เป็นกระทู้ข่าว หวังว่า WM ใจดี คงไม่ลบกระทู้เด้อครับเด้อ
http://www.thairath.co.th/content/424854
รัฐบาลสหรัฐฯ ระงับเงินช่วยเหลือทางทหารแก่ไทย 112 ล้านบาทแล้ว หลังกองทัพไทยทำรัฐประหาร พร้อมกับกำลังทบทวนเรื่องการส่งทหารอเมริกันมาร่วมซ้อมรบ ขณะที่เสนาธิการกองทัพมะกันต่อสายตรงคุยกับ ผบ.ทบ.ไทย เรียกร้องให้รีบคืนประชาธิปไตย...
เมื่อ 24 พ.ค. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานถึงปฏิกริยาของรัฐบาลต่างชาติ ต่อการที่กองทัพไทยทำรัฐประหารคุมอำนาจบริหารประเทศ ว่า ด้านรัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงแสดงปฏิกริยาไม่เห็นด้วยอย่างต่อเนื่อง โดยมารี ฮาร์ฟ โฆษกหญิงประจำกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ระงับเงินช่วยเหลือประจำปีด้านการทหารแก่ประเทศไทยแล้ว จำนวน 3.5 ล้านดอลลาร์ (ราว 112 ล้านบาท) ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 3 ของเงินช่วยเหลือที่มอบให้ทั้งหมดในแต่ละปี อีกทั้งรัฐบาลกรุงวอชิงตัน ยังกำลังทบทวนเก่ี่ยวกับความช่วยเหลือที่เหลือแก่ประเทศไทย หลังจากเคยให้เงินช่วยเหลือ 10.5 ล้านดอลลาร์ ในปี 2556
ขณะเดียวกัน มีรายงานด้วยว่า โฆษกประจำกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้แถลงถึงท่าทีของกองทัพสหรัฐฯ ว่า อาจมีการทบทวนในเรื่องการส่งนาวิกโยธินและทหารเรือสหรัฐฯ ประมาณ 700 นาย มาร่วมซ้อมรบกับทหารไทย ซึ่งจะเริ่มขึ้นในวันจันทร์ที่ 26 พ.ค. และจะเสร็จสิ้นในวันอังคารที่ 3 มิ.ย.
รัฐบาลสหรัฐฯทบทวนความช่วยเหลือไทยหลังก่อรัฐประหาร
ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานด้วยว่า พล.อ.เรย์มอนด์ ออร์เดียร์โน เสนาธิการทหารกองทัพสหรัฐฯ ได้โทรศัพท์สายตรงถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทหารบกของไทย เรียกร้องให้รีบคืน "หลักการประชาธิปไตย" โดยโฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เผยว่า การสนทนาระหว่างผู้นำกองทัพของ 2 ประเทศ มีขื้นเมื่อค่ำวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา (22 พ.ค.) ขณะที่ ผบ.กองทัพไทย ได้ตอบรับแสดงความชัดเจนว่า จะคืนประชาธิปไตยให้แก่ประเทศไทยโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ขณะเดียวกัน ท่านทูตคริสตี เคนน่ีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย ได้แสดงความเห็นกับสถานีโทรทัศน์ ซีเอ็นบีซี ของสหรัฐฯ ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังกองทัพไทยก่อรัฐประหาร ทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องพิจารณาความสัมพันธ์และการสนับสนุนประเทศไทยใหม่ในหลายด้าน รวมทั้งด้านเศรษฐกิจและการทหาร โดยท่านทูตหญิงสหรัฐฯยังเรียกร้องให้สื่อสามารถกลับมาทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพในประเทศไทย เพื่อจะได้ให้ข้อมูลข่าวสารที่ครบถ้วนสำหรับประชาชน และเตือนให้ชาวอเมริกันที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ปฏิบัติตามกฎอัยการศึกอย่างเคร่งครัด
'มะกัน' ทบทวนความช่วยเหลือไทย-ระงับเงินช่วยด้านทหารแล้วกว่า 100 ล้าน
http://www.thairath.co.th/content/424854
รัฐบาลสหรัฐฯ ระงับเงินช่วยเหลือทางทหารแก่ไทย 112 ล้านบาทแล้ว หลังกองทัพไทยทำรัฐประหาร พร้อมกับกำลังทบทวนเรื่องการส่งทหารอเมริกันมาร่วมซ้อมรบ ขณะที่เสนาธิการกองทัพมะกันต่อสายตรงคุยกับ ผบ.ทบ.ไทย เรียกร้องให้รีบคืนประชาธิปไตย...
เมื่อ 24 พ.ค. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานถึงปฏิกริยาของรัฐบาลต่างชาติ ต่อการที่กองทัพไทยทำรัฐประหารคุมอำนาจบริหารประเทศ ว่า ด้านรัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงแสดงปฏิกริยาไม่เห็นด้วยอย่างต่อเนื่อง โดยมารี ฮาร์ฟ โฆษกหญิงประจำกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ระงับเงินช่วยเหลือประจำปีด้านการทหารแก่ประเทศไทยแล้ว จำนวน 3.5 ล้านดอลลาร์ (ราว 112 ล้านบาท) ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 3 ของเงินช่วยเหลือที่มอบให้ทั้งหมดในแต่ละปี อีกทั้งรัฐบาลกรุงวอชิงตัน ยังกำลังทบทวนเก่ี่ยวกับความช่วยเหลือที่เหลือแก่ประเทศไทย หลังจากเคยให้เงินช่วยเหลือ 10.5 ล้านดอลลาร์ ในปี 2556
ขณะเดียวกัน มีรายงานด้วยว่า โฆษกประจำกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้แถลงถึงท่าทีของกองทัพสหรัฐฯ ว่า อาจมีการทบทวนในเรื่องการส่งนาวิกโยธินและทหารเรือสหรัฐฯ ประมาณ 700 นาย มาร่วมซ้อมรบกับทหารไทย ซึ่งจะเริ่มขึ้นในวันจันทร์ที่ 26 พ.ค. และจะเสร็จสิ้นในวันอังคารที่ 3 มิ.ย.
รัฐบาลสหรัฐฯทบทวนความช่วยเหลือไทยหลังก่อรัฐประหาร
ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานด้วยว่า พล.อ.เรย์มอนด์ ออร์เดียร์โน เสนาธิการทหารกองทัพสหรัฐฯ ได้โทรศัพท์สายตรงถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทหารบกของไทย เรียกร้องให้รีบคืน "หลักการประชาธิปไตย" โดยโฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เผยว่า การสนทนาระหว่างผู้นำกองทัพของ 2 ประเทศ มีขื้นเมื่อค่ำวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา (22 พ.ค.) ขณะที่ ผบ.กองทัพไทย ได้ตอบรับแสดงความชัดเจนว่า จะคืนประชาธิปไตยให้แก่ประเทศไทยโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ขณะเดียวกัน ท่านทูตคริสตี เคนน่ีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย ได้แสดงความเห็นกับสถานีโทรทัศน์ ซีเอ็นบีซี ของสหรัฐฯ ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังกองทัพไทยก่อรัฐประหาร ทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องพิจารณาความสัมพันธ์และการสนับสนุนประเทศไทยใหม่ในหลายด้าน รวมทั้งด้านเศรษฐกิจและการทหาร โดยท่านทูตหญิงสหรัฐฯยังเรียกร้องให้สื่อสามารถกลับมาทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพในประเทศไทย เพื่อจะได้ให้ข้อมูลข่าวสารที่ครบถ้วนสำหรับประชาชน และเตือนให้ชาวอเมริกันที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ปฏิบัติตามกฎอัยการศึกอย่างเคร่งครัด