านราเมงกลาง Zone Shopping ครับ เปิดถึง 14:00 เท่านั้นนะครับ

ราเมงร้าน Style JP แท้ๆ แต่เฮียแกใส่เส้นมาซะพวกผมอืดไปหลาย ชม.​เลยทีเดียว X o X
ปล. สั่งได้ทุกอย่าง ยกเว้น ราเมงแกงกะหรี่ ครับ ด้วยความหวังดี

ส่วนตอนเย็น ตัวผมเองอยากจัดปลาดิบ เลยไปจัดกันที่ ร้านปลาดิบแห่งเดียวในย่านนี้ ซึ่งเป็นร้านขึ้นชื่อในหนังสือที่ผมใช้ด้วย

แต่ถ้าถามจากใจจริงนะ .....
..
มันไม่โอจริงๆ ปลาเปลี่ยนสีแล้ว ดูจากรูปได้
รสชาติก็ไม่ใช่ที่คาดไว้
แถมราคาก็ 1,7xx yen อีก ....
สรุปคือ FAIL กับมื้อเย็นจริงๆ  = ="

แนะนำนะครับ ใครไปพักแล้วต้องหาข้าวเย็นทาน....
กัดฟันซื้ออาหารโรงแรมไปเถอะคับ น่าจะสบายสุด X_X

พอเที่ยวจนหายอยาก + เวลาใกล้หมด
ก็ถึงเวลากลับห้อน เตรียมไปออนเซ็น

สำหรับการออนเซ็น ผม Review สั้นๆละกัน
+ ให้ถือ กุญแจห้องไปเลย เปลี่ยนชุด ยูคาตะที่ห้อง ใส่รองเท้าแตะโรงแรม และอย่าลืมผ้าผืนเล็กครับ
+ พอถึงที่เปลี่ยนเสื้อผ้า เอากุญแจใส่ Locker แล้วกุญแจ Locker จะคล้องกับแขน หรือ ขาได้ครับ
+ จังหวะจะ Nake ก็ Nake ไปเถอะครับ อย่าไปอาย คนอื่นไม่เห็นอายเลย 5555
+ ล้างตัวเสร็จก็ถึงเวลาลงแช่ครับ ทีนี้ ด้วยความที่น้ำร้อนพอสมควร ก็ค่อยๆหย่อนเท้าลงในบ่อ จนถึงบันไดขึ้นแรกครับ พอเริ่มไหวก็ค่อยลงไปถึงก้นบ่อ เป็นจังหวะ 2 นะ
+ ผ้าเล็กเค้าไม่ใช่สัมผัสน้ำ แต่ผมก็เผลอทำไปหลายรอบหละ 555
+ พอขึ้นจากบ่อ จะเอาผ้าเล็กปิดตอนเดินก็ได้ หรือ จะเดินปกติ ก็ไม่มีใครว่าอะไร
+ ปกติแล้ว บ่อนึง เค้าจะไม่ค่อยแช่พร้อมกัน คือ ต่างคนต่างแช่นะคับ ไม่ได้มานั่งข้างๆเสมอไป เพราะฉะนั้น พื้นที่ส่วนตัวเราก็มี เค้าก็มีครับ
+ ดื่นน้ำบ้าง ที่ก๊อกน้ำนะครับ น้ำในบ่ออย่าให้เข้าปากเราเชียว
+ เข้าเมืองตาหลิ่ว ให้หลิ่วตาตาม ใช้ได้เสมอครับ
+ รักษาตัว อย่าให้เป็นลมเป็นแล้งไปนะครับ คุณจะกลายเป็นเป้าสายตาทันที เค้าล้อเล่น

พอกลับถึงห้อง ฟูก เครื่องนอน และผ้าห่มก็เตรียมพร้อมรอเข้าไปซุกตัวแล้วลหละครับ
ขอวาฟไป Post หน้าเลยนะครับ

สำหรับวันนี้ ราตรีสวัสดิ์ พี่น้องชาวไทย

Day II: http://ppantip.com/topic/32132831
Day III: http://ppantip.com/topic/32175371

ปล. ขอติด Tag กล้อง Sony เพราะใช้ Sony Nex-5t ครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่