สมการการค้นหาสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาจากต่างดาว(Drake Equation )

สวัสดีพี่น้อง ลุง ป้า น้า อา ปู่ ย่า ตา ยาย อากง อาม่า ในห้องหว้ากอทุกท่านครับ

ก่อนอื่นต้องรู้จักผู้ให้กำเนิดสมการนี้ก่อนครับ  เขาคนนั้นคือ Dr. Frank Drake ครับ
ดร. แฟรงก์ เดรก นักดาราศาสตร์ชาวอเมริกัน เขานักวิทยาศาสตร์หัวกะทิ ที่ได้คิดสมการขึ้นมาเพื่อเป็นการเตรียมพร้อมในการประชุมระดับมหกาฬ ชื่อ Greenbank Meeting เพื่อพิจารณาให้โครงการ SETI ไม่เป็นเพียงแค่เรื่องเพ้อฝัน เดรกบอกว่าการที่เราไม่เคยเจอหลักฐานเกี่ยวกับอารยธรรมนอกพิภพเลยนั้น อาจเป็นเพราะว่า อารยธรรมที่เจริญพอจะมีเทคโนโลยี(ที่จะสื่อสารข้ามจักรวาล)ได้ เช่นเดียวกับเรานั้น มีแนวโน้มที่จะทำลายตัวเองและอารยธรรมลงอย่างรวดเร็ว(เมื่อเทียบกับเวลาของจักรวาล) แนวคิดนี้เรียกว่า Fermi Paradox
ส่วน SETI หรือ Search for Extraterrestrial Intelligence นั้นคือสถาบันของเอกชนที่ใช้เครื่องตรวจวัดคลื่นวิทยุทางไกลที่ประจำอยู่ใน หอดูดาวทั่วโลก เพื่อตรวจดูบนฟ้าว่ามีการส่งสัญญาณชั้นสูงจากที่ใดบ้าง


The Drake Equation

ประมาณกันว่า ดวงอาทิตย์ของเราเป็นเพียง 1 ในดาวฤกษ์กว่า 400,000 ล้านดวงในเขตของดาราจักรทางช้างเผือก และทางช้างเผือกก็เป็นเพียง 1 ในหลายพันล้านดาราจักรในเอกภพ โลกเราจะโดดเดี่ยวขนาดที่เป็นดาวดวงเดียวที่มีสิ่งมีชีวิตเชียวหรือ ?  คนแรกๆ ที่ประมาณว่าน่าจะมีสิ่งมีชีวิตบนดาวอื่นก็คือนักบินอวกาศชื่อ Frank Drake  เค้าคิดสมการง่ายๆ อันนึงขึ้นมาซึ่งปัจจุบันเรียกกันว่า "Drake Equation" โดยใช้วิธีทางสถิติและความน่าจะเป็น สมการของ Drake เขียนไว้อย่างนี้ครับ

N = R * f(p) * n(e) * f(l) * f(i) * f(c) * L

โดยที่

   * N คือจำนวนอารยธรรมบนดาวเคราะห์ภายในเขคดาราจักรทางช้างเผือกที่สามารถสื่อสารกับเราได้เป็นคำตอบที่เราต้องการ
   * R ซึ่งเป็นอัตราของดาวฤกษ์มีการจัดตัวอย่างเหมาะสมพอจะทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตได้ ขนาดจะต้องไม่ใหญ่เกินไป เพราะดาวฤกษ์ขนาดใหญ่อายุจะสั้น และมักจะกลายเป็น Nova หรือ Supernova ก่อนที่ดาวเคราะห์จะเกิด
   * f(p) คือสัดส่วนของดาวฤกษ์ที่มีดาวเคราะห์เป็นบริวาร แต่เดิมเราไม่เคยพบดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะมาก่อน แต่เมื่อเร็วๆ นี้กล้อง Hubble พบหลักฐานของดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะแล้วราวๆ 20 ดวง เช่นใน Orion Nebular และ Eagle Nebular
   * n(e) คือจำนวนดาวเคราะห์ที่อยู่ในวงโคจรที่เหมาะสมที่จะก่อให้เกิดสิ่งมีชีวิต (suitable ecosphere) หมายถึงต้องมีสภาพที่ก่อให้เกิดองค์ประกอบชีวเคมีที่สำคัญของสิ่งมีชีวิต เช่น น้ำ  ดาวเคราะห์จะต้องมีขนาดที่พอเหมาะ ถ้าดาวเคราะห์มีขนาดเล็กจะมีแรงโน้มถ่วงไม่มากพอจะทำให้บรรยากาศมีความหนาแน่นพอจะเก็บน้ำไว้ได้ ถ้าดาวเคราะห์ขนาดใหญ่เกินไปจะมีแรงโน้มถ่วงมาก น้ำจะอยู่ในสภาวะความหนาแน่นสูงและมีอุณภูมิสูงเกินไป
   * f(l) คือสัดส่วนของดาวเคราะห์ภายใน ecosphere ที่มีสิ่งมีชีวิตจริงๆ
   * f(i) คือสัดส่วนของสิ่งมีชีวิตภายใน ecosphere ที่มีสติปัญญา
   *f(c) คือสัดส่วนของสิ่งมีขีวิตที่มีสติปัญญาที่พัฒนาเทคโนโลยีในการสื่อสาร และพยายามสื่อสารออกมาสู่เอกภพ
   * L คือช่วงชีวิตของอารยธรรมที่สามารถสื่อสารออกมานอกดาวเคราะห์ได้

สมการของ Drake ไม่ได้บอกว่ามีจำนวนอารยธรรมเท่าไหร่แน่นอน อาจจะมีเพียงโลกเราเท่านั้นที่มีอารยธรรมที่เจริญพอจะสื่อสารออกไปนอกโลกได้ หรืออาจจะมีอารยธรรมอื่นอีกพัน หรือล้านแห่งก็ได้ แต่ก็เชื่อกันว่าเราไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวในเอกภพ  คำถามที่ตามมาก็คือ หากว่ามีอารยธรรมนอกโลกจริงเราจะค้นหาอารยธรรมนอกโลกนี้ได้อย่างไร ?

ขอจบเท่านี้ครับ
ต้องขอโทดผู้อ่านทุกท่านด้วยนะครับ เนื่องจากผมหาข้อมูลแล้วไปเจอกระทู้เก่าของท่านนึงที่หลายคนในหว้ากอน่าจะรู้จักดีผมเลยคิดว่าไปอ่านของท่านน่าจะดีกว่า เพราะข้อมูลท่านนั้นรวบรวมมาดีมากกว่าผม ตามวาปไปเลยครับ http://topicstock.ppantip.com/wahkor/topicstock/2009/09/X8335962/X8335962.html
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่