การใช้ภาษาอังกฤษในภาษาพูด ( Spoken language ) และภาษาเขียน ( Written language ) สำหรับการเรียนมหาวิทยาลัย หรือสูงกว่า

วันนี้ผมน้องนัทตี้ขอสวมบทบาทนักวิชาการรุ่นเยาว์ หน่อยนะครับ มาพูด 2 เรื่องครับ

1. การใช้ภาษาอังกฤษในภาษาพูด  ( Spoken language ) และภาษาเขียน ( Written language ) สำหรับการเรียนขั้นสูงมหาวิทยาลัย หรือสูงกว่า

หลายคนนิยมใช้ spoken language ในงานเขียน ซึ่งไม่ค่อยถูกกาลเทศะเท่าไหร่ครับ  และถือว่าไม่ให้ความเคารพต่อภาษาเขียน  ช่างน่าละอายใจครับ ที่แบ่งแยกไม่เป็นว่า อะไรคือภาษาเขียน อะไรคือภาษาพูด
( ภาษาพูด เน้นการติดต่อสื่อสารที่เข้าใจ ให้รู้เรื่องทั้งสองฝ่าย ไม่มี communication breakdown, ภาษากระชับรัดกุม ใช้ภาษาแบบประหยัดเวลา )
( ภาษาเขียน เน้นการใช้ grammar ให้ถูกหลัก ประโยคสละสลวย ฟังดูไพเราะ ผู้อื่นสามารถเรียนรู้ และนำไปศึกษาเพิ่มเติมได้ )
ถามหนูว่า อันไหนสำคัญกว่า ก็ต้องตอบว่า แล้วแต่วัตถุประสงค์ของผู้เรียน ว่าต้องการนำไปใช้เขียน หรือนำไปพูดจาติดต่อสื่อสาร

2.  การเพิ่มพูนทักษะไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ น้องนัทตี้อนุเคราะห์ให้
2.1. ผมเคยเอาข้อสอบเก่าๆของ TOEFL, TOEIC, IELTS และ CU-TEP มาทำดูแล้ว,ของภาษาจีนก็มีนะครับ เรียกว่า สอบ HSK
ผมชอบทำข้อสอบเก่ามากเลยครับ จริงๆแล้ว จะเก่งภาษาอังกฤษทางลัดก็มีนะ ลองเอาข้อสอบเก่าๆมานั่งทำดู ย้อนหลังไป 5-10 ปี แล้วดูคำอธิบายว่าทำไม grammar ข้อนี้ตอบ A., ข้อนี้ตอบ B
22. ใช้เวลาทุ่มเทก่อนสอบ 3 เดือน, ไม่ต้อง 1 ปี นานไป เพราะเราจ้ดอยู่ในกลุ่มแบบขยันอย่างฉลาด ไม่ใช่ขยันอย่างโง่
2.3 อ่านหนังสือวันละ 10 -12 ชม. เหมือนตอนผมน้องนัทตี้สอบเข้าเตรียมอุดม สอบจุฬา และสอบปริญญาโทภาษาจีน ที่ ม. ปักกิ่ง และสอบ ป.เอกที่ CU.

รับรองไม่ต้องรดน้ำให้เมื่อยเป็นปีๆ เห็นผลรวดเร็วครับ

คุณหนูนัทตี้
เด็กหล่อแถวหัวลำโพง
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่