ตามหัวข้อกระทู้เลยค่ะ ตอนนี้เราเครียดมากๆๆๆๆ ไม่รู้จะทำงัยดี หมดหนทางจริงๆ สับสนไปหมด ใครพอจะรู้วิธีแก้ไข รวบกวนช่วยบอกหน่อยนะคะ ขอเล่าเลยแล้วกันนะคะ อาจจะยาวสักหน่อย
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะว่า เรามีพื้นฐานครอบครัวที่ไม่ดีเท่าไหร่ เราเป็นพี่สาวคนโต ตอนนี้น้องชายเราอายุ 19ปี ครอบครัวเราไม่ไม่สนิทกันเลย ครอบครัวเรามีกันอยู่ 4 คน พ่อ แม่ เรา และน้องชายเ ราและน้องชายถูกเลี้ยงมาแบบพ่อแม่ไม่ใส่ใจเท่าไหร่ ดิ้นรนเรียนรู้ด้วยตัวเอง ไม่มีการไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบ ไม่เคยกินข้าวด้วยกันพร้อมหน้า ไม่เคยไปเที่ยวไหนแบบครอบครัว ไม่เคยหยอกล้อกัน ไม่เคยถูกเอาใจใส่ และไม่เคยๆๆๆในอีกหลายๆอย่างเหมือนที่ครอบครัวคนอื่นทำกัน เราตั้งใจไว้ตลอดว่า เรียนจบ ม.ปลาย เราจะต้องเข้ามหาวิทยาลัยที่ไกลบ้าน เราไม่อยากอยู่บ้านหลังนี้ เราไม่อยากเจอสังคมแบบนี้ และก็เราทำได้
ตอนเราเรียนอยู่มหาลัยปี 3 เราอยู่ที่อื่น น้องชายเราตอนนั้นอยู่ รร ประจำจังหวัด ช่วงชีวิตม.ต้นของน้อง มันก็อยู่ที่บ้าน ตอนนั้นพ่ออยู่กับน้องสองคนที่บ้าน เพราะแม่ทำงานกลับบ้านอาทิตย์ละสองครั้ง พ่อเราติดเหล้า พอเมาเหล้าก็จะอาละวาดด่าโวยวาย นี่แหละที่ทำให้เราทนไม่ได้ แต่เราต้องทน (แต่เราก็รักพ่อมากนะเพราะเรารู้ว่าเค้ารักเรามากแต่ไม่เคยแสดงออกก้อเท่านั้น) แต่น้องชายเราทนไม่ได้หรอก ถ้าแม่กลับมา กรรมทุกอย่างตอนพ่อเมาก็จะตกอยู่กับแม่ พ่อกับน้องชายไม่ค่อยถูกกันหรอก พอไม่พอใจน้องชายเราก้อจะออกไปข้างนอก ไปหาเพื่อนอยู่กับเพื่อน กลับบ้านดึกๆดื่นๆ พ่อเราก็เครียด กินเหล้าหนักเข้าไปอีก ตอนนั้นน้องชายเราใกล้เรียนจบ ม.ต้น ก้อจะไปเรียนต่อที่วิทยาลัยแห่งหนึ่ง จ.อ่างทอง เรียนดนตรีไทย พ่อเรายอมให้ไปเพราะเห็นว่าน้องชายใจรัก และเอาดีทางด้านนี้ได้ น้องเราต้องไปอยู่หอ ตั้งแต่ที่น้องไปอยู่ที่นั่น ใช้เงินเปลืองมาก กลับบ้านมาขอแต่เงิน โทรไปถามที่โรงเรียนก้อไม่ได้ไปเรียน ติดศูนย์ติด ร.เต็มไปหมด ปิดเทอมอ้างว่าจะไปซ่อมแต่ก็ไม่ได้ไป คบแต่เพื่อนเลวๆ โกหกเป็นไฟ จนมีเหตุการณ์หนึ่ง ที่ทำให้ชีวิตครอบครัวดิ่งลงสู่เหว (ตอนนั้นเราทำงานแล้วหละ แม่เราก้อออกจากงานมาดูแลพ่อ)
น้องชายเราขโมยพระ ทอง สร้อยข้อมือ ของพ่อเราไปขายมูลค่าเกือบสองแสนบาท พ่อเรามารู้ทีหลัง เสียใจมาก กินเหล้าหนักกว่าเดิม แต่ก้อยังให้อภัย น้องชายเราตอนนั้นไม่ไปโรงเรียนแล้ว ลาออก (ทั้งๆที่อีก 4 เดือนจะจบ ม.6) กลับมาอยู่บ้าน ไถเงินแม่ไปวันๆ แม่ต้องไปเอาเงินพ่อบ้าง พอเงินหายก้อทะเลาะกัน พอเมาก้อรื้อฟื้นเรื่องน้องขโมยของ น้องชายเราก้อทนอยู่ไม่ได้ ออกไปข้างนอกหาเพื่อนเลวๆ อีก แม่เฝ้าดูพฤติกรรมจนรู้ว่าติดยา และติดตั้งแต่ที่อยู่อ่างทองแล้ว บอกให้เลิกก้อไม่เลิก น้องติดยาหนักมาก กลางคืนไม่นอน ออกข้างนอกหาเพื่อน อ้างนู่นนี่ ขอเงินโกหกสารพัด โทมาหาเราขอเงิน อ้างต่างๆนาๆ โกหักกันเป็นขบวนการ โกหกเป็นไฟ หลายครั้งน้องโทมาร้องไห้ขอเงินเราก้อใจอ่อนให้น้องตลอด แต่บางทีขอพันนึงเราให้ห้าร้อย ก้อโวยวายว่าถ้าให้แค่นี้ก้อไม่ต้องให้ เราก็เดือดเหมือนกัน น้องเราทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้เอาเงินไปซื้อยา แม่ไม่ให้ก็ขโมยของในบ้านไปขาย ขายทุกอย่างเท่าที่จะขายได้ แม่แต่ของที่มันรักที่สุดมันยังเอาไปขาย บางทีของมูลค่าหมื่นนึง ขายได้พันนึงมันก้อเอา จนตอนนี้ไม่เหลืออะไรแล้ว
จนวันนึงตำรวจมาจับน้องชายเราที่บ้าน ตรวจฉี่พบสารเสพติดก้อเลยถูกไปบำบัดอยู่ 4 เดือน เราและพ่อแม่ไปเยี่ยมน้องเกือบทุกอาทิตย์ ช่วงเวลาที่น้องไปบำบบัด มีคนมาทวงเงินที่แม่ตลอด บอกว่าน้องติดหนี้เยอะแยะมากมายเหลือเกิน มันไปโกหกคนโน้นคนนี้เพื่อจะขอยืมเงิน พอเค้าไม่ได้คืนก้อมาทวงแม่ถึงบ้าน แม่ก้อใช้คืนไปไม่ใช่น้อย
ตอนนี้น้องชายเราออกจากสถานบำบัดแล้ว ทุกคนหวังว่าจะสำนึกและดีขึ้น แต่เปล่าเลย มันกลับไปเล่นยาอีก แถมมีพฤติกรรมหนักกว่าเดิม คือตอนนี้ติดการพนันด้วย จนแม่ทนไม่ไหวแล้ว พ่อเราก้อเครียดมาก เราเองก้อเครียด ไม่มีใครมีความสุขเลย ตอนกลางวันนอน ตอนกลางคืนออก กลับมาอีกทีตอนเช้า ขอแต่เงินแม่ไม่ให้มันก็ขู่ ขึ้นมืงกู ด่าพ่อแม่ ด่าหยาบคายไม่มีความเป็นพ่อแม่ลูกกันเลย อีนั่น ไอ้นี่ มันด่าพ่อแม่ เคยเอามีดมาขู่ด้วยนะ แบบว่าแม่เราเล่าให้ฟังเรารับไม่ได้เลย รับไม่ได้เลยจิงๆ เราไม่เคยเห็นลูกคนไหนทำกับพ่อแม่แบบนี้ ขอตังทีละ 500 บ้าง 1000 บ้าง รวมๆแล้วเดือนนึงใช้เงินเป็นหมื่นๆ ให้ร้อยนึงไม่พอใจก้ออาละวาดทำลายข้าวของ ประตูบ้านพังยังเคยมาแล้ว เรียนก้อไม่เรียน เงินก้อไม่หา ใช้แต่เงิน จะเอาแต่เงินๆๆ บ้านเราไม่ได้รวยอะไรเลย ตอนนี้ไม่เหลืออะไรแล้ว มีอะไรเล็กๆน้อยๆมันลักไปขายหมด แม้แต่วิทยุเก่าๆอายุยี่สิบปีมันยังเอา เอาเป็นว่าทุกอย่างที่ขายได้มันขายหมด
ความหวังสุดท้ายของครอบครัวคือ การภาวนาให้น้องชายติดทหารเกณฑ์ แต่..... น้องเราผอมมากกกก ผอมแบบคนติดยา เหลือแต่ซี่โครง รอบอกไม่ถึง 76 แน่นอน แม่เราร้องไห้เกือบทุกวัน ทำอะไรไม่ได้เลย ญาติพี่น้องก้อช่วยอะไรไม่ได้ เราสงสารแม่ เราก้อมีเงินเดือนชนเดือนกำลังทรัพย์คงช่วยอะไรไม่ได้ ทางบ้านไม่อยากเอามันเข้าคุกเพราะเคยเข้ามาแล้วครั้งนึง แล้วมันไปให้ขี้คุกในนั้นสักรูปตัวเฮี่ยเด็มหลังเลย เป็นการสร้างปมให้น้องอีก ในนั้นก้อมีแต่พวกเลวๆ กลัวว่าจะเป็นไปกันใหญ่ บอกให้ไปบำบัดมันก้อไม่ยอมไป บรรพบุรุษเราไม่มีคัยเคยเป็นแบบนี้ ตอนนี้พ่อเราป่วย เป็นโรคความดัน เลิกเหล้ามาสักพักใหญ่แล้ว ตอนพ่ออยู่ รพ. แม่เราไปเฝ้า มันก้อโทหาแม่ตีหนึ่งตีสอง จะเอาเงินให้ได้ ตอนนี้พ่อเราพักฟื้นอยู่ที่บ้านก้อต้องมาเครียดกับมันอีก เราไม่รู้จะต้องทำยังงัย เราจะช่วยที่บ้านได้ยังงัย หาทางออกไม่ได้จริงๆ เรากลัวว่าวันนึงมันจะเผาบ้าน ฆ่าพ่อแม่ แล้วเราจะทำยังงัย มืดแปดด้านมาก
(ปล.บอกนิดนึงว่า ตอนที่น้องเราเริ่มพฤติกรรมเปลี่ยนไปจนถึงตอนนี้ เรา พ่อ แม่ ญาติพี่น้อง ต่างก้อสั่งสอน พูดให้กลับใจ ดีก้อแล้ว ร้ายก้อแล้ว แต่มันก้อไม่ฟังใครเลย จนตอนนี้ทุกคนถอดใจหมดแล้ว พ่อเราเริ่มดีขึ้น ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม แต่น้องเราแย่ลง แย่มากๆ คิดไม่ได้สักที)
ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร น้องชายติดยา ติดการพนัน ครอบครัวพัง ชีวิตดิ่งลงเหว หาทางออกไม่ได้ทำงัยดี
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะว่า เรามีพื้นฐานครอบครัวที่ไม่ดีเท่าไหร่ เราเป็นพี่สาวคนโต ตอนนี้น้องชายเราอายุ 19ปี ครอบครัวเราไม่ไม่สนิทกันเลย ครอบครัวเรามีกันอยู่ 4 คน พ่อ แม่ เรา และน้องชายเ ราและน้องชายถูกเลี้ยงมาแบบพ่อแม่ไม่ใส่ใจเท่าไหร่ ดิ้นรนเรียนรู้ด้วยตัวเอง ไม่มีการไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบ ไม่เคยกินข้าวด้วยกันพร้อมหน้า ไม่เคยไปเที่ยวไหนแบบครอบครัว ไม่เคยหยอกล้อกัน ไม่เคยถูกเอาใจใส่ และไม่เคยๆๆๆในอีกหลายๆอย่างเหมือนที่ครอบครัวคนอื่นทำกัน เราตั้งใจไว้ตลอดว่า เรียนจบ ม.ปลาย เราจะต้องเข้ามหาวิทยาลัยที่ไกลบ้าน เราไม่อยากอยู่บ้านหลังนี้ เราไม่อยากเจอสังคมแบบนี้ และก็เราทำได้
ตอนเราเรียนอยู่มหาลัยปี 3 เราอยู่ที่อื่น น้องชายเราตอนนั้นอยู่ รร ประจำจังหวัด ช่วงชีวิตม.ต้นของน้อง มันก็อยู่ที่บ้าน ตอนนั้นพ่ออยู่กับน้องสองคนที่บ้าน เพราะแม่ทำงานกลับบ้านอาทิตย์ละสองครั้ง พ่อเราติดเหล้า พอเมาเหล้าก็จะอาละวาดด่าโวยวาย นี่แหละที่ทำให้เราทนไม่ได้ แต่เราต้องทน (แต่เราก็รักพ่อมากนะเพราะเรารู้ว่าเค้ารักเรามากแต่ไม่เคยแสดงออกก้อเท่านั้น) แต่น้องชายเราทนไม่ได้หรอก ถ้าแม่กลับมา กรรมทุกอย่างตอนพ่อเมาก็จะตกอยู่กับแม่ พ่อกับน้องชายไม่ค่อยถูกกันหรอก พอไม่พอใจน้องชายเราก้อจะออกไปข้างนอก ไปหาเพื่อนอยู่กับเพื่อน กลับบ้านดึกๆดื่นๆ พ่อเราก็เครียด กินเหล้าหนักเข้าไปอีก ตอนนั้นน้องชายเราใกล้เรียนจบ ม.ต้น ก้อจะไปเรียนต่อที่วิทยาลัยแห่งหนึ่ง จ.อ่างทอง เรียนดนตรีไทย พ่อเรายอมให้ไปเพราะเห็นว่าน้องชายใจรัก และเอาดีทางด้านนี้ได้ น้องเราต้องไปอยู่หอ ตั้งแต่ที่น้องไปอยู่ที่นั่น ใช้เงินเปลืองมาก กลับบ้านมาขอแต่เงิน โทรไปถามที่โรงเรียนก้อไม่ได้ไปเรียน ติดศูนย์ติด ร.เต็มไปหมด ปิดเทอมอ้างว่าจะไปซ่อมแต่ก็ไม่ได้ไป คบแต่เพื่อนเลวๆ โกหกเป็นไฟ จนมีเหตุการณ์หนึ่ง ที่ทำให้ชีวิตครอบครัวดิ่งลงสู่เหว (ตอนนั้นเราทำงานแล้วหละ แม่เราก้อออกจากงานมาดูแลพ่อ)
น้องชายเราขโมยพระ ทอง สร้อยข้อมือ ของพ่อเราไปขายมูลค่าเกือบสองแสนบาท พ่อเรามารู้ทีหลัง เสียใจมาก กินเหล้าหนักกว่าเดิม แต่ก้อยังให้อภัย น้องชายเราตอนนั้นไม่ไปโรงเรียนแล้ว ลาออก (ทั้งๆที่อีก 4 เดือนจะจบ ม.6) กลับมาอยู่บ้าน ไถเงินแม่ไปวันๆ แม่ต้องไปเอาเงินพ่อบ้าง พอเงินหายก้อทะเลาะกัน พอเมาก้อรื้อฟื้นเรื่องน้องขโมยของ น้องชายเราก้อทนอยู่ไม่ได้ ออกไปข้างนอกหาเพื่อนเลวๆ อีก แม่เฝ้าดูพฤติกรรมจนรู้ว่าติดยา และติดตั้งแต่ที่อยู่อ่างทองแล้ว บอกให้เลิกก้อไม่เลิก น้องติดยาหนักมาก กลางคืนไม่นอน ออกข้างนอกหาเพื่อน อ้างนู่นนี่ ขอเงินโกหกสารพัด โทมาหาเราขอเงิน อ้างต่างๆนาๆ โกหักกันเป็นขบวนการ โกหกเป็นไฟ หลายครั้งน้องโทมาร้องไห้ขอเงินเราก้อใจอ่อนให้น้องตลอด แต่บางทีขอพันนึงเราให้ห้าร้อย ก้อโวยวายว่าถ้าให้แค่นี้ก้อไม่ต้องให้ เราก็เดือดเหมือนกัน น้องเราทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้เอาเงินไปซื้อยา แม่ไม่ให้ก็ขโมยของในบ้านไปขาย ขายทุกอย่างเท่าที่จะขายได้ แม่แต่ของที่มันรักที่สุดมันยังเอาไปขาย บางทีของมูลค่าหมื่นนึง ขายได้พันนึงมันก้อเอา จนตอนนี้ไม่เหลืออะไรแล้ว
จนวันนึงตำรวจมาจับน้องชายเราที่บ้าน ตรวจฉี่พบสารเสพติดก้อเลยถูกไปบำบัดอยู่ 4 เดือน เราและพ่อแม่ไปเยี่ยมน้องเกือบทุกอาทิตย์ ช่วงเวลาที่น้องไปบำบบัด มีคนมาทวงเงินที่แม่ตลอด บอกว่าน้องติดหนี้เยอะแยะมากมายเหลือเกิน มันไปโกหกคนโน้นคนนี้เพื่อจะขอยืมเงิน พอเค้าไม่ได้คืนก้อมาทวงแม่ถึงบ้าน แม่ก้อใช้คืนไปไม่ใช่น้อย
ตอนนี้น้องชายเราออกจากสถานบำบัดแล้ว ทุกคนหวังว่าจะสำนึกและดีขึ้น แต่เปล่าเลย มันกลับไปเล่นยาอีก แถมมีพฤติกรรมหนักกว่าเดิม คือตอนนี้ติดการพนันด้วย จนแม่ทนไม่ไหวแล้ว พ่อเราก้อเครียดมาก เราเองก้อเครียด ไม่มีใครมีความสุขเลย ตอนกลางวันนอน ตอนกลางคืนออก กลับมาอีกทีตอนเช้า ขอแต่เงินแม่ไม่ให้มันก็ขู่ ขึ้นมืงกู ด่าพ่อแม่ ด่าหยาบคายไม่มีความเป็นพ่อแม่ลูกกันเลย อีนั่น ไอ้นี่ มันด่าพ่อแม่ เคยเอามีดมาขู่ด้วยนะ แบบว่าแม่เราเล่าให้ฟังเรารับไม่ได้เลย รับไม่ได้เลยจิงๆ เราไม่เคยเห็นลูกคนไหนทำกับพ่อแม่แบบนี้ ขอตังทีละ 500 บ้าง 1000 บ้าง รวมๆแล้วเดือนนึงใช้เงินเป็นหมื่นๆ ให้ร้อยนึงไม่พอใจก้ออาละวาดทำลายข้าวของ ประตูบ้านพังยังเคยมาแล้ว เรียนก้อไม่เรียน เงินก้อไม่หา ใช้แต่เงิน จะเอาแต่เงินๆๆ บ้านเราไม่ได้รวยอะไรเลย ตอนนี้ไม่เหลืออะไรแล้ว มีอะไรเล็กๆน้อยๆมันลักไปขายหมด แม้แต่วิทยุเก่าๆอายุยี่สิบปีมันยังเอา เอาเป็นว่าทุกอย่างที่ขายได้มันขายหมด
ความหวังสุดท้ายของครอบครัวคือ การภาวนาให้น้องชายติดทหารเกณฑ์ แต่..... น้องเราผอมมากกกก ผอมแบบคนติดยา เหลือแต่ซี่โครง รอบอกไม่ถึง 76 แน่นอน แม่เราร้องไห้เกือบทุกวัน ทำอะไรไม่ได้เลย ญาติพี่น้องก้อช่วยอะไรไม่ได้ เราสงสารแม่ เราก้อมีเงินเดือนชนเดือนกำลังทรัพย์คงช่วยอะไรไม่ได้ ทางบ้านไม่อยากเอามันเข้าคุกเพราะเคยเข้ามาแล้วครั้งนึง แล้วมันไปให้ขี้คุกในนั้นสักรูปตัวเฮี่ยเด็มหลังเลย เป็นการสร้างปมให้น้องอีก ในนั้นก้อมีแต่พวกเลวๆ กลัวว่าจะเป็นไปกันใหญ่ บอกให้ไปบำบัดมันก้อไม่ยอมไป บรรพบุรุษเราไม่มีคัยเคยเป็นแบบนี้ ตอนนี้พ่อเราป่วย เป็นโรคความดัน เลิกเหล้ามาสักพักใหญ่แล้ว ตอนพ่ออยู่ รพ. แม่เราไปเฝ้า มันก้อโทหาแม่ตีหนึ่งตีสอง จะเอาเงินให้ได้ ตอนนี้พ่อเราพักฟื้นอยู่ที่บ้านก้อต้องมาเครียดกับมันอีก เราไม่รู้จะต้องทำยังงัย เราจะช่วยที่บ้านได้ยังงัย หาทางออกไม่ได้จริงๆ เรากลัวว่าวันนึงมันจะเผาบ้าน ฆ่าพ่อแม่ แล้วเราจะทำยังงัย มืดแปดด้านมาก
(ปล.บอกนิดนึงว่า ตอนที่น้องเราเริ่มพฤติกรรมเปลี่ยนไปจนถึงตอนนี้ เรา พ่อ แม่ ญาติพี่น้อง ต่างก้อสั่งสอน พูดให้กลับใจ ดีก้อแล้ว ร้ายก้อแล้ว แต่มันก้อไม่ฟังใครเลย จนตอนนี้ทุกคนถอดใจหมดแล้ว พ่อเราเริ่มดีขึ้น ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม แต่น้องเราแย่ลง แย่มากๆ คิดไม่ได้สักที)