พวกเราทุกคนล้วนมีการคาดคะเนที่ทั้งนั้น ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ทุกๆวันพวกเราก็ล้วนคำนวณประสบการณ์ที่ตัวเองได้มาและนำมาคาดคะเนกัน จะพวกเรามักจะชอบคาดคะเนอะไรกันบ้างนั้น ลองมาดู 10 อันดับกัน
10.ฉันผิดอยู่ตลอดเวลา
การคาดคะเนแบบนี้มักจะทำให้เราขาดความเชื่อมั่นภายในตัว คนที่ขาดความเชื่อมั่นก็มักจะคาดคะเนอยู่เสมอว่า ตัวเองต้องผิดอยู่ตลอดเวลา นิสัยแบบนี้มักจะเป็นคนเก็บตัว ขี้อาย ไม่ค่อยกล้าพูดจากับผู้คนสักเท่าไรเพราะกลัวพูดแล้วจะพูดอะไรผิดๆออกมา พวกเขาก็อยากที่จะพูดแต่ก็ไม่กล้าพูดเพราะกลัวว่าผิด จึงเงียบไปเลยดีกว่า
9.ฉันเป็นฝ่ายถูกอยู่เสมอ
เป็นการคาดคะเนผิดๆอย่างหนึ่ง สำหรับพวกเราบางคนก็อาจจะคิดว่า ตัวเองจะต้องถูกอยู่ตลอดเวลา ตรงข้ามกับคนที่คิดว่าตัวเองผิดอยู่ตลอด ซึ่งคนแบบนี้มักจะคิดว่าตัวเองฉลาดกว่าคนอื่น และคิดว่าตัวเองรู้ดีกว่าใคร พวกเขาจะรู้ตัวเองก็ต่อเมื่อเจอในสิ่งที่เขาคิดว่าไม่รู้จริงๆ ถึงจะปรับปรุงแก้ไขตัวเองได้
8.คิดว่าตัวเองมองเหรียญครบทุกด้านแล้ว
หากเราทำธุรกิจหรืออะไรก็ตามแต่ที่จะต้องใช้ความรอบคอบมากนั้น แต่ปรากฏว่าเจอข้อผิดพลาดอะไรบางอย่าง เราก็คิดว่าตัวเองมองเหรียญครบทุกด้านแล้ว ซึ่งนิสัยแบบนี้จะทำให้เราทำนิสัยแบบนี้จนเคยชินและเมื่อเราเจอเรื่องผิดพลาด ก็ยังไม่สามารถหาคำตอบได้ พวกเราก็รู้สึกอยู่ลึกๆว่า มันจะต้องมีอะไรบางอย่างที่ผิดพลาดแน่ๆ จะให้ดีเลย เราก็พยายามตรวจสอบให้รู้จริง รู้ลึกไปเลยดีกว่า
7.ฉันทำไม่ได้
นี่ถือเป็นเหตุผลหลักๆที่ทำไมผู้คนส่วนใหญ่ถึงไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต และล้มเหลวมาโดยตลอด บางคนก็ยังไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย ก็บอกก่อนแล้วว่า ตัวเองทำไม่ได้ หรือคิดว่า ตัวเองไม่ใช่นักปีนเขาสักหน่อยถึงจะคิดได้ว่า จะต้องไต่เขาหาความสำเร็จ จะเขียนหนังสือ จะเขียนบทความงั้นเหรอ? ฉันทำไม่ได้หรอก ฉันไม่มีความรู้มากพอ จะเริ่มธุรกิจงั้นเหรอ? ธุรกิจอะไรอ่ะ ฉันทำไม่ได้หรอก หากเราคิดแบบนี้ ก็ถูกแล้วล่ะที่ทำไมเราไม่สามารถทำอะไรได้เลยสักอย่าง มันไม่มีอะไรดีไปกว่าการฝึกฝนทักษะหรอก
6.สังคมมักจะเป็นตัวตัดสินให้ฉันทำอย่างนั้น อย่างนี้
พวกเราเติบโตมาส่วนใหญ่ก็มาจากการอบรมสั่งสอนของพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ที่มักจะชี้นำให้เราทำอย่างนั้น อย่างนี้ ซึ่งเมื่อเราโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว พวกเราก็มักจะคิดว่า ใครๆเขาก็ทำกันแบบนั้น เราก็ทำตามบ้าง ทำตามทุกๆฝีก้าว อย่างเช่น กระแสนิยมหรือบริโภคนิยม หากว่าใครไม่มีโทรศัพท์รุ่นนี้ถือว่าเชยมาก (ส่วนตัวผมก็ไม่ได้ตามกระแสพวกนี้อยู่แล้ว ใครมีก็มีไปเถอะ ^_^) จริงๆแล้วไม่มีใครเขามาสนใจเราหรอก ไม่มีใครสนใจหรอกว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ ลองคิดใหม่ดูนะครับ
5.ฉันไม่มีเวลามากพอที่จะทำอย่างนั้น อย่างนี้
เมื่อเราไล่ล่าหาความฝันตัวเอง การคาดคะเนผิดๆอย่างหนึ่งที่เราจะต้องเจอก็คือ คิดว่าตัวเองไม่มีเวลามากพอ อย่างเช่น การลดความอ้วน ลดน้ำหนักที่บางคนมักจะอ้างว่า ตัวเองไม่มีเวลาพอที่จะทำแบบนี้ เพราะต้องไปทำงานแล้วก็ต้องกินข้าวอีก ความจริงก็คือ พวกเราทุกคนล้วนมีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากันหมด มันอยู่ที่ว่าเราจะใช้เวลาคุ้มค่ามากน้อยแค่ไหน เราก็ควรที่จะยอมสละเวลาดูละครน้ำเน่าบ้างก็น่าจะดีนะ
4.ฉันเป็นคนที่มีเหตุผลมากกว่าใคร
การที่เราคิดว่าตัวเองมีเหตุผลมากกว่าใครๆนั้น ก็อย่าลืมว่าทุกๆคนก็คิดเหมือนกับเราว่า ตัวเองมีเหตุผลที่ดีกว่าใครทั้งนั้น เราจะต้องเปิดรับความคิดให้กว้างซะบ้าง แต่ความจริงเป็นเรื่องยากมากที่มนุษย์อย่างพวกเราทุกคนจะมีเหตุผลที่ดีสมบูรณ์แบบ และต่อให้มีเหตุผลทีดีแค่ไหน เราก็ยังเป็นแค่มนุษย์คนหนึ่งเหมือนเดิม ไม่ได้เป็นเทวดานางฟ้าหรอก คอมพิวเตอร์เองก็มีเหตุผลในการประมวลผลของมัน มนุษย์อย่างเราก็มีอารมณ์หลายด้านแตกต่างกันออกไป การใช้เหตุผลของมนุษย์พวกเราทุกๆคนล้วนมาจากอารมณ์และอคติของตัวเองเป็นสำคัญอยู่แล้ว ไม่มีใครที่มีเหตุผลมากกว่าใครหรอก
3.การใช้หลักตรรกะเหตุผลเป็นสิ่งที่สามารถโน้มน้าวผู้คนได้ดี
นี่ถือเป็นการคาดคะเนของผู้คนส่วนใหญ่เลยก็ว่าได้ในการที่จะเถียงกับใครสักคนหนึ่งหรือเป็นการโต้แย้ง โต้วาที ความจริงก็คือว่าการใช้เหตุผลเป็นสิ่งที่ผู้คนให้ความสำคัญน้อยที่สุด เมื่อผู้คนโต้เถียงกันไม่ว่าจะเป็นกรณีอะไรก็ตาม การคิด การใช้เหตุผลจะถูกสมองปิดกั้นเอาไว้และก็หันมาใช้อารมณ์เข้ามาแทนที่ ผู้นำที่ดีที่สุดเขาไม่ได้ใช้หลักเหตุผลที่ดูดีอะไรหรอก แต่พวกเขาสามารถชักจูงอารมณ์ให้ผู้คนเข้าถึงตัวเขาได้ ก็เพราะว่าทุกๆคนไม่ได้ให้ความสำคัญกับการใช้เหตุผลนั่นเอง และคนที่มีเหตุผลก็ไม่ได้หมายความว่า ผู้คนเขาจะเห็นด้วยกับเราหรอก
2.ฉันมันไม่ดีเพียงพอ
บางคนคิดว่าตัวเองยังไม่ดีเพียงพอและไม่เคยวางเป้าหมายชีวิตให้สูงๆ หากบางคนตั้งใจจะเล่นดนตรี พวกเขาก็จะอ้างว่าตัวเองยังไม่ดีเพียงพอที่จะร่วมวงดนตรีกับใครได้ หากบางคนสนใจเรื่องกีฬา พวกเขาก็ไม่พยายามฝึกฝนกีฬาโดยอ้างว่าตัวเองยังไม่ดีเพียงพอ ไม่ว่าเราจะรู้หรือไม่ว่าตัวเองดีมากน้อยแค่ไหน เราก็ต้องทำการประเมินตัวเองโดยไม่อคติ การประเมินตัวเองจะทำให้เราสามารถเอาชนะความกลัวในการฝึกฝนและความสำเร็จได้
1.ทุกๆคนล้วนมองว่าเราเป็นถ่วงความเจริญของโลก
ถือเป็นการคาดคะเนที่ผิดมหันต์อย่างหนึ่งที่คิดว่า ผู้คนส่วนใหญ่กำลังคิดว่า เราเป็นตัวถ่วงความเจริญและมองว่าเราเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้โลกของเราหนักขึ้น จริงๆแล้วผู้คนที่คิดตรงกันข้ามก็ไม่มีใครดีกว่ากันหรอก พวกเขาล้วนคิดอยู่แล้วว่าตัวเองดีที่สุดในโลก ก็เหมือนกับผู้คนที่ไม่ค่อยยอมรับความคิดปราดเปรื่องน้อยคนมาก บางคนก็ถึงกลับเปลี่ยนโลกเลยก็มี พวกเขาคิดว่าความคิดแบบนี้มันเป็นเรื่องเลอะเทอะ ซึ่งก็ไม่แปลกหรอกที่จะมีการคาดคะเนกันแบบนั้น และก็ไม่แปลกหรอกที่เราจะคิดแบบนั้น เพราะก็ไม่มีใครล้วนดีที่สุดและเก่งที่สุดในโลกนี้หรอก พูดง่ายๆก็คือมนุษย์ทุกคนก็ล้วนเป็นพวกถ่วงความเจริญอยู่แล้ว จริงไหมล่ะ หรือใครจะเถียง
ผู้เขียน Mr.lawrence10
(เรื่องน่ารู้) 10 อันดับสิ่งที่ผู้คนชอบคาดคะเนผิดๆกัน
การคาดคะเนแบบนี้มักจะทำให้เราขาดความเชื่อมั่นภายในตัว คนที่ขาดความเชื่อมั่นก็มักจะคาดคะเนอยู่เสมอว่า ตัวเองต้องผิดอยู่ตลอดเวลา นิสัยแบบนี้มักจะเป็นคนเก็บตัว ขี้อาย ไม่ค่อยกล้าพูดจากับผู้คนสักเท่าไรเพราะกลัวพูดแล้วจะพูดอะไรผิดๆออกมา พวกเขาก็อยากที่จะพูดแต่ก็ไม่กล้าพูดเพราะกลัวว่าผิด จึงเงียบไปเลยดีกว่า
เป็นการคาดคะเนผิดๆอย่างหนึ่ง สำหรับพวกเราบางคนก็อาจจะคิดว่า ตัวเองจะต้องถูกอยู่ตลอดเวลา ตรงข้ามกับคนที่คิดว่าตัวเองผิดอยู่ตลอด ซึ่งคนแบบนี้มักจะคิดว่าตัวเองฉลาดกว่าคนอื่น และคิดว่าตัวเองรู้ดีกว่าใคร พวกเขาจะรู้ตัวเองก็ต่อเมื่อเจอในสิ่งที่เขาคิดว่าไม่รู้จริงๆ ถึงจะปรับปรุงแก้ไขตัวเองได้
หากเราทำธุรกิจหรืออะไรก็ตามแต่ที่จะต้องใช้ความรอบคอบมากนั้น แต่ปรากฏว่าเจอข้อผิดพลาดอะไรบางอย่าง เราก็คิดว่าตัวเองมองเหรียญครบทุกด้านแล้ว ซึ่งนิสัยแบบนี้จะทำให้เราทำนิสัยแบบนี้จนเคยชินและเมื่อเราเจอเรื่องผิดพลาด ก็ยังไม่สามารถหาคำตอบได้ พวกเราก็รู้สึกอยู่ลึกๆว่า มันจะต้องมีอะไรบางอย่างที่ผิดพลาดแน่ๆ จะให้ดีเลย เราก็พยายามตรวจสอบให้รู้จริง รู้ลึกไปเลยดีกว่า
นี่ถือเป็นเหตุผลหลักๆที่ทำไมผู้คนส่วนใหญ่ถึงไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต และล้มเหลวมาโดยตลอด บางคนก็ยังไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย ก็บอกก่อนแล้วว่า ตัวเองทำไม่ได้ หรือคิดว่า ตัวเองไม่ใช่นักปีนเขาสักหน่อยถึงจะคิดได้ว่า จะต้องไต่เขาหาความสำเร็จ จะเขียนหนังสือ จะเขียนบทความงั้นเหรอ? ฉันทำไม่ได้หรอก ฉันไม่มีความรู้มากพอ จะเริ่มธุรกิจงั้นเหรอ? ธุรกิจอะไรอ่ะ ฉันทำไม่ได้หรอก หากเราคิดแบบนี้ ก็ถูกแล้วล่ะที่ทำไมเราไม่สามารถทำอะไรได้เลยสักอย่าง มันไม่มีอะไรดีไปกว่าการฝึกฝนทักษะหรอก
พวกเราเติบโตมาส่วนใหญ่ก็มาจากการอบรมสั่งสอนของพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ที่มักจะชี้นำให้เราทำอย่างนั้น อย่างนี้ ซึ่งเมื่อเราโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว พวกเราก็มักจะคิดว่า ใครๆเขาก็ทำกันแบบนั้น เราก็ทำตามบ้าง ทำตามทุกๆฝีก้าว อย่างเช่น กระแสนิยมหรือบริโภคนิยม หากว่าใครไม่มีโทรศัพท์รุ่นนี้ถือว่าเชยมาก (ส่วนตัวผมก็ไม่ได้ตามกระแสพวกนี้อยู่แล้ว ใครมีก็มีไปเถอะ ^_^) จริงๆแล้วไม่มีใครเขามาสนใจเราหรอก ไม่มีใครสนใจหรอกว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ ลองคิดใหม่ดูนะครับ
เมื่อเราไล่ล่าหาความฝันตัวเอง การคาดคะเนผิดๆอย่างหนึ่งที่เราจะต้องเจอก็คือ คิดว่าตัวเองไม่มีเวลามากพอ อย่างเช่น การลดความอ้วน ลดน้ำหนักที่บางคนมักจะอ้างว่า ตัวเองไม่มีเวลาพอที่จะทำแบบนี้ เพราะต้องไปทำงานแล้วก็ต้องกินข้าวอีก ความจริงก็คือ พวกเราทุกคนล้วนมีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากันหมด มันอยู่ที่ว่าเราจะใช้เวลาคุ้มค่ามากน้อยแค่ไหน เราก็ควรที่จะยอมสละเวลาดูละครน้ำเน่าบ้างก็น่าจะดีนะ
การที่เราคิดว่าตัวเองมีเหตุผลมากกว่าใครๆนั้น ก็อย่าลืมว่าทุกๆคนก็คิดเหมือนกับเราว่า ตัวเองมีเหตุผลที่ดีกว่าใครทั้งนั้น เราจะต้องเปิดรับความคิดให้กว้างซะบ้าง แต่ความจริงเป็นเรื่องยากมากที่มนุษย์อย่างพวกเราทุกคนจะมีเหตุผลที่ดีสมบูรณ์แบบ และต่อให้มีเหตุผลทีดีแค่ไหน เราก็ยังเป็นแค่มนุษย์คนหนึ่งเหมือนเดิม ไม่ได้เป็นเทวดานางฟ้าหรอก คอมพิวเตอร์เองก็มีเหตุผลในการประมวลผลของมัน มนุษย์อย่างเราก็มีอารมณ์หลายด้านแตกต่างกันออกไป การใช้เหตุผลของมนุษย์พวกเราทุกๆคนล้วนมาจากอารมณ์และอคติของตัวเองเป็นสำคัญอยู่แล้ว ไม่มีใครที่มีเหตุผลมากกว่าใครหรอก
นี่ถือเป็นการคาดคะเนของผู้คนส่วนใหญ่เลยก็ว่าได้ในการที่จะเถียงกับใครสักคนหนึ่งหรือเป็นการโต้แย้ง โต้วาที ความจริงก็คือว่าการใช้เหตุผลเป็นสิ่งที่ผู้คนให้ความสำคัญน้อยที่สุด เมื่อผู้คนโต้เถียงกันไม่ว่าจะเป็นกรณีอะไรก็ตาม การคิด การใช้เหตุผลจะถูกสมองปิดกั้นเอาไว้และก็หันมาใช้อารมณ์เข้ามาแทนที่ ผู้นำที่ดีที่สุดเขาไม่ได้ใช้หลักเหตุผลที่ดูดีอะไรหรอก แต่พวกเขาสามารถชักจูงอารมณ์ให้ผู้คนเข้าถึงตัวเขาได้ ก็เพราะว่าทุกๆคนไม่ได้ให้ความสำคัญกับการใช้เหตุผลนั่นเอง และคนที่มีเหตุผลก็ไม่ได้หมายความว่า ผู้คนเขาจะเห็นด้วยกับเราหรอก
บางคนคิดว่าตัวเองยังไม่ดีเพียงพอและไม่เคยวางเป้าหมายชีวิตให้สูงๆ หากบางคนตั้งใจจะเล่นดนตรี พวกเขาก็จะอ้างว่าตัวเองยังไม่ดีเพียงพอที่จะร่วมวงดนตรีกับใครได้ หากบางคนสนใจเรื่องกีฬา พวกเขาก็ไม่พยายามฝึกฝนกีฬาโดยอ้างว่าตัวเองยังไม่ดีเพียงพอ ไม่ว่าเราจะรู้หรือไม่ว่าตัวเองดีมากน้อยแค่ไหน เราก็ต้องทำการประเมินตัวเองโดยไม่อคติ การประเมินตัวเองจะทำให้เราสามารถเอาชนะความกลัวในการฝึกฝนและความสำเร็จได้
ถือเป็นการคาดคะเนที่ผิดมหันต์อย่างหนึ่งที่คิดว่า ผู้คนส่วนใหญ่กำลังคิดว่า เราเป็นตัวถ่วงความเจริญและมองว่าเราเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้โลกของเราหนักขึ้น จริงๆแล้วผู้คนที่คิดตรงกันข้ามก็ไม่มีใครดีกว่ากันหรอก พวกเขาล้วนคิดอยู่แล้วว่าตัวเองดีที่สุดในโลก ก็เหมือนกับผู้คนที่ไม่ค่อยยอมรับความคิดปราดเปรื่องน้อยคนมาก บางคนก็ถึงกลับเปลี่ยนโลกเลยก็มี พวกเขาคิดว่าความคิดแบบนี้มันเป็นเรื่องเลอะเทอะ ซึ่งก็ไม่แปลกหรอกที่จะมีการคาดคะเนกันแบบนั้น และก็ไม่แปลกหรอกที่เราจะคิดแบบนั้น เพราะก็ไม่มีใครล้วนดีที่สุดและเก่งที่สุดในโลกนี้หรอก พูดง่ายๆก็คือมนุษย์ทุกคนก็ล้วนเป็นพวกถ่วงความเจริญอยู่แล้ว จริงไหมล่ะ หรือใครจะเถียง
ผู้เขียน Mr.lawrence10