มองกล้อง เป็นเครื่องมือ .... ควรเลือกให้เหมาะสมกับงานที่จะใช้ หนักไปอาจต้องทน ไฟล์ต้องดี คุณภาพต้องได้ ใช้งานได้ ทนทาน

มองกล้อง เป็นงานอดิเรก .... เลือกกล้อง ตามที่ตัวเอง ชอบถ่าย ไม่หนักไป ไม่เยอะไป คุณภาพรับได้ เท่าที่ตัวเองชอบ

มองกล้อง เป็นความสุข .... ไม่ควรเลือก เพราะถ้าชอบ คือ ชอบ

ดังนั้น ... อยู่ที่วัตถุประสงค์ของผู้ ใช้ เป็นหลักครับ



เดี๋ยวนี้กล้องไร้กระจกทำได้ดี บางตัวดีกว่า DSLR คลาสมือใหม่ก็เยอะมาก แต่เลือกให้เหมาะกับงานจะดีกว่า ทุกวันนี้เอาขึ้นโดรน อะไรจะสู้ panasonic GH4 ได้ น้ำหนักเบา 4K บินง่าย ตกไม่เสียดาย เอา 5D MKIII ขึ้น บินยาก โดรนใหญ่ ตกทีก็บรรลัย

แต่เอาเข้าจริงๆ ทุกวันนี้กล้องไร้กระจก ตอบโจทย์ได้เกือบทั้งหมด ในแง่มุม งานอาชีพ มันก็เกือบเข้ามาทดแทน DSLR ได้เกือบหมดแล้วครับ จะเห็นได้จากสเปคที่ ดีขึ้น เยอะขึ้น และ SLR รุ่นล่างๆต่างมีราคาที่ถูกกว่าเสียอีก

ทุกวันนี้ DSLR อยู่ได้เพราะ ใหญ่กว่า จับถือสะดวก กดปุ่มง่าย และ ความเคยชินของคนที่พูดเท่านั้นเองครับ ... นอกนั้นผมเองก็คิดว่า ไม่กี่ปีเทคโนโลยี น่าจะแซง DSLR รุ่นท๊อป ไม่เหลือซาก

และต่อไป ถ้ามีบริษัท ที่จับ จุดได้ว่า ... ทำกล้อง ไร้กระจกให้ใหญ่ จับง่าย ปุ่มกดง่ายแม้ใส่ถุงมือหนาเตอะในอุณหภูมิติดลบ หรือ ใส่แบตความจุสูงๆมาได้ ใช้ได้สัก 8000 ใบ แม้เป็น EVF และไม่ต้องห่วงเรื่องที่ว่ากล้องไร้กระจก มันต้องเล็ก !!! วันนั้น SLR จะได้จากไปอย่างสงบเสียที

ทุกวันนี้สิ่งที่ไม่ชอบอย่างเดียวสำหรับกล้องไร้กระจก คือ ไม่มียี่ห้อไหนทำออกมาใหญ่ๆ ให้จับง่ายๆเลย แบตก้อนนิดเดียว ไปไหนที่จะไม่มีที่ชาร์จ ความจุแบตน้อยๆ ต้องพกเยอะ เปลืองอีก ปุ่มบางปุ่มแทบจะต้องเอาปากกาจิ้ม จับนานๆแล้วเมื่อยมาก  - -" ใส่ถุงมือนี่ไม่ต้องถามเลย จบข่าว กดปุ่มนึงลั่นแม่มทุกฟังก์ชั่นเพราะไปโดนปุ่มอื่นไปด้วย

อยู่ที่ผู้ใช้ จะเอาอะไรจากกล้อง ... ถ้า คิดเป็น เลือกถูก ... ก็ดีครับ

อย่าเป็นติ่งเลยครับ ...

(เผอิญผ่านมาเจอทู้นี้พอดี)


ผมว่า ผมพอจะเข้าใจจขกท.นะ ว่ารำคาญเพื่อนที่เป็นติ่ง DSLR ขนาดใหน

คงประมาณเดียวกับในกระทู้นี้หละมัง...


โดยเฉพาะพวกที่เหยียบหัวคนอื่น ให้ตัวเองดูสูงส่งขึ้นเนี่ย พลัดตกลงมาวันใหน ไม่ตายก็โดนยำคางเหลือง

โลกทัศน์คนบางคน แคบมานาน แคบเรื้อรังและไม่มีหนทางแก้

นิยาม "กล้องโปร" (ที่จำขี้ปากใครมาก็ไม่รู้) ก็คือ

1. ต้องมีกระจกสะท้อนแสง (ทั้งๆที่ไม่รู้เลยว่าเจ้ากระจกนี่ มีปัญหาขนาดไหน)
2. มี C-AF ที่ไวๆ (ทั้งที่ตัวเองไม่มีความสามารถ ที่จะเรียนรู้ได้ว่า ในสถานการณ์ไหนที่ต้องใช้ C-AF จริงๆ และ .. ไม่เคยใช้ให้ได้ผลเลยแม้ซักหน)

อะไรที่ไม่มีคุณสมบัติสองข้อนี้ ก็คือ เกือบไม่ใช่กล้องโปร

3. ต้องมีของให้เลือกซื้อเยอะแยะ ยิ่งเยอะเท่าไหร่ ยิ่งโปรมาก โปรกูโตก อะไรเทือกนั้น
  ทั้งที่ตัวเอง ไม่มีปัญญาซื้อมาลอง มาใช้ ได้แต่จำขี้ปากคนอื่นเขามาพูด (ลอกเลียนคนอื่นทุกอย่าง เพื่ออวดอ้างว่ากูก็เก่ง)

  เพื่อที่จะได้ฟันธงกว่า
  กล้องยี่ห้อใด ไม่มีของให้เลือกมาก มีแต่ของจำเป็นที่เหมาะสมกับการใช้งาน .. กล้องยี่ห้อนั้น ไม่ใช่กล้องโปรทันที

  ในขณะคนที่ซื้อมาเล่น ซื้อมาใช้ ซื้อมาทับกระดาษ หรือ ที่ บริษัทส่งมาให้ลองเล่น .. เขาไม่เคยแสดงเอ่ยถึงสองข้อข้างบน
  และคนที่เป็นมืออาชีพแท้จริง เขาไม่เคยสนใจคุณสมบัติบ้าบอคอแตกพวกนั้นเลย

  แต่จะให้ทำอย่างไร ในเมื่อที่อยู่ก็คับแคบ ที่ทำงานก็คับแคบ ความรู้ก็คับแคบ .. โลกทัศน์จะไม่คับแคบตาม มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

  บัวที่โผล่พ้นน้ำ มีสองประเภท คือ บัวประเภทที่เกิดในโคลนตม รู้ว่าอันใดคือโคลนตม อันใดคือน้ำ อันใดคือแสงอาทิตย์เห็นแสง
กับประเภทสอง คือ บัวที่อยู่ในท้องเต่า และเต่าเดินขึ้นพ้นเหนือผิวน้ำ เพื่อมาถ่ายออกท่ามกลางแสงอาทิตย์

จริงๆ มันก็ต้องยอมรับเรื่อง scope ในการใช้งาน  ว่า Mirrorless เป็นรอง DSLR อยู่แล้ว (ณ ตอนนี้)  ถึงแม้เรื่องไฟล์ภาพมันจะดีเทียบเท่า (หรือดีกว่า) ก็ตาม

แต่การใช้งานของบางคน มันไม่ได้จำเป็นที่จะต้องแบก DSLR ตัวใหญ่ๆออกไปถ่ายรูปซะเมื่อไร     แค่ Mirrorless FF นี่ก็เกินจะพอแล้ว

อีกอย่างคือ พวกที่คุยโว โอ้อวด หรือช่มคนอื่นด้วยอุปกรณ์แสนเทพและราคาแพงเนี่ย  ผมว่าน่าสมเพชมากๆ