ชื่อนั้นสำคัญไฉน

กระทู้สนทนา
ชื่อนั้นสำคัญไฉน

ฉันไปอ่านเจอข้อความในบอร์ดดารา   เกี่ยวกับน้อง เมจิ ดาราสาว  ที่เปลี่ยนชื่อเป็นว่าเล่น   อดรนทนไม่ไม่ไหว    เลยขอขยับปากกา เขียนเรื่องนี้ซะหน่อย    ตามประสา คนว่างจัด  ที่วันๆไม่มีอะไรจะทำ  

น้องเมจิ  เธอเปลี่ยนชื่อวนไปเวียนมา  เป็นวงแหวนรัชดา    ชวนให้ปวดเศียรเวียนเกล้า ยิ่ง   
และนี่คือชื่อของเธอ  ที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา
พรศิริ  วินทร์โกมินทร์   
พิมพ์อักษิพร วินโกมินทร์
ขวัญขิณีย์ วินโกมินทร์

แต่ชื่อที่กล่าวมาข้างต้น    ยังไม่ฮือฮา  เท่ากับชื่อล่าสุด    ที่กลายเป็น ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์      “ คัคกิ่งรักส์   คิคคิคสะระณัง   “ ( อ่านว่า   คัก-กิ่ง-รัก   คิก-คิก-สะ-ระ-นัง)
โอ้   ว้าว!   กว่าฉันจะสะกดชื่อล่าสุดของน้องเมจิได้    ก็หมดกาแฟไปหม้อหนึ่งเต็มๆ (  หกถ้วยค่ะ)

ฉันว่าน้องเมจิ    ก็คงเหมือนกับหลายคนที่เชื่อว่า    ตั้งชื่อดี มีชัยไปกว่าครึ่ง    ยิ่งเป็นดาราด้วยแล้ว   จะให้มาตั้งชื่อเรียบๆ เชยๆ
คงเป็นไปไม่ได้
ใช่แต่น้องเมจิ คนเดียวหรอกค่ะ      ดาราดังๆ    ไม่ว่าชายหรือหญิง    ต่างก็เปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนามมาแล้วทั้งนั้น
พิทยา เทียมเศวต     คือชื่อเดิมของ   คุณสรพงษ์ ชาตรี    ก่อนเข้าวงการ
  คุณ  อรัญญา นามวงศ์    ชื่อจริงว่า อัญชลี    ศิระฉายา    (สกุลเดิม ชอบประดิษฐ์)
แต่ฉันว่า ทั้งคุณ  สรพงษ์  และ คุณ  อรัญญา     เปลี่ยนชื่อแล้วเข้าที      ผิดกับน้องเมจิ     ที่ตอนนี้กลายเป็น   คัคกิ่งรักส์   คิคคิคสะระณัง    คัจฉามิ   (   คำท้าย    เติมขำๆ    ไม่มีอะไรค่ะ)  

ฉันก็เหมือนใครต่อใครหลายคน   ที่ประหลาดใจเหลือล้ำกับชื่อน้องเมจิ    คือไม่แน่ใจว่าน้องเมจิ    ตั้งชื่อเอาขำ    หรือเอาเคล็ด   
แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลแรก  หรือ เหตุผลที่สอง    ตอนนี้ชื่อน้องก็กลายเป็นประเด็น    ให้ใครต่อใครได้วิจารณ์กันสนุก

แม้จะประหลาดใจ  กับชื่อน้องเมจิ  อย่างที่บอก  แต่ฉันก็ไม่ได้ค้าน หรือต่อต้าน   เพราะไม่ว่าน้องเมจิ หรือใคร    จะเปลี่ยนชื่อสักร้อยชื่อ    หรือพันชื่อ    ถ้าทำ แล้วไม่เดือดร้อนใคร    ทำแล้วตัวเองพอใจก็ทำไป    เพราะครั้งหนึ่ง     ฉันก็เคยร่ำร้องกับแม่   อยากจะเปลี่ยนชื่อตัวเองอย่างน้องเมจิเหมือนกัน

ถ้าคุณเป็นฉัน  คุณก็ต้องอยากเปลี่ยนเหมือนกันนั่นแหละ    มีอย่างที่ไหน  เป็นผู้หญิงตั้งแต่หัวจรดเท้า  
แต่แม่ดันตั้งชื่อมาได้ว่า     “อนันต์”   ( ว้าย   บอกชื่อจริงเสียแล้ว  เขินจัง)  


ทั้งที่ความจริงแล้ว   มันควรจะเป็น  
สุนันท์   นันทา   นันธิดา     หรือชั่วๆดีๆ     เอา ดา  มาต่อท้าย  อนันต์  กลายมาเป็น   อนันต์ดา  ก็ยังดี    แต่แม่กลับไม่ทำ
“แม่  หนูเปลี่ยนชื่อใหม่นะ”   ฉันวิงวอนกับแม่  ตอนเล็กๆไม่กล้า  มาร้องขอเอาตอนอายุ สิบห้า หรือสิบหก
“เปลี่ยนเมื่อไหร่  มีเรื่อง “    แม่พูดแค่นั้น  ก็หันไปร้องเรียก  สุนัขตัวโปรดของแม่
“รัศมีดารา  มากินข้าวลูก”

ใช่แล้วค่ะท่านผู้อ่าน    น้องหมาของแม่   มีชื่อเต็มๆว่า    รัศมีดารา    ชื่อเล่นชื่อ  หมี    ผิดกับฉัน ที่เป็นคน แถมเป็นลูกสาวแม่   แต่ดันชื่อห้วนๆ สั้นๆว่า อนันต์     แถมชื่อเล่นก็ไม่มี     ดีว่าเพื่อนๆ ที่โรงเรียน เห็นใจ  เลยเรียก นันๆๆๆ  เพราะรู้ดีว่า ทุกครั้งที่พวกเขาเรียกฉัน     อนันต์ๆ      มันทำให้ฉันเฮิร์ทแทบกระอัก

ไม่ใช่แต่น้องหมาเท่านั้นนะคะ     ที่แม่ตั้งชื่อเสียวิลิศมาหรา  แม้แต่   น้องแมวของแม่ ก็ชื่อไพเราะเช่นเดียวกัน
เมื่อรัศมีดารา  ลาลับโลกนี้ไป   แม่ก็เปลี่ยนจากเลี้ยงหมาโฮ่งๆ    มาเลี้ยงแมวเหมียวๆแทน      แม่ไม่ได้ไปหามันมา  หรอกค่ะ  แต่มันเป็นแมวจรจัดไม่มีที่อยู่อาศัย  ก็เหมือนกับรัศมีดารานั่นแหละ  มาด้อมๆมองๆขอข้าว     แม่สงสารก็เลยเลี้ยงมันไว้
แมวของแม่   ชื่อ นางขันทอง   
ขันทอง  ไม่มีชื่อเล่นค่ะ   แม่จะเรียกเต็มยศ ทุกครั้งที่เรียกมันมากินข้าว   พอมันกินข้าวเสร็จ แม่ก็กอดรัดฟัดเหวี่ยง คุยกับมัน  แต่กับฉันซึ่งเป็นลูกในไส้แท้ๆ    แม่ไม่เคยทำอย่างนั้นเลย
ฮือๆ….

เมื่อขันทอง  Pass away  กลับบ้านเก่า    โดยทิ้งลูกน้อยกลอยใจ ให้แม่ดูต่างหน้า   ลูกนางขันทอง  ชื่อขันเงิน  คล้องจ้อง และเพราะพริ้งไม่แพ้แม่ของมัน
ซึ่งแม่คงไม่รู้หรอกว่า   ทุกครั้งที่แม่เรียก หมา  เรียกแมว  ของแม่   เสียงเรียกของแม่  ราวกับมีดง้าวแหลมคมที่เชือดเฉือนใจฉัน ให้เจ็บปวดร้าวราญ   พอๆกับที่แม่เรียกชื่อฉันนั่นแหละ
อนันต์ !


“ถามจริงๆ   แม่ไม่ชอบอะไรหนูเป็นการส่วนตัวหรือเปล่า    ถึงได้ตั้งชื่อหนูออกมาอย่างนี้ “  ฉันมักจะถามแม่อย่างนี้เสมอๆ   
แม่หัวเราะ  ก่อนจะตอบมายิ้มๆ ในคำตอบเดิม
“ไม่ได้ไม่ชอบ แต่ตั้งใจไว้ก่อนท้อง  ถ้าลูกออกมาเป็นผู้ชาย  จะต้องตั้งชื่อว่าอนันต์ “  
“แต่หนูเป็นผู้หญิง”
“แล้วไงเหรอ”
“เหอ”      

ฉันเครียดตลอดมา   ยิ่งนำชื่อตัวเองไปเปรียบกับ   เพื่อนๆในชั้น  ที่ชื่อสุดแสนจะผู้หญิ๊ง ผู้หญิง   นงลักษณ์   ศรีสุดา  วรรณา  มาลี   วันดี   นารีรัตน์  
“ยายอนันต์   ส่งงานหรือยัง ? ”      ครูถามฉันดังๆ   ก่อนจะพูดไปหัวเราะไป   
“ ผู้หญิงอะไรวะ ชื่ออนันต์”  

ที่โรงเรียน ว่าแย่    แต่ไปโรงพยาบาลฉันกลับเจอเรื่องแย่ไปกว่านั้น    หลายครั้งหลายคราว  เมื่อฉันไปตรวจเช็คสุขภาพแบบสตรีๆ   แผนกนั้นผู้ชายไม่มี     มีแต่ผู้หญิงนั่งกันหน้าสลอน   พอถึงคิวฉัน   พยาบาลก็เรียกฉันดังๆ
“นายอนันต์  เข้าห้องตรวจด้วยค่ะ  ”   เขาเรียกฉันอย่างนั้น   ทั้งที่ตอนที่ฉันกรอกชื่อลงในประวัติคนไข้    ตรงสรรพนามนำหน้า  ฉันกดด้วยปากกาเสียดำปี๋ว่า     นางสาว    แต่กระนั้นเขาก็ยังเรียกฉัน  นายอนันต์อยู่ดี     
โอ๊ย!  อนันต์   อยากตาย

พูดถึงโรงพยาบาล   ฉันก็เลยนึกถึงเรื่องนั้นขึ้นมาได้   เหตุการณ์ขำๆที่ฉันไปประสพมากับตัว     เกี่ยวกับเรื่องชื่อเสียงเรียงนามนี่แหละค่ะ
เรื่องนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว     ตอนนั้นฉันยังอยู่ในวัยละอ่อน  วันนั้นยายปวดหัวตัวร้อน    ฉันก็พาแกไปหาหมอ ที่โรงพยาบาลของรัฐบาลแถวฝั่งธน   ระหว่างที่ยายเข้าไปพบคุณหมอฉันก็นั่งรอ   ฉันไม่ได้นั่งโดดเดี่ยวลำพัง  หากมีคนที่รอหมอ รอญาติหลายอีกคน   เราก็คุยกันไป ก็เลยไม่รู้สึกเหงาอะไรระหว่างที่รอ
ทันใดนั้นเอง  ชายหนุ่มในเครื่องแบบทหารเรือยศนายสิบ ก็ก้าวผ่านฉันไปหยุดที่ช่องทำบัตรคนไข้   

“สวัสดีครับ   ผมปวดหัวตะหงิดๆ ไอ คอกๆแคกๆ  มาหลายวัน   ”  พี่ทหารเรือ รายงานเร็วๆด้วยเสียงค่อนข้างดัง  เจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นผู้ชายยิ้มให้   ก่อนจะถามเขาด้วยเสียงที่ดังไม่แพ้กัน
“ชื่อ  อะไรครับ”
“ลำดวน ”    เสียงของเขาเบากว่าตอนบอกอาการหน่อย     ฉันมองเขาอย่างแปลกใจ   เกือบจะเอ่ยปากกับเขาเสียให้ได้   
พี่ๆ   เรามาเปลี่ยนชื่อกันเอามั้ย    พี่เอาชื่อหนูไป  ส่วนหนูก็เอาชื่อพี่มา  เพราะเด็กหญิงลำดวน  ฟังดูเข้าท่า กว่าเด็กหญิงอนันต์  เป็นไหนๆ
“โห  ชื่อหวานจังเลย  ”  เจ้าหน้าที่เหย้า   แต่คนถูกเหย้าไม่ขำ ทำหน้าหงิก    คนเหย้ารู้ตัว  เลยถามต่อไปอย่างเป็นการเป็นงาน
“นามสกุล    ครับผม”
คนถูกถามไม่ตอบ   หากก้าวเข้าไปยืนชิดๆ    ยื่นหน้าไปใกล้ๆ    ตอบเบาๆ   พอได้ยินเพียงเขา  กับเจ้าหน้าที่แค่สองคน
“ต้มโคล้ง”  
ขนาดว่าเขาพูดไม่ดัง    แต่ฉันดันได้ยิน    เกือบแล้ว   เกือบหัวเราะออกมาดังๆ   เพราะต้มโคล้งที่ว่า คืออาหารโปรดของยาย   ยายชอบมาก  ต้มโคล้งปลากรอบ   ใส่พริกขี้หนูตำ   เหยาะมะนาว   น้ำปลา    ยายจะซดโฮกๆ  ทำเสียงซูดซาด  

“พูดดังๆหน่อยได้ไหม ผมไม่ได้ยิน”  เจ้าหน้าที่ไม่ใช่แค่ร้องบอกดังๆ    แต่ยังเอามือป้องหูประกอบ  แบบจะบอกให้รู้   ผมไม่ได้ยินจริงๆนะ ครับ ไม่ได้แกล้ง
“ต้มโคล้ง”  พี่ลำดวน   เสียงดังขึ้นมาอีกนิด   ทำหน้าเหมือนไม่ได้ถ่ายมาหลายวัน   
“ล้อผมเล่นหรือเปล่า   ต้มโคล้งนี้   ของโปรดของผมเลยนะ  “   เจ้าหน้าที่พูดดังๆ  ก่อนนจะหัวเราะจนตัวโยน   ในขณะที่ฉันแค่ยิ้มๆ  พร้อมกับคิดอยู่ในใจ   คิดว่ายายชอบต้มโคล้งคนเดียว  ที่ไหนได้  พี่ฝ่ายทะเบียนคนนี้   ก็ชอบต้มโคล้งเหมือนกับยายเลยแฮะ     ตอนนั้นคนที่นั่งอยู่แถวนั้นต่างยิ้มไปตามๆกัน
“ล้อเล่นน่ะครับ   สรุปว่า     ชื่อ  คุณลำดวน    นามสกุล ต้มโคล้ง  นะครับ”   เจ้าหน้าที่เอ่ยออกมาดังๆ     ท่ามกลางรอยยิ้มของทุกคน  ที่เหตุเห็นการณ์   ซึ่งมีฉันรวมอยู่ด้วย   งานนี้จะมีอยู่ก็มีแต่    คุณพี่ลำดวน   ต้มโคล้ง   เท่านั้น แหละคุณที่ยิ้มไม่ออก  

และเพราะคุณพี่ลำดวน  ต้มโคล้ง นี่แหละ ที่ทำให้ฉันลืมความคับแค้นชื่อของตัวเองไปได้สักพัก กระทั่งไปเจอคนที่ชื่อเพราะๆ   อาการฉันก็จะกำเริบขึ้นมาอีกหน     แถมบ่นกับเพื่อนๆ    อยากจะเปลี่ยนชื่อจัง  ทำไงดี
แต่เพราะฉันเอาแต่พูด แต่ไม่ทำสักที    เพื่อนก็เลยตอกฉันกลับมาอย่างรำคาญๆ
“พูดอยู่นั่น  ไม่เห็นเปลี่ยนเสียที  ”
“ก็อยากทำอยู่  แต่เกรงใจแม่เขา   “  ฉันตอบเพื่อนยิ้มๆ ก่อนจะบอกเล่าเก้าสิบ   ความเป็นไปเป็นมา ของชื่อฉันให้เพื่อนฟัง  ก่อนจะสรุปลงตอนท้าย
” ไหนๆแม่เขาก็ปลื้มชื่อนี้     ก็คงจะชื่อนี้ไปจนตาย  ”
“งั้นก็ทำหน้าที่ลูกที่ดีไป   แต่ต่อไปอย่ามาบ่นเรื่องนี้ให้ฟังอีก  รำคาญว่ะ “  เพื่อนว่า  สะบัดหน้าใส่ดังพรืด  

ความคับแค้นใจของฉันเกี่ยวกับชื่อเสียงเรียงนามของตน     จากตอนนั้น    ผ่านมาถึงตอนนี้ ก็เนิ่นนานพอดู    แต่จนแล้วจนรอด ฉันก็ไม่ได้เปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนาม   อย่างคนอื่นสักที
ตอนแรกอาจจะเพียงเหตุผลเดียวที่ฉันบอกกับเพื่อนๆ และใครต่อใคร  ที่ไม่เปลี่ยนชื่อ  เพราะไม่อยากให้แม่เสียใจ    แต่ตอนนี้  ฉันมีเหตุผลอื่นที่ผุดขึ้นมาในใจ   โดยที่ฉันไม่เคยบอกให้ใครรับรู้   ( เพิ่งจะนำมาเปิดเผยในถนนนักเขียนเป็นครั้งแรก นี่แหละค่ะ  )

เหตุผลแรก   จะมีผู้หญิงสักกี่คน ที่ชื่ออนันต์  ชื่อไม่โหล  แต่โก้เก๋   ไปหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วพระคุณท่าน   
สอง  อนันต์ แปลว่า  มากมาย       ที่อาจจะหมายถึง   น่ารักมาก  ดีมาก      ตลกมาก   เป็นต้น     ( นานๆจะชมตัวเอง อย่าว่ากัน)  
ส่วนเหตุผลข้อที่สาม อันเป็นข้อสุดท้าย   ตั้งแต่ฉันได้ชื่อนี้มา  ฉันก็สุขกายสบายใจ  ไม่เจ็บป่วย   สุดแสนจะแฮปปี้  
ด้วยเหตุผลสามข้อที่ว่านี้     ฉันว่ามันมากพอที่จะเก็บชื่อนี้ไว้
ซึ่งจะว่าไปแล้ว    ชื่อฉันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร   เมื่อเปรียบเทียบกับใครต่อใครอีกหลายคน   ที่อยู่ในลิสต์  ที่ฉันนำมาเป็นตัวอย่าง

หวังนที จู๋ยืนยง
กันภัย สูญสิ้นภัย
อธิป จู๋กระจ่าง
ศักดิพันธ์ ชอบนอนหงาย
บรรจง หนึ่งในยุทธจักร
นารัตน์ พัดลม
ลำเทียน จ้องผสมพันธุ์
มนศักดิ์ กางมุ้งคอย  
ภาคภูมิ ด้วนรู้ที่
ชาติชาญ เล่นเอาขำ
สายใจ เกาะมหาสนุก
ใกล้รุ่ง สมสู่
จันมี โถรองมูล
ความจริงมีมากกว่านี้นะคะ     แต่ที่นำมาเป็นตัวอย่างแค่นี้   เพราะเกรงว่า   เกิดท่านผู้อ่านบางท่านที่เส้นตื้น   เห็นเข้า  อาจจะหัวร่อ  ชักดิ้นชักงอ หายใจหายคอไม่ออก   ต้องเรียก แอมบูแลนซ์ มารับละก็      คนเขียนคงรู้สึกผิดแย่เลย

ชื่อนั้นสำคัญไฉน   คนอื่นจะคิดอย่างไร  ฉันไม่รู้    แต่ถ้าคุณถามฉันล่ะก็   ฉันคิดว่าชื่อที่เป็นศิริมงคลที่สุด สำหรับคนเรานั้น  คือชื่อที่พ่อแม่ให้เรามา    และฉันยังเชื่ออีกว่า    ชื่อ   ไม่ได้ทำให้เราเลวร้าย     หรือดี    แต่เราจะดี   หรือแย่      อยู่ที่การกระทำของเราต่างหาก     เพราะต่อให้ชื่อเลิศเลอเพียงไร  แต่ถ้าความประพฤติของเจ้าของสวนทางกับชื่อ   มันก็คงไม่มีความหมายอะไร   ว่าแต่คุณ  เห็นด้วยกับฉันไหมเอ่ย    .




ขอบคุณ
สำหรับ  หลากหลาย อารมณ์ ที่ทุกท่านโหวตให้    ทั้ง ถูกใจ,  หลงรัก,  ซึ้ง,  ขำกลิ้ง   จากเรื่องก่อน….


คุณ Psycho man ,   คุณ มาโซคิส ,   คุณ  Mareeraya , คุณ โค อัสดง , คุณเปลวอัคคี , คุณ  Kasareev
คุณ  kinkan00,  คุณ lovereason  , คุณ Nevica,   ,  คุณ บ้านสายไหม,    คุณect_chamon  , คุณ ปริยาธร  
คุณ Can live ,  คุณ เกสรผกา,  คุณDarasawan  ,   คุณหนอนแบกเป้ ,  คุณ  Sentimentally smooth
คุณ  Draconia ,  คุณเขมปัณณ์  ,  คุณ My birthday is on April 14  , คุณ    ,คุณ สมาชิกหมายเลข 1034424,   )   คุณ Peace brother  , คุณสมาชิกหมายเลข 1018021,  คุณ พ .ชมภัค  ,  คุณ  moonpeace ,  คุณอรุโณชา  ,   คุณ  Dragonfly 7 colors
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่