กระแสความร่วมมือระดับนานาชาติอย่างประชาคมอาเซียน หรือที่รู้จักกันดีในนามของ AEC ที่กำลังใกล้เข้ามาทุกทีๆ หลายประเทศต่างเตรียมตัวให้พร้อมต้อนรับการเข้าสู่อาเซียน เพื่อให้ทันกระแส AEC ที่นอกจากความร่วมมือในด้านเศรษฐกิจแล้ว การศึกษาก็มีความสำคัญไม่น้อยต่อการพัฒนาประเทศด้วยเช่นกัน หลายคนคงอยากรู้ว่าใน 10 ประเทศสมาชิกอาเซียนมีระบบการศึกษาเป็นเช่นไร พัฒนาการและคุณภาพหากเทียบกับมหาวิทยาลัยจากทั่วโลกแล้วเป็นอย่างไรบ้าง Life on Campus จึงได้รวบรวมสุดยอดมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในแต่ละประเทศ สำหรับใครที่สนใจอยากไปศึกษาต่อยังต่างประเทศ คุณอาจจะได้รู้ว่ามหาวิทยาลัยในอาเซียนของไทยเองก็ไม่แพ้มหาวิทยาลัยใดๆ ในโลก โดยบางมหาวิทยาลัย Life on Campus ได้มีการอ้างอิงมาจากการจัดอันดับโลกของ QS และ THE เป็นต้น
1. ประเทศสิงค์โปร (Singapore) : ม.แห่งชาติสิงค์โปร ถูกและดียังมีในโลก
หากจะนับมาตรฐานคุณภาพเรื่องการศึกษาที่ดีที่สุดในอาเซียนก็คงจะหนีไม่พ้นประเทศสิงค์โปร ที่มีมหาวิทยาลัยชั้นนำ และนำความภาคภูมิใจมาสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่าง “มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงค์โปร หรือ National University of Singapore (NUS)” ที่สามารถครองอันดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุด ติดอยู่ในอันดับโลกที่ไม่ครองที่ 1 ก็ที่ 2 ติดต่อกันมาอย่างยาวนานทั้งจากสำนักจัดอันดับ QS และ Times Higher Education (THE) สำนักจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกชื่อดังแห่งเกาะอังกฤษ เผยโผล่าสุดในปี 2013-2014 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเอเชีย มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงค์โปร หรือ NUS ติดอยู่ในอันดับที่ 2 เป็นรองเพียงมหาวิทยาลัยโตเกียวจากประเทศญี่ปุ่น ส่วนในอันดับโลกนั้น ติดอยู่ในอันดับที่ 26 เรียกได้ว่ามาตรฐานไม่แพ้ชาติใดในโลก
National University of Singapore
มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงค์โปรเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุด ตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆ ก่อตั้งเมื่อ ค.ศ.1905 มีระบบการศึกษาที่รับมาจากประเทศอังกฤษและสหรัฐอเมริกา ทำให้ NUS มีการสอนแบ่งเป็น 2 ระบบคือ การสอนในกลุ่มเล็ก (หรือกวดวิชา) และการสอนแบบสะสมหน่วยกิต (แบบเครดิท) แบบประเทศสหรัฐอเมริกา และที่สำคัญค่าเล่าเรียนสำหรับนักศึกษาต่างชาติต่อปีของมหาวิทยาลัยค่อนข้างถูก ประมาณ 4,000 ดอลล่าร์ต่อปีเท่านั้น (ประมาณ 120,000 บาท) อีกทั้งยังขึ้นชื่อเรื่องสังคมวัยรุ่นที่มีแหล่งท่องเที่ยวและย่านการค้าที่มีชื่อเสียงเหมาะกับนักเรียนต่างชาติเช่นนักเรียนเอเชียเป็นอย่างมาก จึงทำให้นักเรียนเอเชียแห่ไปศึกษาต่อยังประเทศสิงคโปร์ ด้วยมาตรฐานการศึกษาที่ดีมากติดอันดับโลก แต่มีค่าเล่าเรียนที่ค่อนข้างถูก รวมถึงมีทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาต่างชาติอีกมากมาย
2. ประเทศมาเลเซีย (Malaysia) : ม.มาลายา ความภาคภูมิใจของชาติมุสลิม
Universiti Malaya
มหาวิทยาลัยมาลายา (Universiti Malaya) แห่งประเทศมาเลเซียเป็นอีกหนึ่งมหาวิทยาลัยที่ได้รับอิทธิพลของยุคอาณานิคม ที่ประเทศอังกฤษเข้ามามีส่วนร่วมในการวางรากฐานทางการศึกษาให้กับประเทศ จัดตั้งขึ้นโดยประเทศอังกฤษตั้งแต่ปี 1905 เดิมอยู่ในสิงคโปร์ แล้วย้ายมาตั้งที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ภายหลังจากแยกประเทศหลังทศวรรษ 1940 ซึ่งยังหลงเหลือมรดกความเป็นประเทศอาณานิคมคือการคงชื่อ “Malaya” ไว้ ถือเป็นอีกหนึ่งมหาวิทยาลัยแห่งความภาคภูมิใจของชาวมาเลเซียที่ได้สร้างชื่อเสียงจากการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลก โดย QS World University Rankings ประจำปี ค.ศ. 2012-2013 ในอันดับที่ 156 ของโลก และเป็นหนึ่งในเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียน ที่มีมาตรฐานทางการศึกษาที่ค่อนข้างสูง แต่ค่าเล่าเรียนกลับไม่แพงอย่างที่คิด
นักศึกษาที่ประเทศมาเลเซียจะมีช่วงอายุที่เข้าสู่การเรียนในระดับอุดมศึกษาที่เร็วกว่าประเทศอื่นๆ ทำให้นักศึกษาที่นี่จบปริญญาตรีกันตั้งแต่อายุยังน้อย นอกจากนี้มหาวิทยาลัยมาลายายังขึ้นชื่อในเรื่องการเป็นศูนย์เรียนรู้และวิจัยด้านเอเชียแปซิฟิกของภูมิภาค ที่น่าสนใจคือมีพิพิธภัณฑ์ที่เป็นแหล่งการเรียนรู้ถึง 7 แห่งด้วยกัน ในบรรดากลุ่มชาติมุสลิมในอาเซียน ต้องถือว่าประเทศมาเลเซียเป็นประเทศที่เปิดกว้างในเรื่องการศึกษาในแบบของนานาชาติ อีกทั้งยังมีสิ่งแวดล้อมในการเรียนของนักเรียนต่างชาติที่เหมาะสมไม่เป็นสองรองจากใครอีกด้วย
3. ประเทศไทย (Thailand) : บางมดสุดยอดติดอันดับโลก
King Mongkut’s University of Technology, Thonburi
หากจะกล่าวถึงมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในประเทศไทย ที่เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศแน่นอนว่าในสายตาของคนไทยคงต้องมีหลายมหาวิทยาลัยที่ติดโผในใจของคนไทยอย่าง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล หรือ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทุกมหาวิทยาลัยที่กล่าวมานั้นได้รับการการันตีจากการจัดอันดับมหาวิทยาลัยระดับโลกมาแล้วหลายแห่งไม่ว่าจะเป็น QS (Quacquarelli Symonds Ltd.) ที่เป็นการจัดอันดับมหาวิทยาลัยการตามสาขาวิชา ปี 2014 ซึ่งใน 100 อันดับก็จะมี จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยมหิดล และเกษตรศาสตร์ ติดอันดับได้อย่างน่าชื่นชม
แต่หากจะนับจากเกณฑ์มาตรฐานมหาวิทยาลัยระดับโลกจากสำนักจัดอันดับมหาวิทยาลัยชื่อดังจากประเทศอังกฤษ Times Higher Education มหาวิทยาลัยในไทยที่ไม่แพ้ชาติใดในโลกที่เป็นเพียงมหาวิทยาลัยเดียวที่ติดอันดับ 1 ใน 400 มหาวิทยาลัยจากทั่วโลกนั่นก็คือ “มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี King Mongkut’s University of Technology, Thonburi” หรือที่รู้จักในชื่อ "บางมด" มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของไทยและอันดับสามของอาเซียน ประจำปี 2013-2014 ติดอันดับโลกของ THE ในปีนี้เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ขยับขึ้นมาอยู่ในกลุ่ม 301-350 ของโลก ถือเป็นมหาวิทยาลัยดีเลิศด้านการวิจัย และมีการเรียนการสอนที่ดีเยี่ยมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกมหาวิทยาลัยหนึ่ง
4. ประเทศอินโดนีเซีย (Indonesia) : ม.แห่งชาติอินโดนีเซีย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
Universitas Indonesia
ประเทศอินโดนีเซียถือว่าเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 4 ของโลก และยังเป็นประเทศที่มีประชากรชาวมุสลิมมากที่สุดในโลกอีกด้วย ในด้านการศึกษาประเทศอินโดนีเซียแตกต่างจากประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นอย่างมาก คือจะไม่เน้นไปที่ภาษาต่างประเทศมากนัก แต่จะให้ความสำคัญในเชิงของศาสนาอิสลามมากกว่า มหาวิทยาลัยของประเทศอินโดนีเซียจึงมีไม่กี่แห่งที่เป็นที่รู้จักของเพื่อนร่วมอาเซียนด้วยกัน และมหาวิทยาลัยที่เป็นที่สุดของประเทศอินโดนีเซียคือ มหาวิทยาลัยแห่งชาติอินโดนีเซีย (Universitas Indonesia) ที่ตั้งอยู่ในเมืองหลวงจาการ์ต้า ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1849 เป็นมหาวิทยาลัยภายใต้การสนับสนุนของรัฐบาลอินโดนีเซีย หนึ่งในมหาวิทยาลัยภายใต้เครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียน ที่สนับสนุนทุนการศึกษาให้กับนักศึกษาประเทศต่างๆ
Universitas Indonesia
มหาวิทยาลัยแห่งชาติอินโดนีเซีย หรือ UI ถือเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก และมีเครือข่ายความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วโลก เพื่อร่วมมือกันในการวิจัยและพัฒนาการศึกษาให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้มหาวิทยาลัยแห่งชาติอินโดนีเซียยังได้รับรางวัลสถาบันการศึกษาสีเขียวที่มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่สุดในโลก (UI Green Metric World University Ranking) ประจำปี 2013 อยู่ในอันดับที่ 4 ของเอเชีย และอันดับ 5 เป็นมหาวิทยาลัยมหิดลของประเทศไทยเรานั่นเอง
5. ประเทศฟิลิปปินส์ (Philippines) : ม.แห่งชาติฟิลิปปินส์ ก้าวตามอเมริกา
The University of the Philippines (U.P.)
ประเทศฟิลิปปินส์จัดเป็นประเทศที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในอาเซียน รวมถึงหลักสูตรการศึกษาที่ทันสมัยได้รับต้นแบบมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา ดังนั้นมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศฟิลิปปินส์ที่หลายๆ คนกล่าวถึงในเรื่องมาตรฐานที่ดีที่สุดนั่นคงหนีไม่พ้น มหาวิทยาลัยแห่งชาติฟิลิปปินส์ หรือ The University of the Philippines (U.P.) ถือเป็นมหาวิทยาลัยแห่งชาติ และเป็นอันดับ 1 ของประเทศ ตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1908 อยู่ที่ Quezon City เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียน จัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรอเมริกา ในขณะที่ระบบการศึกษาของประเทศอื่นๆ ในทวีปเอเชียมักจะได้รับอิทธิพลจากประเทศอังกฤษ ฝรั่งเศส หรือเนเธอร์แลนด์ ซึ่งการศึกษาในรูปแบบอเมริกานี้มีส่วนช่วยให้เกิดการตื่นตัวทางสังคม และเกิดปัญญาชนในประเทศฟิลิปปินส์
นอกจากนี้ประเทศฟิลิปปินส์ใช้การเรียนการสอนแบบทวิภาษา บางวิชาจะสอนเป็นภาษาอังกฤษ ส่วนวิชาอื่นๆ จะสอนเป็นภาษาฟิลิปปินส์ แม้ว่าในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาประเทศฟิลิปปินส์จะเกิดปัญหาในด้านการเมืองมาตลอด ทำให้ยังไม่สามารถพัฒนาเรื่องการศึกษาได้ดีเท่าที่ควร แต่ด้วยพื้นฐานในด้านการศึกษาที่วางรากฐานมาได้เป็นอย่างดี รวมถึงเรื่องของการใช้ภาษาอังกฤษได้ดีทำให้ชาวฟิลิปปินส์ที่จบการศึกษามายังเป็นที่ต้องการในตลาดแรงงานของประเทศต่างๆ ในกลุ่มอาเซียนเป็นอย่างมาก
6.ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม (Brunei Darussalam) : บรูไนดารุสซาลาม มหาลัยแห่งความเปิดกว้าง
University of Brunei Darussalam
เมื่อกล่าวถึงสถาบันการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยในประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ถ้านับจริงๆ มีไม่ถึง 10 แห่ง ซึ่งน้อยมากเมื่อเทียบกับมหาวิทยาลัยในประเทศไทย และหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของประเทศบูรไน ดารุซาลาม ที่นำความภาคภูมิใจมาให้ชาวบรูไน คือ มหาวิทยาลัยแห่งบรูไนดารุสซาลาม (University of Brunei Darussalam) ที่นอกจากจะเป็นมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ แล้ว ยังเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในประเทศอีกด้วย ตั้งขึ้นในปี 1985 เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมโครงการเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียน ที่พร้อมเปิดรับนักศึกษาจากต่างประเทศโดยเฉพาะในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยน ซึ่งในปัจจุบันมีนักศึกษาจากประเทศต่างๆ มากมายเข้าไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยแห่งบรูไนดารุสซาลาม รวมไปถึงประเทศจีน ญี่ปุ่น ตะวันออกกลาง ยุโรป และแอฟริกา ที่นับวันยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้นอีกด้วย
University of Brunei Darussalam
มหาวิทยาลัยแห่งบรูไนดารุสซาลาม จัดได้ว่ามีความเชี่ยวชาญในด้านสังคมศาสตร์ และวิทยาศาสตร์เป็นอย่างมาก ระบบการศึกษาของบรูไนดารุสซาลามมุ่งตอบสนองความต้องการของศตวรรษที่ 21 โดยเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ มีโอกาสเลือกเรียนสาขาวิชาการต่างๆ ในระดับอุดมศึกษา ที่มีเป้าหมายในการสร้างสรรค์สันติภาพและความรุ่งเรืองของชาติ โดยกำหนดให้การศึกษาเป็นหนึ่งใน 8 ยุทธศาสตร์ที่สำคัญของประเทศอีกด้วย
7. ประเทศเวียดนาม (Vietnam) : ม.แห่งชาติฮานอย หนึ่งในเวียดนามที่ทุกชาติต้องจับตามอง
Vietnam National University, Hanoi
หากจะมองหามหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศเวียดนาม ที่เรียกได้ว่าเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำและทันสมัยที่สุดในประเทศมีอยู่ 2 แห่งด้วยกัน นั่นคือ มหาวิทยาลัยแห่งชาติเวียดนามฮานอย หรือ Vietnam National University, Hanoi (อีกแห่งอยู่ในนครโฮจิมินห์) เป็นมหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุด ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1945 ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงของประเทศ มีชื่อเดิมว่า “มหาวิทยาลัยอินโดจีน” (University of Indochina) ซึ่งทั้ง 2 มหาวิทยาลัยแห่งชาตินี้ยังมีความร่วมมือทางวิชาการกับเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียน การส่งนักศึกษาแลกเปลี่ยน การให้ทุนการศึกษาระหว่างมหาวิทยาลัยเพื่อนบ้านอาเซียนด้วยกัน รวมถึงการวิจัยร่วมกันในระดับนานาชาติอีกด้วย
ที่มา
http://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9570000053338
บางมด หรือ ม.พระจอมเกล้าธนบุรี ติด 1 ใน 10 สุดยอดมหาวิทยาลัยที่เจ๋งที่สุดอาเซียน!!!
1. ประเทศสิงค์โปร (Singapore) : ม.แห่งชาติสิงค์โปร ถูกและดียังมีในโลก
หากจะนับมาตรฐานคุณภาพเรื่องการศึกษาที่ดีที่สุดในอาเซียนก็คงจะหนีไม่พ้นประเทศสิงค์โปร ที่มีมหาวิทยาลัยชั้นนำ และนำความภาคภูมิใจมาสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่าง “มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงค์โปร หรือ National University of Singapore (NUS)” ที่สามารถครองอันดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุด ติดอยู่ในอันดับโลกที่ไม่ครองที่ 1 ก็ที่ 2 ติดต่อกันมาอย่างยาวนานทั้งจากสำนักจัดอันดับ QS และ Times Higher Education (THE) สำนักจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกชื่อดังแห่งเกาะอังกฤษ เผยโผล่าสุดในปี 2013-2014 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเอเชีย มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงค์โปร หรือ NUS ติดอยู่ในอันดับที่ 2 เป็นรองเพียงมหาวิทยาลัยโตเกียวจากประเทศญี่ปุ่น ส่วนในอันดับโลกนั้น ติดอยู่ในอันดับที่ 26 เรียกได้ว่ามาตรฐานไม่แพ้ชาติใดในโลก
National University of Singapore
มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงค์โปรเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุด ตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆ ก่อตั้งเมื่อ ค.ศ.1905 มีระบบการศึกษาที่รับมาจากประเทศอังกฤษและสหรัฐอเมริกา ทำให้ NUS มีการสอนแบ่งเป็น 2 ระบบคือ การสอนในกลุ่มเล็ก (หรือกวดวิชา) และการสอนแบบสะสมหน่วยกิต (แบบเครดิท) แบบประเทศสหรัฐอเมริกา และที่สำคัญค่าเล่าเรียนสำหรับนักศึกษาต่างชาติต่อปีของมหาวิทยาลัยค่อนข้างถูก ประมาณ 4,000 ดอลล่าร์ต่อปีเท่านั้น (ประมาณ 120,000 บาท) อีกทั้งยังขึ้นชื่อเรื่องสังคมวัยรุ่นที่มีแหล่งท่องเที่ยวและย่านการค้าที่มีชื่อเสียงเหมาะกับนักเรียนต่างชาติเช่นนักเรียนเอเชียเป็นอย่างมาก จึงทำให้นักเรียนเอเชียแห่ไปศึกษาต่อยังประเทศสิงคโปร์ ด้วยมาตรฐานการศึกษาที่ดีมากติดอันดับโลก แต่มีค่าเล่าเรียนที่ค่อนข้างถูก รวมถึงมีทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาต่างชาติอีกมากมาย
2. ประเทศมาเลเซีย (Malaysia) : ม.มาลายา ความภาคภูมิใจของชาติมุสลิม
Universiti Malaya
มหาวิทยาลัยมาลายา (Universiti Malaya) แห่งประเทศมาเลเซียเป็นอีกหนึ่งมหาวิทยาลัยที่ได้รับอิทธิพลของยุคอาณานิคม ที่ประเทศอังกฤษเข้ามามีส่วนร่วมในการวางรากฐานทางการศึกษาให้กับประเทศ จัดตั้งขึ้นโดยประเทศอังกฤษตั้งแต่ปี 1905 เดิมอยู่ในสิงคโปร์ แล้วย้ายมาตั้งที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ภายหลังจากแยกประเทศหลังทศวรรษ 1940 ซึ่งยังหลงเหลือมรดกความเป็นประเทศอาณานิคมคือการคงชื่อ “Malaya” ไว้ ถือเป็นอีกหนึ่งมหาวิทยาลัยแห่งความภาคภูมิใจของชาวมาเลเซียที่ได้สร้างชื่อเสียงจากการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลก โดย QS World University Rankings ประจำปี ค.ศ. 2012-2013 ในอันดับที่ 156 ของโลก และเป็นหนึ่งในเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียน ที่มีมาตรฐานทางการศึกษาที่ค่อนข้างสูง แต่ค่าเล่าเรียนกลับไม่แพงอย่างที่คิด
นักศึกษาที่ประเทศมาเลเซียจะมีช่วงอายุที่เข้าสู่การเรียนในระดับอุดมศึกษาที่เร็วกว่าประเทศอื่นๆ ทำให้นักศึกษาที่นี่จบปริญญาตรีกันตั้งแต่อายุยังน้อย นอกจากนี้มหาวิทยาลัยมาลายายังขึ้นชื่อในเรื่องการเป็นศูนย์เรียนรู้และวิจัยด้านเอเชียแปซิฟิกของภูมิภาค ที่น่าสนใจคือมีพิพิธภัณฑ์ที่เป็นแหล่งการเรียนรู้ถึง 7 แห่งด้วยกัน ในบรรดากลุ่มชาติมุสลิมในอาเซียน ต้องถือว่าประเทศมาเลเซียเป็นประเทศที่เปิดกว้างในเรื่องการศึกษาในแบบของนานาชาติ อีกทั้งยังมีสิ่งแวดล้อมในการเรียนของนักเรียนต่างชาติที่เหมาะสมไม่เป็นสองรองจากใครอีกด้วย
3. ประเทศไทย (Thailand) : บางมดสุดยอดติดอันดับโลก
King Mongkut’s University of Technology, Thonburi
หากจะกล่าวถึงมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในประเทศไทย ที่เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศแน่นอนว่าในสายตาของคนไทยคงต้องมีหลายมหาวิทยาลัยที่ติดโผในใจของคนไทยอย่าง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล หรือ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทุกมหาวิทยาลัยที่กล่าวมานั้นได้รับการการันตีจากการจัดอันดับมหาวิทยาลัยระดับโลกมาแล้วหลายแห่งไม่ว่าจะเป็น QS (Quacquarelli Symonds Ltd.) ที่เป็นการจัดอันดับมหาวิทยาลัยการตามสาขาวิชา ปี 2014 ซึ่งใน 100 อันดับก็จะมี จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยมหิดล และเกษตรศาสตร์ ติดอันดับได้อย่างน่าชื่นชม
แต่หากจะนับจากเกณฑ์มาตรฐานมหาวิทยาลัยระดับโลกจากสำนักจัดอันดับมหาวิทยาลัยชื่อดังจากประเทศอังกฤษ Times Higher Education มหาวิทยาลัยในไทยที่ไม่แพ้ชาติใดในโลกที่เป็นเพียงมหาวิทยาลัยเดียวที่ติดอันดับ 1 ใน 400 มหาวิทยาลัยจากทั่วโลกนั่นก็คือ “มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี King Mongkut’s University of Technology, Thonburi” หรือที่รู้จักในชื่อ "บางมด" มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของไทยและอันดับสามของอาเซียน ประจำปี 2013-2014 ติดอันดับโลกของ THE ในปีนี้เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ขยับขึ้นมาอยู่ในกลุ่ม 301-350 ของโลก ถือเป็นมหาวิทยาลัยดีเลิศด้านการวิจัย และมีการเรียนการสอนที่ดีเยี่ยมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกมหาวิทยาลัยหนึ่ง
4. ประเทศอินโดนีเซีย (Indonesia) : ม.แห่งชาติอินโดนีเซีย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
Universitas Indonesia
ประเทศอินโดนีเซียถือว่าเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 4 ของโลก และยังเป็นประเทศที่มีประชากรชาวมุสลิมมากที่สุดในโลกอีกด้วย ในด้านการศึกษาประเทศอินโดนีเซียแตกต่างจากประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นอย่างมาก คือจะไม่เน้นไปที่ภาษาต่างประเทศมากนัก แต่จะให้ความสำคัญในเชิงของศาสนาอิสลามมากกว่า มหาวิทยาลัยของประเทศอินโดนีเซียจึงมีไม่กี่แห่งที่เป็นที่รู้จักของเพื่อนร่วมอาเซียนด้วยกัน และมหาวิทยาลัยที่เป็นที่สุดของประเทศอินโดนีเซียคือ มหาวิทยาลัยแห่งชาติอินโดนีเซีย (Universitas Indonesia) ที่ตั้งอยู่ในเมืองหลวงจาการ์ต้า ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1849 เป็นมหาวิทยาลัยภายใต้การสนับสนุนของรัฐบาลอินโดนีเซีย หนึ่งในมหาวิทยาลัยภายใต้เครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียน ที่สนับสนุนทุนการศึกษาให้กับนักศึกษาประเทศต่างๆ
Universitas Indonesia
มหาวิทยาลัยแห่งชาติอินโดนีเซีย หรือ UI ถือเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก และมีเครือข่ายความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วโลก เพื่อร่วมมือกันในการวิจัยและพัฒนาการศึกษาให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้มหาวิทยาลัยแห่งชาติอินโดนีเซียยังได้รับรางวัลสถาบันการศึกษาสีเขียวที่มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่สุดในโลก (UI Green Metric World University Ranking) ประจำปี 2013 อยู่ในอันดับที่ 4 ของเอเชีย และอันดับ 5 เป็นมหาวิทยาลัยมหิดลของประเทศไทยเรานั่นเอง
5. ประเทศฟิลิปปินส์ (Philippines) : ม.แห่งชาติฟิลิปปินส์ ก้าวตามอเมริกา
The University of the Philippines (U.P.)
ประเทศฟิลิปปินส์จัดเป็นประเทศที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในอาเซียน รวมถึงหลักสูตรการศึกษาที่ทันสมัยได้รับต้นแบบมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา ดังนั้นมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศฟิลิปปินส์ที่หลายๆ คนกล่าวถึงในเรื่องมาตรฐานที่ดีที่สุดนั่นคงหนีไม่พ้น มหาวิทยาลัยแห่งชาติฟิลิปปินส์ หรือ The University of the Philippines (U.P.) ถือเป็นมหาวิทยาลัยแห่งชาติ และเป็นอันดับ 1 ของประเทศ ตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1908 อยู่ที่ Quezon City เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียน จัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรอเมริกา ในขณะที่ระบบการศึกษาของประเทศอื่นๆ ในทวีปเอเชียมักจะได้รับอิทธิพลจากประเทศอังกฤษ ฝรั่งเศส หรือเนเธอร์แลนด์ ซึ่งการศึกษาในรูปแบบอเมริกานี้มีส่วนช่วยให้เกิดการตื่นตัวทางสังคม และเกิดปัญญาชนในประเทศฟิลิปปินส์
นอกจากนี้ประเทศฟิลิปปินส์ใช้การเรียนการสอนแบบทวิภาษา บางวิชาจะสอนเป็นภาษาอังกฤษ ส่วนวิชาอื่นๆ จะสอนเป็นภาษาฟิลิปปินส์ แม้ว่าในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาประเทศฟิลิปปินส์จะเกิดปัญหาในด้านการเมืองมาตลอด ทำให้ยังไม่สามารถพัฒนาเรื่องการศึกษาได้ดีเท่าที่ควร แต่ด้วยพื้นฐานในด้านการศึกษาที่วางรากฐานมาได้เป็นอย่างดี รวมถึงเรื่องของการใช้ภาษาอังกฤษได้ดีทำให้ชาวฟิลิปปินส์ที่จบการศึกษามายังเป็นที่ต้องการในตลาดแรงงานของประเทศต่างๆ ในกลุ่มอาเซียนเป็นอย่างมาก
6.ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม (Brunei Darussalam) : บรูไนดารุสซาลาม มหาลัยแห่งความเปิดกว้าง
University of Brunei Darussalam
เมื่อกล่าวถึงสถาบันการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยในประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ถ้านับจริงๆ มีไม่ถึง 10 แห่ง ซึ่งน้อยมากเมื่อเทียบกับมหาวิทยาลัยในประเทศไทย และหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของประเทศบูรไน ดารุซาลาม ที่นำความภาคภูมิใจมาให้ชาวบรูไน คือ มหาวิทยาลัยแห่งบรูไนดารุสซาลาม (University of Brunei Darussalam) ที่นอกจากจะเป็นมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ แล้ว ยังเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในประเทศอีกด้วย ตั้งขึ้นในปี 1985 เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมโครงการเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียน ที่พร้อมเปิดรับนักศึกษาจากต่างประเทศโดยเฉพาะในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยน ซึ่งในปัจจุบันมีนักศึกษาจากประเทศต่างๆ มากมายเข้าไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยแห่งบรูไนดารุสซาลาม รวมไปถึงประเทศจีน ญี่ปุ่น ตะวันออกกลาง ยุโรป และแอฟริกา ที่นับวันยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้นอีกด้วย
University of Brunei Darussalam
มหาวิทยาลัยแห่งบรูไนดารุสซาลาม จัดได้ว่ามีความเชี่ยวชาญในด้านสังคมศาสตร์ และวิทยาศาสตร์เป็นอย่างมาก ระบบการศึกษาของบรูไนดารุสซาลามมุ่งตอบสนองความต้องการของศตวรรษที่ 21 โดยเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ มีโอกาสเลือกเรียนสาขาวิชาการต่างๆ ในระดับอุดมศึกษา ที่มีเป้าหมายในการสร้างสรรค์สันติภาพและความรุ่งเรืองของชาติ โดยกำหนดให้การศึกษาเป็นหนึ่งใน 8 ยุทธศาสตร์ที่สำคัญของประเทศอีกด้วย
7. ประเทศเวียดนาม (Vietnam) : ม.แห่งชาติฮานอย หนึ่งในเวียดนามที่ทุกชาติต้องจับตามอง
Vietnam National University, Hanoi
หากจะมองหามหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศเวียดนาม ที่เรียกได้ว่าเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำและทันสมัยที่สุดในประเทศมีอยู่ 2 แห่งด้วยกัน นั่นคือ มหาวิทยาลัยแห่งชาติเวียดนามฮานอย หรือ Vietnam National University, Hanoi (อีกแห่งอยู่ในนครโฮจิมินห์) เป็นมหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุด ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1945 ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงของประเทศ มีชื่อเดิมว่า “มหาวิทยาลัยอินโดจีน” (University of Indochina) ซึ่งทั้ง 2 มหาวิทยาลัยแห่งชาตินี้ยังมีความร่วมมือทางวิชาการกับเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียน การส่งนักศึกษาแลกเปลี่ยน การให้ทุนการศึกษาระหว่างมหาวิทยาลัยเพื่อนบ้านอาเซียนด้วยกัน รวมถึงการวิจัยร่วมกันในระดับนานาชาติอีกด้วย
ที่มา http://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9570000053338